เปิดพฤติกรรมคนไทยเดือนมิ.ย.


เพิ่มเพื่อน    

 

     ดูเหมือนว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่สาม ส่งผลให้การใช้จ่ายโดยรวมลดลงเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกไทยเองก็ยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมาฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ได้เผยผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนมิถุนายน 2564 พบว่า ผู้บริโภคในสังคมไทยมีแนวโน้มกังวลกับสภาวะทางเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าที่สามารถนำไปต่อยอด เพื่อหารายได้เข้ากระเป๋าเพิ่มเติม และยังมีความต้องการช็อปปิ้งเพื่อเป็นกิจกรรมคลายเครียด ทางด้านความสุขมีแนวโน้มที่ลดลงด้วยความกังวลในสถานการณ์ของโรคระบาด แต่ก็ยังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการลดรายจ่ายและหารายได้ในอนาคตอีกด้วย

            นางสาวชุติมา วิริยะมหากุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ระบุว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกที่สาม สร้างความวิตกกังวลให้กับคนในสังคมไทยอย่างมาก โดยผลสำรวจครั้งล่าสุดนี้พบข้อบ่งชี้เกี่ยวกับแนวโน้มพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยที่สำคัญ 2 ข้อ ได้แก่ 1.สถานการณ์ทำให้ต้องรัดกุม แต่ชีวิตยังต้องเดินหน้าต่อไป โดยการกลับมาของโควิด-19 ระลอกสามทำให้คนไทยลดการใช้จ่าย รัดกุมมากขึ้น เมื่อเทียบกับผลการสำรวจในช่วงเดือนเมษายน 2564  

            แม้ว่าจะมีแนวโน้มการใช้จ่ายโดยรวมลดลง แต่ความต้องการพื้นฐานในอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้จำเป็นก็เพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้จ่ายค่าน้ำมันเพื่อออกไปทำงานหารายได้ และมีบางส่วนที่ลดการทานอาหารนอกบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการแพร่ระบาด และเน้นประหยัดค่าใช้จ่าย โดยแนวโน้มความต้องการในการใช้จ่ายลดลง 2 คะแนน มาอยู่ที่ 54 คะแนน จาก 56 คะแนนเต็ม 100 ในผลสำรวจครั้งก่อน ขณะที่คะแนนความสุขในปัจจุบันยังคงที่อยู่ที่ 65 คะแนน เท่ากับผลสำรวจครั้งก่อน แต่แนวโน้มความสุขใน 3 เดือนข้างหน้านั้นคาดว่าลดลง เหตุจากความกังวลว่าสถานการณ์อาจยังไม่ดีขึ้น

            ส่วนข้อ 2.จะเป็นการชะลอของชิ้นใหญ่ แต่ยอมจ่ายเพื่อประโยชน์ รวมถึงความสุขเล็กๆ น้อยๆ สินค้าที่มีมูลค่าสูง อย่างเครื่องใช้ภายในบ้าน และโทรศัพท์มือถือ ถึงแม้มีแนวโน้มการใช้จ่ายลดลง แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการเพื่อนำไปช่วยในการประกอบอาชีพ เช่น ไว้ถ่ายรูปขายของ ขณะที่การได้ช็อปปิ้งเทศกาลลดราคากลางปี ทำให้ได้ซื้อของราคาถูกและเป็นการผ่อนคลายด้วย รวมถึงการซื้อสินค้าเสริมความงามที่มีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพื่อพยุงความรู้สึกให้รอดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้

            แน่นอนว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสามทำให้กลับมาระวังตัวมากขึ้น มุ่งใช้จ่ายในสิ่งที่มีความจำเป็นเท่านั้น โดยสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคซื้อมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาหาร 28% ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน 16% โทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน 8% เครื่องใช้ภายในบ้าน 6% และผลิตภัณฑ์เสริมความงาม 5%

            เมื่อจำแนกตามภาค พบแนวโน้มความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงภาคกลางและภาคใต้ ส่วนภาคที่มีความต้องการในการใช้จ่ายลดลงได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโดยเฉพาะภาคตะวันออกที่ลดลงต่ำที่สุดถึง 8 คะแนน มาอยู่ที่ 51 คะแนน จากเดิมที่มีแนวโน้มการใช้จ่ายสูงสุดในผลสำรวจครั้งก่อนที่ 59 คะแนน สาเหตุจากยังมีการกักตุนสินค้าคงเหลือเพื่อรองรับฤดูการท่องเที่ยวเมื่อเดือนเมษายน ผนวกกับสถานการณ์โควิดระลอกสามที่ต้องประหยัดและจำกัดการเดินทาง

            หากแบ่งตามช่วงอายุ พบว่า แนวโน้มการชะลอการใช้จ่ายอยู่ที่กลุ่มอายุ 30-39 ปี เป็นกลุ่มที่มีภาระด้านครอบครัว และยังไม่มีความมั่นคงด้านการเงินเท่ากลุ่ม 40 ปีขึ้นไป ดังนั้นกลุ่มนี้จึงส่งสัญญาณลบมากกว่ากลุ่มอื่น โดยเฉพาะสินค้าประเภทเสื้อผ้า การท่องเที่ยวในประเทศ และทานข้าวนอกบ้าน

            ผลสำรวจยังพบว่า ประเด็นที่คนไทยให้ความสนใจเพิ่มสูงขึ้น คือ โควิดระลอกสาม สูงถึง 83% เพิ่มขึ้น 59% จากผลสำรวจครั้งก่อน ตามด้วยข่าวด้านการเมืองในประเทศ 4% ที่มีนัยเกี่ยวข้องกัน แต่อีกด้านหนึ่งคือ ผลสำรวจพบประเด็นการมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการอยู่รอดในอนาคต อาทิ วัคซีน หรือการมองหาทางเลือกใหม่ในการหารายได้ อย่างกระแสการลงทุนในหุ้นหรือบิตคอยน์.  

รุ่งนภา สารพิน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"