"สุเทพ" ตัดสินใจแล้วเดินเข้าพรรครวมพลังประชาชาติไทยในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง เผยอุดมการณ์ รักชาติรักแผ่นดิน เทิดทูนสถาบัน มุ่งมั่นปฏิรูปประเทศ ยันไม่สมัคร ส.ส. ไม่รับตำแหน่งทางการเมือง
"วิลาศ" เชื่อไม่กระทบกับประชาธิปัตย์ เพราะกำนันทำได้แค่ไซด์ไลน์ อยากเลือกตั้งไม่ถอย "โรม" นัดประกาศเคลื่อนไหวต่อ 7 มิ.ย. อีกกลุ่มไปเผา-ฉีกโชว์รัฐธรรมนูญลายพราง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก "suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)" เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการวิพากษ์วิจารณ์พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการตั้งพรรคการเมืองใหม่ และมีคำถามเกี่ยวกับจุดยืนของตนค่อนข้างมาก ด้วยความเคารพต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ และต่อความคิดเห็นของพี่น้องทั้งหลาย ขอใช้โอกาสนี้แจ้งว่า ได้ตัดสินใจที่จะเข้าไปร่วมงานการเมืองกับพรรคการเมืองที่ชื่อพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)
ประธาน มปท.ให้เหตุผลว่า เพราะได้ทราบจุดยืนแนวความคิด อุดมการณ์ทางการเมือง ของบรรดาผู้ที่รักชาติ รักแผ่นดิน และตั้งใจที่จะสร้างพรรคการเมืองของประชาชนขึ้นมาในประเทศไทย ประเด็นนี้สำคัญที่สุด คือได้ตรวจสอบ พูดคุยซักถาม จนเห็นชัดเจนว่ากลุ่มผู้ก่อตั้ง รปช.มีความตั้งใจที่จะทำพรรคนี้ให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชนจริงๆ ประชาชนเป็นเจ้าของ เป็นผู้กำหนดตัวบุคคลที่จะมาเป็นผู้บริหารพรรค เป็นผู้กำหนดนโยบายพรรคประชาชน มีระบบที่จะควบคุมวินัยและจริยธรรมของผู้บริหารพรรคและสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองแบบนี้ในประเทศไทย
"ก่อนหน้านั้น เราเห็นพรรคของครอบครัว พรรคของกลุ่มผลประโยชน์ พรรคกลุ่มที่มุ่งหวังจะได้อำนาจทางการเมือง ไม่เคยมีพรรคการเมืองของประชาชนอย่างนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย รัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้เมื่อปี 2560 ที่ประชาชนได้ลงประชามติ ได้มีบทบัญญัติแสดงเจตนารมณ์ไว้ชัดเจนว่าต้องการเห็นการเมืองของประเทศเป็นการเมืองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ทั้งยังมีบทบัญญัติในการตั้งพรรคการเมืองที่จะให้ประชาชนมีเสียง มีอำนาจในการกำหนดกิจการในพรรคการเมือง"
นายสุเทพกล่าวว่า นอกจากเขาจะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาแล้ว ตนยังได้ซักซ้อมสอบถามถึงอุดมการณ์ของคนเหล่านี้ หรือพรรคนี้จะมีอุดมการณ์อย่างไร และเมื่อยิ่งฟังก็ยิ่งชอบ เพราะเขาตกลงกันว่าอุดมการณ์ที่จะยึดถือในพรรคการเมืองพรรคนี้ คือ 1.เรื่องการเทิดทูนและจงรักภักดีและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.เรื่องที่จะมุ่งให้การเมืองของประเทศนี้เป็นธรรมาธิปไตยเต็มไปด้วยความชอบธรรม ถูกต้อง สุจริตเที่ยงตรงทุกขั้นตอน 3.อุดมการณ์ที่จะเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน ทำงานการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ยอมรับอำนาจของประชาชน ในการชี้นำการเมือง
มุ่งมั่นปฏิรูป
4.เขาบอกว่า พรรคการเมืองนี้มุ่งมั่นที่จะปฏิรูปประเทศตามเจตนารมณ์ของประชาชน คือ ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูประบบ และองค์กร ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชัน ปฏิรูประบบราชการแผ่นดิน กระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น และปฏิรูปเรื่องการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในหมู่ประชาชน ซึ่งจะต้องทำเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข ที่สำคัญ เขาพูดถึงเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปตำรวจ อันนี้ตรงกับใจของพวกเรามวลมหาประชาชนที่เคยประกาศเอาไว้
นายสุเทพกล่าวต่อว่า พรรคนี้ไม่ใช่พรรคของ กปปส. เพราะ กปปส.ยุติบทบาทไปตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 เมื่อคณะ คสช.เข้ามารักษาสถานการณ์ในประเทศ แต่ความคิด อุดมการณ์ เจตนารมณ์ ที่ประชาชนเหล่านั้นได้แสดงไว้ พรรคการเมืองพรรคนี้เขาจะรับหน้าที่ สืบสานเจตนานั้น เพราะฉะนั้น วันนี้ให้ชัดเจนเลยว่าตนเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคดังกล่าว แต่จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ในพรรค
"ยืนยันว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ทั้งในเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อ หากว่า รปช.ได้เข้าร่วมรัฐบาล ผมก็จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาลที่จะตั้งขึ้นให้เพียงแต่จะทำหน้าที่อย่างเดียวคือช่วยเหลือสนับสนุนให้พรรคการเมืองของประชาชนที่ชื่อว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ทำงานเพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง"
นายสุเทพกล่าวว่า ในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ จะมีการประชุมผู้สนับสนุนพรรคและผู้ก่อตั้งพรรคเป็นครั้งแรก ที่ม.รังสิต ก็อยากเชิญชวนประชาชนที่สนใจไปร่วมงาน
สื่อข่าวรายงานว่า พรรค รปช.มีความเคลื่อนไหวล่าสุดผ่านเพจเฟซบุ๊กทางการของพรรคชื่อ "act party" โดยมีการไลฟ์กิจกรรมแรกของพรรคในช่วงระหว่างจัดตั้งพรรค เป็นการเปิดโรงเรียนการเมืองของ รปช. และมีอบรมความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมืองและการเลือกตั้งให้แก่ผู้ก่อตั้งพรรค ที่อาคารแปซิฟิคเพลส ถนนสุขุมวิท โดยมีนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. และนายชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นผู้บรรยาย ทั้งนี้ มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ไทย (มปท.) ร่วมงานด้วย
นายสุเทพกล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า วันนี้ต้องถือว่าเป็นวันที่มีความหมาย มีความสำคัญมาก สำหรับพรรคการเมืองของประชาชนที่กำลังจะตั้งขึ้น เพราะวันนี้เป็นวันเริ่มต้นที่จะให้มีโรงเรียนการเมืองของพรรค ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพาคนที่ออกจากระบบการศึกษามานั่งปรับความเข้าใจ ในเรื่องที่เป็นความสำคัญของประเทศชาติ การที่ท่านทั้งหลายได้เข้ามาร่วมเป็นนักเรียนการเมืองรุ่นแรกของพรรค ต้องถือว่าเป็นวันสำคัญ เป็นวันประวัติศาสตร์
ดร.จักษ์ซบ รปช.
"อยากให้พวกเราที่เป็นนักการเมืองรุ่นแรกของพรรค ได้ร่วมกันทำการศึกษา ร่วมกันแสดงเหตุผล ในการใคร่ครวญ วิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อที่จะให้เราทุกคนได้มีความคิดและมีประสบการณ์ที่มาจากการแลกเปลี่ยนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน อันจะยังประโยชน์มหาศาลในการดำเนินงานของพรรคการเมืองของประชาชนที่เราช่วยกันตั้งขึ้น"
นายสุเทพกล่าวต่อว่า งานการเมืองต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องในหลายเรื่อง ทั้งภาพรวมของประเทศ ในด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม เรื่องของการศึกษา ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมที่เกิดขึ้น เราจะมาพูดแลกเปลี่ยนกัน มาสอนกันในโรงเรียนการเมือง เพราะฉะนั้นในโรงเรียนนี้ บรรยากาศไม่ใช่มีแต่อาจารย์ที่จะมาสอน พวกเราต้องร่วมกันสอนด้วย ร่วมกันแสดงความคิดความเห็น นำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกัน เรียนแบบผู้ใหญ่ เรียนเพื่อให้นำไปใช้ได้ และต้องใช้อย่างเป็นประโยชน์ถูกต้องด้วย จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน
ขณะที่ ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร อดีตอาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เปิดใจถึงสาเหตุการลาออกจากอาจารย์ ม.นเรศวร เข้าร่วมทำงานการเมืองกับพรรครปช. ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า "...เราต้องการให้การเมืองของประเทศไทย เป็นการเมืองที่เป็นธรรมาธิปไตย มีหลักธรรม มีคุณธรรม เอาธรรมะเป็นตัวนำ อย่าใช้คำว่าอำนาจคือธรรม แต่เราถือว่าธรรมคืออำนาจ อำนาจคือธรรมหมายถึงคนที่มีอำนาจจะบอกว่าทุกอย่างถูกต้องได้ เพราะอำนาจบอกถูกต้อง แต่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เราจะใช้ธรรมะ ใช้ความถูกต้องเป็นตัวนำ และเมื่อมีความถูกต้อง มีความชอบธรรม อำนาจก็จะมา
นอกจากนี้ เราจะให้พรรคเป็นของประชาชนจริงๆ วันนี้ถามใครเป็นหัวหน้าพรรค ตอบไม่ได้ เพราะเรายังไม่ได้มีการประชุมใหญ่สมาชิกของพรรค พรรคของเราไม่ได้มีการกำหนดตัวว่าใครจะนั่งหัวหน้าพรรค และสร้างตุ๊กตา สร้างละครขึ้นมา แล้วมาโหวตได้เป็นตามโผ เราไม่ทำอย่างนั้น แต่เราจะให้สมาชิกทุกคนของพรรคมีโอกาสแสดงความเป็นเจ้าของพรรค ผ่านการเลือกของสมาชิกทุกคน ว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรค ดังนั้นข่าวที่ออกมาว่า ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ จะเป็นหัวหน้าพรรคนั้นไม่จริง
ดร.เอนกเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคเหมือนกับผม ไม่ได้ถูกวางตัวเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่มีใครมาชี้นิ้วได้ พรรคเราไม่มีนายทุน ไม่มีเจ้าของพรรคที่จะมาสั่งได้ว่าใครเป็นเลขาธิการพรรค ใครเป็นรองหัวหน้าพรรค ใครเป็นหัวหน้าพรรค อย่างไรก็ตาม ประมาณต้นเดือน ก.ย. เราจะมีการประชุมสมัชชา เพื่อให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศมีโอกาสโหวตว่าใครควรเป็นหัวหน้าพรรค ใครจะเป็นเลขาธิการพรรค แล้วยังมีข้อกำหนดของพรรคอีกว่า คนที่เป็นหัวหน้าพรรคไม่ใช่ผู้ผูกขาดอำนาจ ให้เป็น 2 ปี แล้วเปลี่ยนให้อีกท่านหนึ่งเป็น แล้วเมื่อครบ 4 ปี เราจะประชุมสมัชชาอีก เพื่อให้สมาชิกพรรคมีโอกาสโหวตเสียงว่าใครเป็นหัวหน้าพรรค
เปิดตัวพรรค รปช.
พรรคเราจะเป็นพรรคของประชาชน สามารถติดต่อกับกรรมการบริหารพรรคได้ เรามีระบบโซเชียลฯ เป็นนวัตกรรมทางการเมือง เปิดช่องทางสมาชิกพรรคส่งข้อความ ข้อเสนอแนะ มาสู่กรรมการบริหารพรรคได้ เราจะเห็นนวัตกรรมใหม่ที่ดึงเทคโนโลยีมาบริหารจัดการพรรค
นอกจากนี้ เราจะมุ่งสู่การปฏิรูปประเทศ ให้เป็นไปอย่างที่เราเคยประกาศไว้ ให้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และในเงื่อนไขต่อมาเรื่องรักความเป็นไทย ทำให้เกิดความศรัทธา สำนึกและภูมิใจในความเป็นไทย และยังมีเรื่องการน้อมนำศาสตร์พระราชามาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และสุดท้ายคือทำสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน ดังนั้น ใครที่มีอุดมการณ์เหมือนผม เชิญวันอาทิตย์นี้ 09.00 น. ที่อาคารสุริยเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต เราไปรวมตัวกัน เพื่อไปฟังอุดมการณ์ทางการเมืองเราเป็นอย่างไร มีคณะทำงานเป็นใครบ้าง
หลายคนที่ห่วงผม ไม่อยากให้ยุ่งกับการเมือง หลายคนห่วงจนโกรธ ที่ผมไปยุ่งกับการเมืองทำไม เป็นอาจารย์ต่อไปเถอะ ผมขอชี้แจงอีกครั้ง ผมคิดถึงแม่ คุณแม่ผมเสียไปเมื่อหลายปีก่อน ประโยคที่แม่บอกผมไว้ก่อนที่จะจากไป คือประเด็นเรื่องการเมือง ประเด็นที่ผมบ่น หลุดปาก พูดให้คุณแม่ได้ยิน ว่าทำไมการเมืองไทยมันสกปรก ทำไมนักการเมืองไทยถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมนักการเมืองบางคนถึงทำตัวไม่ดีเลย ทำไมระบบถึงเป็นอย่างนี้ ผมหลุดปากบ่นไปตามประสาของคนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง คุณแม่นั่งอยู่แล้วบอกว่า ก็มัวแต่ยืนอยู่ขอบบ่อ แล้วชี้นิ้วลงไปว่าบ่อมันสกปรก น้ำมันสกปรก แต่ไม่ยอมโดดลงไปล้างบ่อ แล้วเมื่อไหร่บ่อจะสะอาด ผมว่าประโยคนี้ที่ทำให้ผมได้คิด
และวันนี้คือวันที่ผมจะประกาศให้ทราบพร้อมๆ กันว่าผมได้ตัดสินใจแล้ว แล้วผมรู้ว่าโดดลงไปผมอาจจะแปดเปื้อนกับการกระทำของใครก็ตาม จะถูกสาดสีสาดโคลนจากใครก็ตาม แต่เราต้องยอม เพราะถ้าเราไม่เสียสละ ไม่ยอมเปื้อน แล้วเมื่อไหร่มันจะสะอาด..."
ด้านนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการก่อตั้งพรรคร รปช.ว่า อาจจะกระทบฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์บ้างเล็กน้อย เพราะเป็นธรรมดา เมื่อมีพรรคการเมืองเพิ่มขึ้น ทุกพรรคก็ย่อมได้รับผลกระทบ แต่ในส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะฝั่งธนบุรี เชื่อว่าไม่มีทางกระทบแน่นอน แม้จะมีความชัดเจนว่านายสุเทพร่วมสนับสนุน ตนเชื่อว่านายสุเทพไม่กล้าเปิดตัวทางการเมืองมาก เพราะเคยพูดไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง
แค่ไซด์ไลน์
"ดังนั้นคงทำได้เพียงเป็นไซด์ไลน์ อยู่เบื้องหลัง ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากต่อพรรค" นายวิลาศกล่าว
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำกลุ่มรวมพลังประชาชาติไทย เตรียมลาออกจากตำแหน่งต่างๆ เพื่อทำงานด้านการเมืองเต็มตัวว่า ที่ผ่านมานายเอนกเข้าไปเป็นผู้ประสานงานให้ คสช.และรัฐบาลในเรื่องต่างๆ พอสมควร คงเป็นความปรารถนาดีที่อยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อตัดสินใจทำพรรคการเมืองแล้วถอนตัวออกจากตำแหน่งต่างๆ ถือเป็นการแสดงสปิริตที่ดีงาม หลีกเลี่ยงข้อครหาความขัดกันแห่งผลประโยชน์ทำอะไรเพื่อพรรคของตัวเอง ต้องขอชื่นชม และการกระทำของนายเอนก น่าจะเป็นตัวอย่างให้รัฐบาลและ คสช.ว่า หากคิดจะเล่นการเมืองต่อไปควรทำอย่างไร
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงรายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นสิทธิของนายเอนกที่จะตัดสินใจ แต่นายเอนกเป็นคนที่มีต้นทุนทางวิชาการสูง เป็นคนที่เป็นกลาง ไม่ซ้าย ไม่ขวา ไม่เหลือง ไม่แดง ถือเป็นสติปัญญาแก่สังคม เป็นหลักของบ้านเมือง จึงแปลกใจที่จะไปร่วมกับกลุ่มที่เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ทหารออกมายึดอำนาจเมื่อปี 57 แปลกใจที่เอาต้นทุนของตัวเองไปทุ่มขนาดนั้น
เขากล่าวว่า น่าจะมีบทเรียนสมัยเป็นหัวหน้าพรรคมหาชนของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่กล่าวมานี้ด้วยความห่วงใย เพราะติดตามบทบาทของนายเอนกมาตลอด ไม่น่าจะเอาต้นทุนที่สั่งสมมาทั้งชีวิตมาใช้กับกิจกรรมทางการเมืองด้วยวิธีการแบบนี้
พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงโรดแมปการเลือกตั้งว่า ภายหลังร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ผ่านการวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จากนี้ต้องเริ่มระยะเวลาไปสู่การเลือกตั้ง เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมป มีการเลือกตั้งในกุมภาพันธ์ 2562 ส่วนกรณีที่วุฒิสภาสหรัฐอเมริการะบุอยากเห็นไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตยนั้น ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยต้องมองเช่นนั้น เชื่อว่าวุฒิสภาสหรัฐไม่ได้พูดคนแรก เพราะหลายประเทศก็ห่วง และอยากให้ประเทศไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด ส่วนตัวมองว่า 4 ปีนั้นช้าไป รัฐบาลควรคืนประชาธิปไตยให้คนไทยได้ตั้งนานแล้ว
ขณะที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะต้องไม่ลืมว่าวันนี้สังคมไทยกี่โพลก็ออกมาเหมือนกันหมดว่าประชาชนอยากได้อำนาจของเขากลับคืนมาแล้ว อยากเห็นกระบวนการเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นหากไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาอุปสรรค ภาระหน้าที่ของ คสช.และรัฐบาลก็คือ เร่งดำเนินการให้ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมปให้เร็วที่สุด นั่นจะเป็นการตอบคำถามและแสดงเกียรติยศของนายกรัฐมนตรีอย่างดีที่สุดด้วย อย่าให้นายกรัฐมนตรีต้องหน้าแตกซ้ำสองซ้ำสามเลย
เขากล่าวว่า ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ มีการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีกลุ่มพลเมืองฟ้องกลับ ฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวกข้อหาเป็นกบฏ จากกรณีเข้ายึดอำนาจทำรัฐประหารล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นที่น่าติดตาม
วงจรอุบาทว์
"เราจะเห็นแล้วว่าวันนี้สังคมไทยรังเกียจการยึดอำนาจอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อยึดอำนาจแล้วก็มาออกกฎหมายนิรโทษฯ ยืนลอยตัวอย่างสง่าในสังคม แต่ประเทศชาติย่อยยับไปขนาดไหน และในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีกฎหมายใดที่จะเอื้อมไปถึง ทำให้เป็นที่มาของการปฏิวัติซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากในวันที่ 22 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ผลคำพิพากษาออกมา สามารถเอาผิดกับคนที่ก่อการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ชิงอำนาจรัฐ มาลงโทษ เพื่อให้ได้คิดว่าการใช้กำลังในการรัฐประหารควรหมดไปได้ คนที่คิดก็จะไม่กล้าอีก จะได้ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารให้เป็นวงจรอุบาทว์อย่างนี้อีกไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน"
นายสมศักดิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองก็ได้ประกาศใช้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงยังพยายามเหนี่ยวรั้งให้เงื่อนเวลา สร้างปัญหาอยู่ตลอด ดังนั้นหากปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง ก็จะไม่มีใครมาต่อว่า คสช.หรือรัฐบาลได้เลยว่าให้โอกาสพรรคการเมืองใหม่มากกว่าพรรคการเมืองเก่า แน่นอนที่สุด คือจะต้องให้การปฏิบัติเท่าเทียมทุกพรรคการเมืองเสมอเหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะพรรคการเมืองที่สนับสนุนพวกคุณเท่านั้น ขอเพียงแต่ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกติกาและกฎหมายที่พวกคุณเป็นคนกำหนดขึ้นเองเถิด แต่อย่ามาบอกว่ากฎหมายพรรคการเมืองประกาศใช้แล้วแต่ยังทำกิจกรรมทางการเมืองไม่ได้ คสช.ก็จะกลายเป็นจำเลยของนักการเมืองอยู่ตลอด เพราะพวกเขาจะมอง ด้วยสายตาที่หวาดระแวง สายตาที่ขาดความเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาแล้วคุณจะคืนอำนาจหรือให้ความเป็นธรรมกับเขาหรือไม่ เพราะวันนี้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยังอยู่ที่คสช. ถึงแม้ว่าจะเลือกตั้งเสร็จแล้ว ประชาชนตัดสินใจเสร็จแล้ว ก็ยังขาดความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะยุติธรรม
นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ ในช่วงเช้า จะมีกิจกรรมการประกาศแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไปของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่บริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น จากนั้นแกนนำและแนวร่วมฯ ทั้ง 62 คนที่ถูกดำเนินคดีฟ้องร้องโดย คสช. จะเดินเท้าไปรายงานตัวตามหมายเรียกที่ สน.นางเลิ้ง
โดยยืนยันว่า กลุ่มคนอยากเลือกตั้งยังคงชุมนุมทางการเมืองได้ จากตามคำสั่งศาลห้ามชุมนุมทางการเมืองที่ผิดกฎหมายและก่อให้เกิดความวุ่ยวาย ซึ่งศาลยังไม่ได้ชี้ว่าการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย และถือผู้ถูกดำเนินคดี ยังเป็นผู้บริสุทธิ์
ฉีก-เผา รธน.ลายพราง
แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งย้ำว่า กิจกรรมของกลุ่มยังคงดำเนินต่อไป แต่รูปแบบอาจต่างจากเดิม โดยเฉพาะข้อเรียกร้องให้ คสช.ปลดล็อกกิจกรรมทางการเมือง ยกเลิกประกาศและคำสั่งที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และขอให้ยุบ คสช.
และแม้ว่าขณะนี้ไทม์ไลน์การเลือกตั้งจะเริ่มชัดขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าร่างพระราชบัญญัติประกอบรับธรรมนูญ หรือกฎหมายลูกจัดการเลือกตั้ง ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.และการเลือกตั้ง ส.ส .ชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งยืนยันต้องการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนจากรัฐบาล คสช.ภายในเดือน มิ.ย.นี้เท่านั้น เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นจริง และไม่มีการเลื่อนออกไป
นายเอกชัย หงส์กังวาน และนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ นักกิจกรรมทางการเมือง และสมาชิกกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เดินทางมารวมตัวแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยทำการฉีกรัฐธรรมนูญลายพราง บริเวณหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน จากนั้นได้เผาต่อหน้าสื่อมวลชนและผู้สังเกตการณ์ เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ไม่เอารัฐธรรมนูญ 2560 พร้อมเรียกร้องให้พรรคการเมืองต่างๆ แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560
นายเอกชัยกล่าวว่า หลังจาก 80 กว่าปีที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกทำการรัฐประหารโดยทหาร 10 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะมีการฉีกรัฐธรรมนูญทุกครั้งโดยทหาร ในแต่ละครั้งไม่เคยขออนุญาตประชาชนเลย นึกจะฉีกก็ฉีก แล้วก็เขียนขึ้นมาใหม่ ซึ่งตอนนี้ล่าสุดเรามีรัฐธรรมนูญลายพราง เป็นฉบับที่ 20 แล้ว ตนต้องการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และเผา เพราะตนไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม การทำกิจกรรมครั้งนี้ มีเพียงนายเอกชัย หงส์กังวาน และนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ พร้อมกับมวลชนจากกลุ่มคนอยากเลือกตั้งประมาณ 7-8 คน ในขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ชนะสงคราม มาคอยรักษาความปลอดภัยในกิจกรรมดังกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |