พรรคร่วมรัฐบาล-ฝ่ายค้านจ้องชำแหละ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทเข้าสภาพุธนี้ ปชป.แขวะ 1 ล้านล้านบาทรอบที่แล้วมีบางโครงการล้มเหลว เพื่อไทย-ก้าวไกล ประสานเสียงไม่ตีเช็คเปล่าให้ประยุทธ์ ภท.ปั่นราคาบอกไม่มีอวย แต่ขอลงมติเห็นชอบ ส่วนงบฯ 65 "ยุทธพงศ์" ล็อกเป้า ขวางงบซื้ออาวุธ-งบลับ ทั้งยานเกราะล้อยาง-เฮลิคอปเตอร์โจมตี-เรือยกพลขึ้นบก
ก่อนถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ ที่จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 วงเงิน 5 แสนล้านบาท ได้มีความเคลื่อนไหวจากพรรคการเมืองต่างๆ
โดยเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุม ส.ส.พรรคในวันอังคารที่ 8 มิ.ย.นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการพิจารณา พ.ร.ก.ดังกล่าว โดยการออก พ.ร.ก.เพิ่มเติมครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากที่ออก พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจากการดำเนินการตาม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาทที่ผ่านมา พบว่ามีทั้งที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ในขณะที่หลายโครงการก็ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เพราะฉะนั้นการใช้เงินกู้เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.ก.นี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลและ ศบค. ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ด้านนายกนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเช่นกันว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาทเป็นโอกาสอีกครั้งที่รัฐบาลจะแก้ไขข้อผิดพลาดของการบริหารเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท และโอกาสที่จะกู้ครั้งที่ 3 คงจะยากแล้ว เพราะเงินกู้เต็มวงเงิน 60% ของ GDP ประเทศที่กำหนดไว้เป็นกรอบความยั่งยืนทางการคลัง
นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และโฆษกพรรค ภท.กล่าวเช่นกันว่า การทำหน้าที่ของ ภท.ทุกครั้งในการอภิปรายไม่เคยมีครั้งใดที่อวย มีแต่จะตั้งข้อสังเกตต่างๆ กับรัฐบาลทุกครั้ง ฉะนั้นการทำ หน้าที่ของ ภท.คือการพยายามนำเสนอสิ่งที่คิดว่าสามารถนำไปปรับปรุงให้เป็นประโยชน์มากขึ้น
“ภูมิใจไทยไม่ใช่ทำหน้าที่แบบได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย แต่เราพยายามมองถึงข้อบกพร่องของมันและข้อสังเกตต่างๆ และใน พ.ร.ก.กู้เงินครั้งนี้ก็เหมือนกัน ภท.จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา สำหรับมติพรรคต้องรอการประชุมพรรค ภท.วันอังคารที่ 8 มิถุนายนนี้ แต่ด้วยเนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ที่กำลังรอเงินกู้ที่จะใช้ช่วยแก้ไขสถานการณ์ ซึ่งมีความจำเป็นต้องอนุญาตให้รัฐบาลกู้มาเพื่อเยียวยาปัญหาของประชาชน แต่ด้วยวิธีการและกระบวนกานจะต้องมีความชัดเจน" โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าว
นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การใช้จ่ายเงินกู้รอบนี้ควรจะใช้งบส่วนใหญ่แก้ไขปัญหาโควิด-19 มากกว่าการแจกเงินให้ประชาชนเป็นรายหัว เนื่องจากมีการแจกมาแล้วหลายรอบ ขณะที่งบประมาณการดูแลป้องกันโควิด-19 ในระดับพื้นที่ยังลงไปไม่ถึง
ด้านพรรคฝ่ายค้าน นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวว่า พรรคเห็นแล้วว่าการบริหารจัดการเงินกู้ล้านล้านบาทที่ผ่านมาของรัฐบาลชุดนี้ล้มเหลวเป็นอย่างมาก งบสาธารณสุขเบิกจ่ายล่าช้า ไม่สามารถรักษาระดับการจ้างงานและพยุงจีดีพีได้ ผู้ประกอบการรายย่อยในกลุ่มท่องเที่ยวต้องปิดตัวลงโดยไม่ได้รับการเยียวยาเลย การอนุมัติเงินกู้แสนล้านบาทเป็นเพียงการให้โอกาสต่ออายุ ต่อลมหายใจให้รัฐบาลชุดนี้เท่านั้น
"เราไม่สามารถตีเช็คเปล่าให้ประยุทธ์ได้อีกแล้ว เพราะหากรัฐบาลนี้ยังบริหารต่อไป ปีหน้าก็ต้องกลับมายื่น พ.ร.ก.กู้เงินอีก ซึ่งจะเป็นภาระให้ประชาชนต่อไป ดังนั้นที่ประชุมพรรคก้าวไกลจึงมีมติว่าสำหรับ พ.ร.ก.ฉบับนี้ เรามีมติไม่เห็นชอบให้รัฐบาลกู้เงินอีก 5 แสนล้านบาท โดยมีการเตรียมผู้อภิปราย 11 คน ในเวลาที่ได้จัดสรร 125 นาที" รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าว
ด้านพรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ใน พ.ร.ก.ดังกล่าวเขียนไว้กว้างๆ คือ ใช้ด้านสาธารณสุข 3 หมื่นล้านบาท ด้านเยียวยาประชาชน 3 แสนล้านบาท และด้านฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งไม่มีรายละเอียดใดๆ ว่าจะนำไปใช้อะไรบ้าง มองว่าเป็นการจัดงบไม่เหมาะสม เช่น ด้านสาธารณสุขทำไมไม่จัดเยอะกว่านี้ ปีที่แล้ว 2564 พลเอกประยุทธ์ที่มาขอเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เพื่อใช้ด้านสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้าน แต่วัคซีนไม่มี ดังนั้นนายกฯ ควรเอาสัญญามาเปิดได้หรือไม่ว่าซื้อวัคซีนราคาเท่าไหร่ ซื้อบริษัทใดบ้าง และจะส่งมอบกันอย่างไร เพราะวันนี้ประชาชนเดือดร้อน มีคนป่วย คนเจ็บและตายทุกวัน นอกจากนี้ที่บอกขอเงินกู้ไปใช้แก้โควิด สถานทูตอเมริกาไม่ได้ช่วยบริจาคแค่วัคซีน แต่ยังสนับสนุนเงินเป็นพันล้านบาทแล้ว นอกจากนี้วัคซีนซิโนแวคที่ประเทศจีนบริจาคอีก 5 แสนโดสมาถึงประเทศไทยแล้ว ที่ขอเงินกู้ไปปีที่แล้ว รวมถึงที่ขอเพิ่มตกลงเอาเงินไปทำอะไรบ้าง วันที่ 7 มิ.ย.จะมีวัคซีนเพียงพอฉีดเป็นวาระแห่งชาติหรือไม่ แล้วให้ความมั่นใจประชาชนได้อย่างไร
"พรรคเพื่อไทยเตรียม 35 ส.ส.เพื่อชำแหละ พ.ร.ก.เงินกู้ หากกู้โดยไม่วางแผนหรือถ้าเป็นการตีเช็คเปล่า พรรคเพื่อไทยจะไม่เห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงิน" นายยุทธพงศ์ระบุ
นายยุทธพงศ์ ส.ส.เพื่อไทยและหนึ่งใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2565 สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จากนี้ไปกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีการประชุมวันจันทร์ถึงวัน ศุกร์ ตั้งแต่ 7 มิ.ย.-5 สิงหาคม มีหน่วยรับงบประมาณ 732 หน่วยที่ต้องเข้ามาชี้แจง การเชิญแบ่งเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม ด้านความมั่นคง ด้านบริหาร หน่วยงานอิสระ หน่วยงานอื่นของรัฐ และแผนงานบูรณาการ 11 แผนงาน กฎหมายฉบับนี้สภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 105 วัน นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่งถึงสภา จะครบกำหนดในวันที่ 29 สิงหาคม
นายยุทธพงศ์กล่าวว่า กรอบในการทำงานของ กมธ.ในส่วนพรรคเพื่อไทยที่มี กมธ. 15 คน นำทีมโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้ให้กรอบไว้คือ พิจารณาในส่วนงบที่ไม่จำเป็นที่สามารถปรับลดได้ งบที่ไม่เป็นเรื่องเร่งด่วน โดยมอบให้ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการ ดูแลรับผิดชอบเรื่องงบศึกษาธิการ นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู ดูงบประมาณด้านเศรษฐกิจ เน้นกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และให้ตนดูเรื่องงบด้านความมั่นคง มหาดไทย ตำรวจ กลาโหม กองทัพ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยจะเข้าไปดูเรื่องงบราชการลับ ปีนี้ถือว่าเป็นวิกฤติงบประมาณเพราะสามารถจัดเก็บรายรับได้เพียง 240,000 ล้านบาท ไม่เพียงพอต้องกู้ 7 แสนล้านล้านบาท รวม 3.1 ล้านล้านบาท งบประมาณบางอย่างไม่มีรายละเอียด เช่นงบกระทรวงกลาโหม มีงบราชการลับของกองทัพบก 290 ล้านบาท กองทัพเรือ 62 ล้านบาท กองทัพอากาศ 30 ล้านบาท สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 32 ล้านบาท กองบัญชาการกองทัพไทย 55 ล้านบาท รวม 470 ล้านบาท และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ 416 ล้านบาท นอกจากนี้ไม่ใช่มีเพียงงบลับของกระทรวงกลาโหม งบราชการลับอีกก้อน ประมาณ 558 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี ขึ้นตรงกับนายกฯ เช่น เงินราชการลับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 60 ล้านบาท อยากถามว่าเอาไว้ทำอะไร ทำไอโอ หรือตรวจสอบพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ มีเงินราชการลับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ 232 ล้านบาท งบราชการลับสภาความมั่นคงแห่งชาติ 50 ล้านบาท และกระทรวงการต่างประเทศมีงบราชการลับ 8 ล้านบาท ศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้มีงบลับ 20 ล้าน หรือแม้กระทั่งกระทรวงแรงงาน ไม่ว่าสำนักปลัดกระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการคุ้มครองแรง งาน หรือกรมจัดหางานก็มีงบราชการลับ แล้วเหตุใดการตั้งงบลับจึงเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ เพียงแค่งบลับของกลาโหมกับสำนักปลัดนายกฯ ก็มีงบลับรวมกว่าพันล้าน
"จะเข้าไปตรวจสอบคือ งบจัดซื้ออาวุธในปี 2565 เท่ากับเรากู้มาซื้ออาวุธ เพราะงบประมาณเราเก็บภาษีรายได้มากกว่ารายจ่าย กองทัพบกมีโครงการจัดหายานเกราะล้อยางเพื่อเสริมสร้าง กอ.รมน.รูปแบบใหม่ ระยะที่สองปี 63-65 จำนวน 4,515 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์โจมตี (ระยะที่หนึ่ง) ปี 64-66 วงเงิน 4,226 ล้านบาท ส่วนกองทัพเรือซื้อเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำจากประเทศจีน จำนวน 1 ลำ ปี 62-65 วงเงิน 6,185 ล้านบาท โครงการจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ รุ่น S26-T ปี 63-69 วงเงิน 22,500 ล้านบาท ซึ่งในปีงบประมาณ 2565 กองทัพเรือไม่ขอเข้ามาใหม่ ส่วนกองทัพอากาศมีโครงการซื้อเครื่องบินโจมตีขนาดเบา ปี 64-66 วงเงิน 4,500 ล้านบาท และโครงการพัฒนาการปฏิบัติการในห้วงอวกาศ หรือ SPACE DOMAIN ระยะที่หนึ่ง ปี 64-67 วงเงิน 1,470 ล้านบาท ระยะที่สอง ปี 65-67 ระยะที่สาม ปี 67-69 และระยะที่สี่ ปี 70-72 อย่างไรก็ตาม อาวุธที่เราเห็นของสามเหล่าทัพเป็นยุทโธปกรณ์ราคาแพงจากต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ไม่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจประเทศ และเงินยังไม่มีแต่กลับมาใช้ซื้ออาวุธมากมาย ดังนั้นเห็นว่าส่วนไหนสามารถชะลอหรือสามารถลดได้ก็ควรทำ เพื่อนำมาแก้ปัญหาโควิด” นายยุทธพงศ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |