มิติ"ปัจจุบัน-อนาคต"


เพิ่มเพื่อน    

          เรื่อง "วัคซีนโควิด"

            ถ้ามองว่า รัฐบาลต้องหามาแบบพรึ่บเดียวฉีดพร้อมกันทั้งประเทศ, ต้องหามาทุกยี่ห้อให้เลือก, เดินเข้าไปปุ๊บ ต้องได้ฉีดปั๊บ

                แบบนี้....

                ท่านก็จะมีเหตุได้ก่นด่า-ว่ากล่าวรัฐบาล มันปาก มันเฟซ ทุกวันแหละ!

                แต่ถ้ามองแบบคนมีประสบการณ์ในสถานการณ์ที่เหนือการควบคุมทั้งเกี่ยวพันถึงคนหมู่มาก

                ท่านจะทั้งเข้าใจและเห็นใจการทำงานของรัฐบาลและบุคลากรทางแพทย์ทุกท่าน-ทุกที่

                มาถึงวันนี้ได้ ในสภาพนี้.........

                ต้องชม "ทุกฝ่าย" ว่าจริงจัง เข้มแข็ง อดทน เสียสละ มีศักยภาพ มีความเป็น "ทีม" ในการทำงานระดับ A+

                คนที่ "เอาใจ" เป็นที่ตั้ง จะมองการทำงานของรัฐบาล ของทีมสาธารณสุข ในแบบแรก

                แต่คนที่ "เอางาน" เป็นที่ตั้ง จะมองในแบบหลัง!

                เรื่องโควิดและวัคซีน ผมอยากแยกให้เห็น ๒ มิติ ในการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลและทีมแพทย์ไทย คือ

                -มิติปัจจุบัน

                -มิติอนาคต

                พูดเรื่องมิติปัจจุบันก่อน ๗ มิถุนา.ที่รัฐบาลบอก จะมีวัคซีนทยอยเข้ามา และพร้อมปูพรมฉีดทั่วประเทศ

                ในภาพใหญ่ วันนี้ ๗ มิถุนา.ก็เป็นไปตามนั้น รุ่นใหญ่-วัย ๖๐ อัป ลงทะเบียนจองไว้ที่ไหน ก็ไปได้ที่นั่น

                ดูตัวเลขวัคซีนที่ทยอยเข้ามา ในสัปดาห์แรกของ มิ.ย.

                แอสตร้าเซนเนก้า มาแล้ว ๒ ล้านโดส

                ซิโนแวค มาแล้ว ๑.๕ ล้านโดส

                รวม ๒ รายการ ๓.๕ ล้านโดส แบ่งๆกระจายกันไปเป็น "เข็มแรก" แต่ละพื้นที่ มาก-น้อย ตามเหตุปัจจัย

                สัปดาห์ที่ ๓ และ ๔ ของเดือน จะมาอีก ๓.๒ ล้านโดส รวมแล้ว เฉพาะเดือนปูพรมปฐมฤกษ์ มีวัคซีนได้ฉีด ๖.๗ ล้านโดส

                อาจมีคนร้อง ทั้่งประเทศ ๕๐-๖๐ ล้านคน มาแค่ ๖ ล้านกว่าโดส เอามาหยอดตาคนละหยด หรือเอามาฉีด?

                ท่านเคยไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านคนรอคิวยาวเป็นงูมั้ย อารามกลัวขาดตอน สั่งเบิ้ล ๓ เบิ้ล ๔ มาวางเรียงไว้เลย

                แล้วท่านกินรวดเดียวทั้ง ๓-๔ ชาม หรือกินทีละชาม?

                ก็กินทีละชาม ที่เหลือ ตั้งไว้ให้แมลงวันตอม!

                วัคซีนที่มาก็ประมาณนี้ เสิร์ฟชามแรก ๖.๗ ล้านชามไปตามคิวจองมาก่อน-มาหลัง

                พอถึงกรกฎา...สิงหา....และเรื่อยไป

                ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค ทั้งซิโนฟาร์ม "วัคซีนทางเลือก" ทั้่งไฟเซอร์ ทยอยเข้ามาสมทบเป็นลำดับ ด้วยจำนวนระดับสิบๆ ล้านโดส

                พูดง่ายๆ คนขาย เขารู้จำนวนลูกค้าแต่ละวัน เขาเตรียมของไว้พอรองรับ

                ถึงตอนเปิดขาย คนทำ ก็ต้องทำทีละชาม คนกิน ก็กินได้ทีละชาม ต่อให้สั่งมาทีเดียวสิบ-ยี่สิบชาม ก็ต้อง "ทีละชาม" อยู่ดี!

                ก็มองเรื่องวัคซีนด้วยข้อเปรียบเทียบนี้ จะได้สบายใจ "ตู่-หนู" บริการ

                อาจไม่ "ทันใจ" แต่เชื่อได้ว่า "ทันกิน" กับทุกคนแน่!

                จีนนี่ เขาดีนะ ขายไป-แถมไป

                ถึงตอนนี้ ถ้าจำไม่ผิด แถม "ซิโนแวค" ให้ไทยตั้ง ๖ ล้านโดสแล้วมั้ง?

                ตรงข้ามกับสหรัฐฯ "เจ้าบุญ-เจ้าคุณ" กับประเทศทั่วโลก วัคซีนเหมือนอาหารที่ตัวเองกินจนอืด เหลือทิ้ง-เหลือขว้าง

                โฆษกทำเนียบขาว นำความเป็นเจ้าบุญ-เจ้าคุณของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มาแถลงวันก่อน ว่า

                จะบริจาควัคซีน ๒๕ ล้านโดสให้ประชาคมโลก ผ่านโครงการโคแวกซ์ของ WHO

                - ๖ ล้านโดสให้แก่ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน

                - ๕ ล้านโดสให้แก่แอฟริกา

                - ๗ ล้านโดสให้แก่เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

                - ๖ ล้านโดส มอบโดยตรงแก่ เม็กซิโก แคนาดา เกาหลีใต้ เขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา อินเดีย ยูเครน โคโซโว เฮติ จอร์เจีย อียิปต์ อิรัก จอร์แดน และเยเมน และเจ้าหน้าที่ยูเอ็น

                แถมย้ำในคำแถลงด้วยว่า.......

                "บริจาคให้ประชาคมโลก โดยไม่หวังผลตอบแทนทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น"!

                โธ่...เวร มันเท่ากับประจานธาตุแท้ตัวเอง ว่าที่เคยมี-เคยให้กับประเทศนั้น-นี้ตลอดมา ไม่ได้ให้ด้วยมิตรจิต-มิตรใจอย่างใดเลย

                ให้แบบ "เหยื่อเกี่ยวเบ็ด" หวังผลตอบแทนทางการเมืองทั้งนั้น "วัคซีนเหลือเดน" นี่แหละ ที่ให้แบบไม่หวังผล!

                แล้วดูที่ให้ประเทศกลุ่มเอเชียซี...

                อินเดีย เนปาล บังกลาเทศ ปากีสถาน ศรีลังกา อัฟกานิสถาน มัลดีฟส์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ลาว ปาปัวนิวกินี ไต้หวัน

                และ "ไทย"!

                หารเฉลี่ยคร่าวๆ คงได้ประเทศละแสนโดสกว่าๆ มั้ง?

                ถ้าสังเกต จะเห็น สหรัฐฯ ไม่ให้ "เกาหลีเหนือ" และ "เมียนมา" เลย!

                เรื่องนี้ ผมเห็นด้วย ที่ "โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา" ทวีตข้อความ เมื่อ ๔ มิ.ย.ว่า

                "ตัวเลข 7 ล้านโดสจากสหรัฐสำหรับแบ่งกันในเอเชียกว่า 16 ประเทศ รวมประเทศที่เจ็บหนักอย่างอินเดีย ไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรกับไทยเลยค่ะ

            ควรปฏิเสธและยืนยันศักยภาพของประเทศที่กำลังจะพึ่งตัวเองได้ โดยเฉพาะเมื่อเรากำลังจะมีแบรนด์วัคซีนไทยจากจุฬาฯ

            ลองคำนวณจำนวนที่จะได้ กับเวลาที่จะมาถึงดูค่ะ

            วัคซีนสหรัฐจะมาในจำนวนน้อยนิดเพราะต้องหารตามสัดส่วนประชากรและความจำเป็นของแต่ละประเทศ

            และจะมาถึงในวันที่ไทยไม่ขาดวัคซีนแล้ว เพราะทุกตัวอยู่ใน pipeline

            แต่การยืนยันศักยภาพในฐานะประเทศที่เป็นฐานการผลิตและสละส่วนแบ่งให้กับประเทศที่เดือดร้อนกว่ามาก จะให้ผลดีหลายประการกับประเทศในระยะยาว"

            ไทยเรา "รับด้วยใจ" ก็พอ ไม่ต้องไปเป็นขอทานควานเศษเหรียญก้นขันที่สหรัฐฯ โยนใส่หรอก

                ยกส่วนให้เมียนมาหรือประเทศที่มีความจำเป็นเฉพาะหน้าไป จะเกิดประโยชน์จากส่วนนี้มากกว่าเรา อย่าไปรับมาเลย

                นี่คือ วัคซีนเฉพาะหน้า ในความเป็น "มิติปัจจุบัน"

                ทีนี้มาดูด้าน "มิติอนาคต" บ้าง

                โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงเมื่อวันเสาร์ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" จัดสรรงบกว่า ๒,๘๐๖ ล้านบาท

                สนับสนุนการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19 "เพิ่มศักยภาพประเทศ"

                เพื่อรับมือการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิดปัจจุบันและการระบาดของ "โรคอุบัติใหม่" อื่นๆ ในอนาคต

                ว่ากันตั้งแต่การพัฒนา "วัคซีนต้นแบบ" ไปถึงการเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรม "การผลิต-การพัฒนา" โครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการผลิตวัคซีน

                เพิ่มขีดความสามารถไทยเป็น "ศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนา" สู่การผลิตวัคซีนของภูมิภาคในอนาคต ไปถึงขั้นนั้นเลย

                หน่วยงานรัฐและเอกชน ที่ได้รับจัดสรรงบสนับสนุนการวิจัย โดย "สถาบันวัคซีนแห่งชาติ" ก็มี

                ๑) บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ๖๕๐ ล้านบาท เพื่อพัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19 ชนิด DNA

                ๒) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ๒๐๐ ล้านบาท เพื่อพัฒนาวัคซีนโควิด-19 "ต้นแบบ"

                ที่พร้อมทดสอบทางคลินิกและเตรียมพร้อมผลิตวัคซีนต้นแบบ สำหรับการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์

                ๓) บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ๑๖๐ ล้านบาท เพื่อการทดสอบวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศ โดยใช้พืชเป็นแหล่งผลิตในมนุษย์

                ๔) ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ๕๖๒ ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมสถานที่ผลิตวัคซีนโควิด-19 ตามความต้องการประเทศ

                 โดยใช้โรงงานต้นแบบ "ผลิตยาชีววัตถุ" แห่งชาติ และพัฒนาห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง ด้าน "การวิเคราะห์และทดสอบ" คุณสมบัติของยาชีววัตถุและวัคซีน รองรับการผลิตวัคซีนขึ้นใช้เองในประเทศ

                ๕) องค์การเภสัชกรรม ๑๕๖.๘ ล้านบาท เตรียมความพร้อมการแบ่งบรรจุวัคซีนโควิด-19 ภายในประเทศ

                ๖) บริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ๘๑.๘๘ ล้านบาท ขยายศักยภาพการผลิตวัคซีนในระดับอุตสาหกรรม รองรับการผลิตวัคซีนสำหรับคนไทย

                นอกจากนี้....

                 ยังจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน เพื่อเตรียมความพร้อมในปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ ปี ๖๓ จำนวน ๙๙๕.๐๓ ล้านบาท ให้ "สถาบันวัคซีนแห่งชาติ"

                เป็นทุน "วิจัย-พัฒนา" วัคซีน และสร้างศักยภาพการผลิตรองรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี

                หน่วยงานผู้รับทุน ก็มี.........

                -ศูนย์วิจัยวัคซีน "แพทยศาสตร์ จุฬาฯ" ๓๖๕ ล้าน

                -บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ๕๙๖.๒๔ ล้าน ส่วนนี้ รัฐบาลจะได้รับทุนคืนทั้งหมด

                โดยระบุในสัญญารับทุนว่า เมื่อบริษัทฯ ผลิตวัคซีนได้ตามมาตรฐานแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว จะส่งมอบวัคซีนให้รัฐบาลไทย

                ในจำนวนที่มีมูลค่าเท่ากับทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวัคซีนฯ

                จึงไม่ใช่เป็นการให้เปล่า แต่เป็นการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีในขั้นต้นเพื่อให้เป็นผลสำเร็จเท่านั้น

                -ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ จุฬาฯ ๓๓.๗๙ ล้านบาท

                เหล่านี้ เป็น "วิจัย-พัฒนา-สร้าง" เพื่อชีวิตและประเทศที่มั่นคง-ปลอดภัย จากโรคระบาดใหม่ ที่นับวันจะโจมตีโลก สู่การทำลายล้างมนุษยชาติหนักขึ้น

                นี่เป็น "มิติอนาคต" ที่ผมต้องการบอกให้ทราบ จากวิสัยทัศน์นายกฯ ประยุทธ์และทีมแพทย์ไทย

                "วิจัย-พัฒนา-ชีววัตถุ-เทคโนโลยีชีวภาพ" เหล่านี้ คือศัพท์ใหม่ๆ สะท้อนศักยภาพประเทศไทย สู่อนาคต

                ฉะนั้น จะด้อยค่าประเทศ จะด่านายกฯ ประยุทธ์ โปรดพัฒนา "คำด่า" ให้ทันสมัยด้วย

                หยาบเหมือนหนังควาย "รุ่นใหม่ซัมมิท"

            เป็น "ใหม่หลังเขา" ไม่มีใครเอาไปทำรองเท้าแล้วละ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"