6 มิ.ย.64- นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เรื่อง "ข้อคิดจาก Skolstrejk FOR KLIMATET ถึงสงครามของคนแต่ละรุ่น" ระบุว่า สุดสัปดาห์นี้ หนังสือเล่มสีเหลืองเล็กๆเล่มหนึ่ง ได้สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานให้ผม ในวันที่ 20 สิงหาคม 2561 เด็กผู้หญิงสวีเดนคนหนึ่งซึ่งมีอายุ 15 ปีในขณะนั้น ตั้งใจไม่เข้าเรียน เช้าวันนั้นเธอตั้งใจไปประท้วง ด้วยตัวตนเดียว ที่หน้ารัฐสภา ป้ายกระดาษที่เธอถือไปมีข้อความว่า “Skolstrejk FOR KLIMATET” หรือ “หยุดเรียนประท้วงเพื่อสิ่งแวดล้อม” เด็กนักเรียนคนนั้นชื่อ Greta Thunberg
"ผมใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้สามชั่วโมง หนังสือที่รวบรวมคำปราศรัยและข้อเขียนในที่ต่างๆตลอดสามปีที่ผ่านมาของ Greta Thunberg เด็กผู้หญิงชาวสวีเดนที่จุดประกายคนเป็นล้านคนให้หันมาสนใจปัญหาภาวะโลกร้อน การกระทำของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งนักเรียนและผู้ใหญ่หลายแสนคน ในหลากหลายเมืองสำคัญออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนนเพื่อเรียกร้องให้นักการเมืองและนักธุรกิจจริงจังมากกว่านี้ในการหยุดภาวะโลกร้อน และนั่นเป็นที่มาของชื่อหนังสือ “No One is Too Small To Make A Difference” - ไม่มีใครเล็กเกินไปที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง
นายธนาธรระบุว่า หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมเข้าใจเธอ และเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการสื่อสารมากขึ้น ผมนั่งอ่านคำปราศรัยของเธอนับสิบๆ ครั้งในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปราศรัยบนเวที การแสดงออกของประชาชนบนท้องถนนในเมืองมอนทรีออล แคนาดา, ในรัฐสภาของประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา, หรือในที่ประชุมที่เต็มไปด้วยผู้นำระดับโลก เช่นที่ประชุมใหญ่ขององค์กรสหประชาชาติ เธอส่งสารที่สั้น เข้าใจง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยพลัง เพียง 3 ประเด็นซ้ำไปซ้ำมาในทุกการปราศรัยในทุกเวที คือ หลักฐานทางวิทยาศาตร์บ่งชี้ชัดว่าหากเรายังไม่ทำอะไรจริงจังกว่านี้ อีกไม่กี่ปี ภาวะโลกร้อนจะเลวร้ายถึงจุดที่ไม่อาจหวนกลับได้ จุดที่เรียกได้ว่าเป็นมหันตภัยที่จะทำลายล้างโลก การสูญพันธุ์ขนานใหญ่ครั้งที่ 6 ของสิ่งมีชีวิตในประวัติศาสตร์โลก
"วิกฤตครั้งนี้ ไม่ได้ถูกจัดการหรือให้ความสำคัญ อย่างที่มันควรจะเป็น สิ่งที่ผู้นำทั้งทางการเมืองและทางธุรกิจทั่วโลกปัจจุบันทำนั้นยังไม่พอต่อการแก้ปัญหาที่เรียกได้ว่าเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ หากผู้ใหญ่ไม่แก้ปัญหาในตอนนี้ คนที่ต้องรับผลกระทบคือคนรุ่นเธอ โลกจะพังเมื่อคนรุ่นเธอเติบโตขึ้น ครั้นจะรอให้คนรุ่นเธอ เติบโตพอที่จะกำหนดทิศทางของสังคม ก็สายไปเสียแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องหยุดเรียน เพื่อส่งเสียงของอนาคต
เธอยกตัวอย่าง ง่ายๆว่า ในวิกฤตที่ใหญ่ขนาดนี้ เรากลับไม่เห็นนักการเมือง หรือนักข่าว นำเสนอถึงปัญหา สถานะและความคืบหน้าของเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องประหนึ่งว่ามันเป็นวิกฤตเลย และเธอตั้งคำถามถึงสามัญสำนึกพื้นฐานของคนที่มีสถานะและอำนาจในปัจจุบันในทุกวงการว่าพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ คนในแต่ละรุ่นเผชิญปัญหาใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็นวาระระดับโลกแตกต่างกันไป ในยุคหนึ่ง วาระระดับโลกคือการสร้างคุณค่าให้กับเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน"
นายธนาธรระบุว่า ในยุคพ่อแม่ผมยังหนุ่มสาว คนรุ่นเขาเรียกร้องให้หยุดสงคราม คนเรียกร้องเสรีภาพ เขาเติบโตมากับสโลแกนเช่น Make Love, Not War หรือกับบทเพลง Imagine ของ John Lennon โจทย์ของคนรุ่นปัจจุบัน หรือ สงครามของคนรุ่นปัจจุบัน -ถ้าจะเรียกให้สมกับความสาหัสของสถานการณ์- คือเรื่องวิกฤตภาวะโลกร้อนอย่างไม่ต้องสงสัย เป้าหมายคือการลดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก ไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียสจากในยุคก่อนอุตสาหกรรมให้ได้ และพยายามมุ่งสู่เป้าหมายของการจำกัดไม่ให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาหากเป็นไปได้ ผมหวังและอยากเห็นประเทศไทยเอาจริงเอาจัง เป็นส่วนหนึ่งและส่วนนำในการผลักดันสังคมไร้คาร์บอนมากกว่านี้ ทั้งในระดับประเทศ ระดับอาเซียน และในระดับโลก
"ผมอยากใช้พลัง ความเป็นผู้นำ และความคิดสร้างสรรค์ของตนเองผลักดันวาระดังกล่าวมากกว่านี้ เรายังต้องประชาสัมพันธ์ให้คนจำนวนมากเข้าใจถึงความสาหัสของสถานการณ์มากกว่านี้ เรายังต้องจริงจังกับการผลักดันนโยบายที่ทะเยอทะยานพอที่จะหยุดปัญหา แต่ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงความเท่าเทียมในสังคม เรายังต้องคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆที่จะทดแทนเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ต้องใช้คอร์บอนในปัจจุบันอีกมากมาย เรายังต้องสร้างเครือข่าย ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์และความผิดพลาดของกันและกันอีกมาก"
นายธนาธรระบุตอนท้ายว่า หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมตระหนักว่าที่ผ่านมาตัวเองยังทำไม่พอในฐานะผู้มีบทบาทคนหนึ่งในสังคม และในอนาคตต้องทำมากกว่านี้ ที่สำคัญ เมื่อผมอ่านเรื่องราวของ Greta ผมก็นึกเสียดายพลังของคนรุ่นใหม่ในสังคมไทยเหลือเกิน คนหนุ่มสาวในประเทศของเราต้องใช้พลังมากมาย เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกับกระสุนยาง แก๊สน้ำตา และเสียเวลาในเรือนจำกับคดีความที่มุ่งปิดปากพวกเขา ทั้งหมดเป็นการต่อสู้เพื่อผลักดันวาระของคนรุ่นที่แล้ว เพื่อปลดปล่อยประเทศให้ไปข้างหน้า เรากำลังปล่อยให้คนรุ่นปัจจุบันต่อสู้กับปัญหาที่ควรจะถูกแก้ไปแล้วตั้งแต่หลายสิบปีก่อน แทนที่พวกเขาจะได้ต่อสู้ในสงครามของพวกเขา ในสงครามที่จะส่งผลกับโลกทั้งใบ และนี่คือเหตุผลที่ปัญหาการเมืองไทยต้องจบในรุ่นเราเสียที เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ใช้พลังงานไปกับการแก้ปัญหาใหม่ๆ สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับโลกใบนี้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |