6 มิ.ย. เพจไทยคู่ฟ้า โพสต์ข้อความผ่านเพจระบุว่า ชวนมาทำความรู้จักโครงการใหม่แกะกล่อง ซึ่งอยู่ในมาตรการเยียวยาโควิด-19 รอบใหม่ ที่ผู้คนให้ความสนใจก็คือ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" โครงการนี้ที่มีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เพื่อดึงดูดให้กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ และมีรายได้ค่อนข้างสูง นำเงินออกมาใช้จ่ายและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ซึ่งรัฐจะสนับสนุนเงินคืนในรูปแบบ e-Voucher สำหรับค่าซื้อสินค้า ค่าอาหาร เครื่องดื่ม และบริการ ที่ผู้รับสิทธิได้ชำระให้กับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จำกัดวงเงินใช้จ่ายจริงไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน เมื่อนำยอดจ่ายจริงมาคำนวณสิทธิแล้ว จะได้เงินคืนไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และสะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคนเปิดเงื่อนไข“ยิ่งใช้ยิ่งได้” รับe-Voucher คืนสูงสุด 7,000 บาท ลงทะเบียน 21 มิ.ย.นี้
ส่วนวิธีการใช้จ่ายจะดำเนินการผ่าน G-Wallet ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่จะต้องเติมเงินก่อนเพื่อใช้ซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ และระบบจะให้คืน เป็น e-Voucher ใน G-Wallet ทุกต้นเดือนถัดไป โดยไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้คุณสมบัติ ผู้ร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ คือมีสัญชาติไทยมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ที่มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่เป็นผู้รับสิทธิในโครงการอื่น ดังนี้• ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
• ไม่ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
• ไม่ใช้สิทธิโครงการ “คนละครึ่ง” ระยะที่ 3 เปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 2564 เป็นต้นไป ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือ เว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com เวลา 06.00 - 22.00 น. โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในช่วงเดือน ก.ค. – ธ.ค. 64สำหรับผู้ประกอบการร้านค้า สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ได้ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป โดยผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐ ที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” แล้ว ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชัน “ถุงเงิน” ได้เลยส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการใด ๆ ของรัฐ ให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือสาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทยฯสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3697 3527 3509 3525 หรือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0 2111 1122
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน โพสต์เฟสบุ๊กว่า "โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ไม่ใช่โครงการที่คิดขึ้นมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแบบไม่มีที่มาที่ไป แต่มีวิถีคิดบนพื้นฐานของข้อมูลที่เชื่อถือได้ ผมได้ชี้แจงประเด็นนี้ไว้ในการประชุมสภาฯ รับหลักการร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปี พ.ศ. 2565 เมื่อวาน (2 มิ.ย. 64) ดังนี้ครับ
ดังที่มีท่านสมาชิกฯ สงสัยว่าแนวคิดของ ครม. ในการกระตุ้นการใช้จ่ายโดยมุ่งพิจารณาผู้ที่มีรายได้สูง ผ่านการคิดโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ดูไม่มีที่มาที่ไปนั้น ที่จริง ครม. คิดโครงการนี้บนพื้นฐานของข้อมูลที่เรามีและเชื่อถือได้ครับ โดยจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วงปลายปี 63 เมื่อเทียบกับปี 62 ซึ่งถึงแม้จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เรากลับพบว่ามีสภาพคล่องหรือเงินฝากที่อยู่ในบัญชีเงินฝากสูงขึ้นถึง 820,000 ล้านบาท จึงเป็นที่มาของแนวคิดโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ที่จะดึงดูดและเชิญชวนกลุ่มคนที่มีรายได้สูงหรือมีเงินฝากเป็นจำนวนมากให้มาจับจ่ายใช้สอย เพราะแม้อาจมีจำนวนไม่มาก แต่หากกลุ่มคนจำนวนไม่กี่ล้านคนนี้ใช้จ่ายเป็นหลักหมื่นหลักแสน นั่นจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจสูงขึ้นได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
รัฐบาลคาดหวังที่จะกระตุ้นกลุ่มคนจำนวนไม่กี่ล้านคนที่มีสภาพคล่องสูงขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมานี้ ให้จับจ่ายใช้สอยผ่านโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เพราะถ้าดึงดูดให้เขามาเข้าร่วมในโครงการได้ ก็น่าจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ถึง 240,000-300,000 ล้านบาท ทั้งหมดนี้คือวิถีคิดและที่มา ยืนยันว่าเราคิดโครงการแบบมีที่มาที่ไปและตั้งอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูลจากความเป็นจริงครับ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |