"ชวน" กรีดยับ สภาวุ่นวายเกิดจากนักการเมืองที่ประชาชนเลือกเข้าไป เลือกคนวุ่นๆ เข้าไปก็วุ่นหมด "จุรินทร์" ยันไม่มีสัญญาณยุบสภา-ปรับ ครม. ลั่น! ประชาธิปัตย์ทำงานร่วมกับใครก็มีหลักเกณฑ์ ไม่จำเป็นต้องมานั่งเอาใจหรือพูดคุยรายวัน ไม่เช่นนั้นพรรคคงไม่อยู่มาได้จนมีหัวหน้าพรรคคนที่ 8 เมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้ว ไว้วางใจได้ ยกเว้นผิดเงื่อนไขจากที่ตกลงกันไว้ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต ขณะที่เพื่อไทยเลือดไหลคนรุ่นใหม่ลาออก
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2564 นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงความวุ่นวายในสภาเกิดจากนักการเมืองที่ประชาชนเลือกเข้าไป เลือกคนวุ่นๆ เข้าไปก็วุ่นหมด แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีการถกเถียงกัน เป็นสิทธิของแต่ละฝ่ายเพราะเป็นระบบประชาธิปไตย แต่ในขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านหรือรัฐบาลจะต้องระลึกถึงหน้าที่ของตัวเอง
"บางคนเขาก็เก่งก็เตรียมข้อมูลมาดี บางคนไม่มีข้อมูลก็พูดนอกประเด็น เอาประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาพูด ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณจนเกิดความวุ่นวาย ดังนั้นที่มี ส.ส.บางคนอยากให้ยุบสภานั้น ไม่ใช่ผม แต่จะต้องเป็นอำนาจของฝ่ายสภา ถึงแม้ว่าจะมีการโต้เถียงกัน ผมเชื่อว่าเอาอยู่อยู่แล้ว"
นายชวนกล่าวว่า ตนเองทำโครงการบ้านเมืองสุจริต เชื่อว่าระบบประชาธิปไตย สิทธิหน้าที่ต้องไปคู่กัน งบประมาณรายจ่ายใช้จะต้องไม่รั่วไหล ไม่ใช่งบประมาณ 100 กิน 30 ทำแค่ 70 อย่างนั้นจะทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งเบื้องหลังส่อทุจริต ถนนหนทางไม่คงทน แทนที่จะอยู่ได้นานก็พังตามมา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร เปิดตัวนายกิตพล เชิดชูกิจกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง-ประเวศ แทนนายสามารถ มะลูลีม อดีต ส.ส.ที่เป็นผู้สมัครคนเดิม ถือเป็นการเปิดตัวคนแรกของพรรคในพื้นที่ กทม. และจากนี้ไปจะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ก.และ ส.ข.ที่เป็นคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ของพรรคตามแคมเปญ "เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ"
เมื่อถามว่า การเตรียมพร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ก.และ ส.ข.เป็นสัญญาณจะมีการเลือกผู้ว่าราชการ กทม.ใช่หรือไม่ นายจุรินทร์แจงว่า ไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีการเลือกตั้งในช่วงเวลาใด เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอำนาจในการกำหนดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม., ส.ก.และ ส.ข. แต่ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นจะต้องมีการเลือกตั้ง ไม่ช้าก็เร็ว จะมีแต่เพียงผู้ว่าที่มาจากการแต่งตั้งตลอดกาลเป็นไปไม่ได้ ประเทศพัฒนาไปเยอะ กทม.เปลี่ยนแปลงก้าวไปข้างหน้า แต่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ก็ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และเลือกตั้งทั่วประเทศ
ซักว่า จากสถานการณ์จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในเดือนใด หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และ กกต.จะเป็นผู้กำหนด แต่ไม่ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อม
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการยุบสภาและการปรับ ครม. นายจุรินทร์กล่าวว่า ต้องถามนายกรัฐมนตรี และจนถึงขณะนี้พรรคยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ รัฐบาลยังคงทำหน้าที่ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมคุยกันในภาพชัดเจน ไม่ว่ามีหน้าที่อะไรก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ที่สุด
ไม่จำเป็นต้องมานั่งเอาใจใคร
"อะไรจะเกิดเป็นเรื่องของอนาคต ถ้ามัวแต่กังวลไม่ทำงาน ประชาชนจะเสียโอกาส เสียเวลาประเทศ พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ทำเช่นนั้น แต่จะขอทำหน้าที่ของตัวเองจนนาทีสุดท้าย ไม่ว่าจะยุบสภาหรืออยู่ครบวาระ นี่คือสิ่งที่พูดและยืนยันจะทำให้เห็น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยุคนี้เป็นยุคทำ ทำให้เห็นและพิสูจน์ ทำได้จริงทำได้ไว ทำได้ทุกเรื่องตามที่ประกาศไว้"
นายจุรินทร์ยืนยันด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์มีเอกภาพ ที่ผ่านมาที่มีความเห็นต่างนั้นเป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่ภาพรวมพรรคประชาธิปัตย์มีเอกภาพ และข้อยุติ คือมติของพรรค ซึ่งล่าสุดการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 พรรคก็สนับสนุนให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะงบประมาณรายจ่ายคือตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ถือเป็นการลงทุนก้อนใหญ่ที่สุดของระบบเศรษฐกิจ และเป็นตัวขับเคลื่อนจีดีพี
“ถ้าไม่มีงบประมาณเศรษฐกิจก็ขับเคลื่อนไม่ได้ การรับงบประมาณเป็นเรื่องถูกต้อง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีทางที่เป็นอย่างอื่น ต้องยกมือสนับสนุน เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีหลักไม่ใช่ทำงานรายวัน ถึงอยู่มาได้ถึงวันนี้และจะอยู่ต่อไป”
ถามอีกว่า นายกรัฐมนตรียังไว้ใจพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า ต้องไปถามนายกฯ แต่พรรคประชาธิปัตย์เมื่อทำงานร่วมกับใครก็มีหลักเกณฑ์ ไม่จำเป็นต้องมานั่งเอาใจหรือพูดคุยรายวัน ไม่เช่นนั้นพรรคคงไม่อยู่มาได้จนถึงวันนี้ ซึ่งตนเป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 8 ก็มีหลักเกณฑ์ภายใต้กฎกติกาของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นเมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้วก็ไว้วางใจได้ ยกเว้นผิดเงื่อนไขจากที่ตกลงกันไว้ ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก เพราะไร้ความสามารถในการบริหารประเทศว่า นพ.ชลน่านเป็นฝ่ายค้านมานาน คงอยากเป็นรัฐบาลจนตัวสั่น จึงออกมาโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ต่างๆ นานา โดยไม่ได้สนใจความเดือดร้อนของประชาชน หวังผลทางการเมืองเพียงอย่างเดียว ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีผลงานเป็นรูปธรรมมากมาย
นายธนกรกล่าวอีกว่า 7 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศมีผลงานมากมาย ประชาชนทราบดี แต่ฝ่ายค้านแกล้งโง่ ทำเป็นไม่รู้ ดิสเครดิตเช้ากลางวันเย็น ส่วนกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านโจมตีรัฐบาลไม่สามารถจัดหาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามาฉีดให้ประชาชนได้ตามกำหนดวันที่ 7 มิถุนายนนั้น วันนี้ทุกอย่างประจักษ์ชัดแล้ว วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามาตามกำหนด รัฐบาลสามารถฉีดให้ประชาชนได้ตามกำหนด ปูพรมทั่วประเทศตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการเสียชีวิตที่เกิดจากการติดเชื้อ และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ตนไม่เข้าใจ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านหลายคนที่ออกมาบิดเบือนสร้างความสับสนให้ประชาชน แต่เมื่อความจริงปรากฏก็ไม่รับผิดชอบอะไร คนเหล่านี้จิตใจอำมหิตมาก คิดแต่เอาชนะทางการเมืองโดยไม่สนชีวิตของประชาชน
เพื่อไทยเลือดไหล
วันเดียวกันนี้ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางกะปิ วังทองหลาง และอดีตเลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัส นายบำรุง รัตนะ อดีตสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) เขตวังทองหลาง 4 สมัย และนายประเสริฐ ทองนุ่น อดีตสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) เขตบางกะปิ ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ประเภทตลอดชีพต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.
นายตรีรัตน์โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คถึงการลาออกมีเนื้อหาว่า "เรียนพี่น้องประชาชนชาวบางกะปิ-วังทองหลาง และทุกท่านที่เคารพครับ ผมมีความอึดอัดและลำบากใจที่ต้องกราบเรียนทุกท่านให้ทราบว่า วันนี้ผมได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แล้วครับ
พรรคเพื่อไทยถือเป็นบ้านหลังแรกที่ให้โอกาสทางการเมือง ให้โอกาสผมได้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเข้าทำงานในคณะกรรมาธิการสามัญและวิสามัญชุดต่างๆ ซึ่งเป็นกลไกของรัฐสภาที่สำคัญและมีเกียรติยิ่ง ผมขอบคุณพรรคและคณะผู้บริหารที่เคยให้โอกาสผมทำงานที่ผมรักเพื่อพี่น้องประชาชนมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
แต่หลังจากพรรคเพื่อไทยได้ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารพรรค แม้ผมจะไม่ได้ถูกเรียกให้ร่วมกิจกรรมกับพรรค แต่ในแง่ดีก็ทำให้ผมสามารถใช้เวลาในการทำงานพื้นที่ในเขตบางกะปิและวังทองหลางได้มากขึ้นร่วมกับพี่น้องอดีต ส.ก.และอดีต ส.ข.ประจำเขต ซึ่งเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ในการรับใช้พี่น้องประชาชนในระดับท้องถิ่นเป็นเวลานาน พวกเรามีความรักความผูกพันกันอย่างแนบแน่น เสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน และด้วยความรู้ ความสามารถ และมีความตั้งใจที่ตรงกัน พวกเขาจึงได้อาสาลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อเป็นตัวแทนท้องถิ่นของพี่น้องประชาชนในเขตต่อไปในนามพรรค
อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคเพื่อไทยมีมติส่งทีมงานจากเขตอื่น เข้ามาเป็นว่าที่ผู้สมัครท้องถิ่นแทนทีมงานเดิมที่ได้การไว้วางใจโดยพี่น้องชาวบางกะปิ-วังทองหลางเป็นเวลานาน และเป็นเสมือนครอบครัวผม โดยมติดังกล่าวย่อมส่งผลให้ทีมงานของผมหมดสิทธิ์ในการอาสาเข้าเป็นผู้แทนในระดับท้องถิ่นของพรรคไปด้วย
ซึ่งจุดยืนในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนผม คือ ความเป็นทีมเวิร์กและการทำงานร่วมกันกับคนที่สัมผัสและรู้ปัญหาพี่น้องในเขตเลือกตั้งของผมอย่างแท้จริง
ดังนั้นผมและพี่น้องของผมทั้งทีม ประกอบไปด้วย อดีต ส.ก. อดีต ส.ข. และผู้ปฏิบัติงานการเมืองส่วนหนึ่งจากพรรคเพื่อไทยในเขตบางกะปิและวังทองหลาง จึงตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นทางออกเดียวที่จะได้อาสาทำงานเคียงข้างและรับใช้พี่น้องประชาชนในเขตบางกะปิและเขตวังทองหลางต่อไป
ขอขอบคุณที่พี่น้องประชาชนในเขตที่สนับสนุนผมและทีมงานในฐานะพรรคเพื่อไทยมาตลอด และผมยืนยันว่าแม้จะไม่ได้สังกัดพรรคแล้ว แต่จะยังคงทำงานอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ต่อไป".
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |