'ดร.จักษ์' เปิดใจร่วมงาน 'รปช.' ไม่ยอมเปื้อนโคลนแล้วเมื่อไหร่มันจะสะอาด


เพิ่มเพื่อน    

2 มิ.ย.61 - ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร  อดีตอาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร  เปิดใจถึงสาเหตุการลาออกจากอาจารย์ม.นเรศวร เข้าร่วมทำงานการเมืองกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ผ่านเฟซบุ๊ก ว่า"...เราต้องการให้การเมืองของประเทศไทย เป็นการเมืองที่เป็นธรรมาธิปไตย มีหลักธรรม มีคุณธรรม เอาธรรมะเป็นตัวนำ อย่าใช้คำว่าอำนาจคือธรรม แต่เราถือว่าธรรมคืออำนาจ อำนาจคือธรรมหมายถึง คนที่มีอำนาจจะบอกว่าทุกอย่างถูกต้องได้ เพราะอำนาจบอกถูกต้อง แต่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เราจะใช้ธรรมมะ ใช้ความถูกต้องเป็นตัวนำ และเมื่อมีความถูกต้อง มีความชอบธรรมอำนาจก็จะมา 

นอกจากนี้เราจะให้พรรคเป็นของประชาชนจริงๆ วันนี้ถามใครเป็นหัวหน้าพรรคตอบไม่ได้ เพราะเรายังไม่ได้มีการประชุมใหญ่สมาชิกของพรรค พรรคของเราไม่ได้มีการกำหนดตัวว่าใครจะนั่งหัวหน้าพรรค และสร้างตุ๊กตา สร้างละครขึ้นมา แล้วมาโหวตได้เป็นตามโผล เราไม่ทำอย่างนั้น แต่เราจะให้สมาชิกทุกคนของพรรค มีโอกาสแสดงความเป็นเจ้าของพรรค ผ่านการเลือกของสมาชิกทุกคน ว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรค ดังนั้นข่าวที่ออกมาว่า ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ จะเป็นหัวหน้าพรรคนั้นไม่จริง 

ดร.เอนกเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคเหมือนกับผม ไม่ได้ถูกวางตัวเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่มีใครมาชี้นิ้วได้ พรรคเราไม่มีนายทุน ไม่มีเจ้าของพรรคที่จะมาสั่งได้ว่าใครเป็นเลขาธิการพรรค ใครเป็นรองหัวหน้าพรรค ใครเป็นหัวหน้าพรรค อย่างไรก็ตาม ประมาณต้นเดือนก.ย. เราจะมีการประชุมสมัชชา เพื่อให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศ มีโอกาสโหวต ว่าใครควรเป็นหัวหน้าพรรค ใครจะเป็นเลขาธิการพรรค  แล้วยังมีข้อกำหนดของพรรคอีกว่า คนที่เป็นหัวหน้าพรรคไม่ใช่ผู้ผูกขาดอำนาจ ให้เป็น 2ปี แล้วเปลี่ยนให้อีกท่านหนึ่งเป็น แล้วเมื่อครบ 4 ปี เราจะประชุมสมัชชาอีก เพื่อให้สมาชิกพรรคมีโอกาสโหวตเสียงว่าใครเป็นหัวหน้าพรรค  

พรรคเราจะเป็นพรรคของประชาชน สามารถติดต่อกับกรรมการบริหารพรรคได้  เรามีระบบโซเชียล เป็นนวัตกรรมทางการเมือง เปิดช่องทางสมาชิกพรรคส่งข้อความ ข้อเสนอแนะ มาสู่กรรมการบริหารพรรคได้ เราจะเห็นนวัตกรรมใหม่ที่ดึงเทคโนโลยีมาบริหารจัดการพรรค 

นอกจากนี้เราจะมุ่งสู่การปฏิรูปประเทศ ให้เป็นไปอย่างที่เราเคยประกาศไว้ ให้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และในเงื่อนไขต่อมาเรื่องรักความเป็นไทย ทำให้เกิดความศรัทธา สำนึกและภูมิใจในความเป็นไทย และยังมีเรื่องการน้อมนำศาสตร์พระราชามาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และสุดท้ายคือทำสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน  ดังนั้น ใครที่มีอุดมการณ์เหมือนผม เชิญวันอาทิตย์นี้ 09.00 น. ที่อาคารสุริยเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต เราไปรวมตัวกันเพื่อไปฟังอุดมการณ์ทางการเมืองเราเป็นอย่างไร มีคณะทำงานเป็นใครบ้าง 

หลายคนที่ห่วงผม ไม่อยากให้ยุ่งกับการเมือง หลายคนห่วงจนโกรธ ที่ผมไปยุ่งกับการเมืองทำไม เป็นอาจารย์ต่อไปเถอะ ผมขอชี้แจงอีกครั้ง ผมคิดถึงแม่  คุณแม่ผมเสียไปเมื่อหลายปีก่อน ประโยคที่แม่บอกผมไว้ก่อนที่จะจากไป  คือประเด็นเรื่องการเมือง ประเด็นที่ผมบ่น หลุดปาก พูดให้คุณแม่ได้ยิน ว่าทำไมการเมืองไทยมันสกปรก ทำไมนักการเมืองไทยถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมนักการเมืองบางคนถึงทำตัวไม่ดีเลย ทำไมระบบถึงเป็นอย่างนี้ ผมหลุดปากบ่นไปตามประสาของคนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง คุณแม่นั่งอยู่แล้วบอกว่า ก็มัวแต่ยืนอยู่ขอบบ่อ แล้วชี้นิ้วลงไปว่าบ่อมันสกปรก น้ำมันสกปรก แต่ไม่ยอมโดดลงไปล้างบ่อ แล้วเมื่อไหร่บ่อจะสะอาด ผมว่าประโยคนี้ที่ทำให้ผมได้คิด

และวันนี้คือวันที่ผมจะประกาศให้ทราบพร้อมๆกันว่า ผมได้ตัดสินใจแล้ว แล้วผมรู้ว่าโดดลงไปผมอาจจะแปดเปื้อนกับการกระทำของใครก็ตาม จะถูกสาดสีสาดโคลนจากใครก็ตาม แต่เราต้องยอม เพราะถ้าเราไม่เสียสละ ไม่ยอมเปื้อน แล้วเมื่อไหร่มันจะสะอาด..." 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"