หลังจากการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณจบลง ก็จะมีการพูดเรื่องงบประมาณกันนอกสภาอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายค้านบางคน (เน้น บางคน นะคะ ไม่ใช่ทุกคน ใครไม่ได้เป็นอย่างที่ว่าก็อย่ากินปูนร้อนท้องนะคะ) และสาวกของกลุ่มนักการเมืองบางคน เนื้อหาที่พูดนั้น มีข้อความที่เป็นเท็จและบิดเบือนมากมาย คนที่ได้พบข้อความเหล่านี้ ก็มักจะพูดว่าพวกนี้หาข้อมูลไม่ครบด้าน รู้แต่เรื่องที่มีคนจงใจเผยแพร่ข้อความเท็จ พอได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ก็จะงับทันที แชร์ทันที นอกเหนือจะรีบแชร์โดยไม่เช็กแล้ว ยังใช้วาจาหยาบคาย และหลายข้อความก็เป็นเรื่องที่จาบจ้วงล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์ที่อาจจะผิดมาตรา 112 ด้วย แต่สำหรับคนที่พูดเป็นคนแรกในหลายๆ เรื่อง เราคิดว่าไม่ใช่เขาไม่รู้ เขาเป็นผู้ทรงเกียรติ เขาน่าจะรู้ดี แต่มีเจตนาด้วยความจงใจที่จะบิดเบือน แล้วมานำเสนอให้สาวกเชื่อตามที่เขาต้องการ
อยากจะถามว่า คนพวกนี้ชั่วแค่ไหน เลวอย่างไร ถึงได้บิดเบือนตัวเลขงบประมาณเกือบทุกประเด็น ตัวเลขบางตัวที่ควรรวม ไม่รวม อย่างเช่น งบประมาณด้านสาธารณสุขที่อยู่หลายๆ ที่ ก็ไม่เอามารวม เอาแต่ตัวเลขที่อยู่กับกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้นมาพูด แล้วบอกว่ากระทรวงสาธารณสุขได้น้อย แสดงว่ารัฐบาลไม่เห็นหัวประชาชน ไม่ใส่ใจสุขภาพของประชาชน คนพูดน่าจะรู้ว่างบด้านสาธารณสุขนั้นอยู่ในหลายๆ หน่วยงาน ทั้งในระดับกระทรวงและสำนักงาน รู้แล้วยังบิดเบือนก็ต้องบอกว่า “ชั่ว” นะ
ที่ไม่ควรรวมก็เอามารวม อย่างเช่น งบประมาณสำหรับสำนักพระราชวัง ซึ่งมีเพียง 8,000 กว่าล้านเท่านั้น ก็จงใจไปเอางบในการดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริในกระทรวงอื่นๆ มารวมด้วย แล้วก็ออกมาบอกว่างบประมาณสำหรับกิจการส่วนพระองค์นั้นได้มาก ทั้งๆ ที่งบประมาณ 8,000 กว่าล้านนั้นเป็นค่าจ้างพนักงานถึง 14,000 คน และค่าดำเนินกิจการและค่าสาธารณูปโภค และที่แน่ ๆ ก็คือโครงการที่กระทรวงต่างๆ ดำเนินการเพื่อสานต่อโครงการพระราชดำริหรือเฉลิมพระเกียรตินั้น เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน เวลาพูดมักจะพูดแต่เงินที่ต้องใช้ในการดำเนินโครงการ แต่จะไม่พูดว่าเมื่อใช้เงินไปแล้ว ประเทศชาติพัฒนาอย่างไร แก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติได้อย่างไร ช่วยให้ประชาชนพ้นจากความทุกข์ยากได้อย่างไร การจงใจพูดแต่ค่าใช้จ่าย แต่ไม่พูดถึงสิ่งที่ได้มาจากการใช้จ่ายคืออะไรแบบนี้ ก็คงต้องสรุปว่าเป็นการเจาะจงบิดเบือนความจริงด้วย “ความชั่ว” นะ
บางกระทรวงที่ได้งบประมาณเพิ่มเพราะมีความจำเป็น และในสภาก็มีการอธิบายแล้วว่าจะต้องเพิ่มงบประมาณสำหรับบางหน่วยงานเพราะอะไร อย่างเช่น การย้ายบุคลากรจากหน่วยงานหนึ่ง ไปไว้ที่อีกหน่วยงานหนึ่ง งบประมาณของหน่วยงานที่รับบุคลากรเข้ามาก็ต้องเพิ่ม แต่จะไม่พูดถึงสาเหตุดังกล่าว บอกแต่ว่าหน่วยงานนั้นได้งบประมาณเพิ่ม และยังพูดต่ออีกด้วยว่าไม่ควรจะได้เพิ่ม บางหน่วยงานมีงบประมาณลดลง และที่ลดเพราะมีเหตุผลอันสมควร ก็ไม่พูดถึงเหตุผล พูดแต่ว่ามีงบลดลง อย่างเช่น งบของกระทรวงศึกษาฯ ที่ได้น้อยลงเพราะจำนวนนักเรียนลดลง ก็จะบอกแต่ว่าได้งบลดลง ทั้งๆ ที่ในสภาก็มีการอธิบายแล้ว แต่ก็ยังเอามาพูดไม่เลิก เหมือนไม่ได้ยินคำชี้แจง เมื่อเขาชี้แจงแล้วไม่เข้าใจก็ต้องบอกว่า “โง่” แต่ถ้าเข้าใจแล้ว แต่ยังจงใจพูดเฉพาะเรื่องที่จะทำให้รัฐบาลถูกตำหนิ ถูกเกลียดชัง ก็ต้องบอกว่า “เลว” นะ เป็นความเลวที่คงยากที่จะแก้ไขแล้ว เพราะโกหกจนเป็นสันดานไปแล้ว
งบบริหารหน่วยงานจัดการวัคซีน ก็บิดเบือนเป็นงบซื้อวัคซีน ถ้าไม่ “โง่” ต้องรู้นะว่าเงิน 22 ล้านนั้นไม่เพียงพอที่จะซื้อวัคซีนเพื่อนำมาใช้ฉีดให้ประชาชนในประเทศไทยที่มีเกือบ 70 ล้านคน และงบสำหรับซื้อวัคซีนนั้นมีหลายหมื่นล้าน ตัวเลขนี้ก็มีปรากฏอยู่ในงบประมาณ แต่ไม่รู้ว่าอ่านงบประมาณแบบ ดูเปลือก ไม่ดูเนื้อหรือเปล่า หรือจริงๆ ก็ได้ดูเนื้อแล้ว เห็นแล้ว แต่ก็ยังต้องการที่จะโกหก หวังให้สาวกเชื่อแล้วเกิดความรู้สึกชิงชังรัฐบาล เผื่อจะได้รวมพลคนที่มาช่วยขับไล่รัฐบาลเพิ่มขึ้น
จากข้อความที่เห็นอยู่ใน Social Media ตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่า จงใจแซะงบกองทัพแบบไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย อคติล้วนๆ ทั้งๆ ที่งบประมาณของกลาโหมลดลง และน้อยกว่างบสาธารณสุขเกือบ 100,000 ล้าน ก็พูดหลอกสาวกว่างบกระทรวงกลาโหมสูงกว่างบด้านสาธารณสุข เพราะเอามาแต่ตัวเลขที่อยู่กับกระทรวงสาธารณสุข แต่ที่อยู่กับหน่วยงานอื่นไม่เอามารวม
จงใจแซะงบประมาณสำนักพระราชวังเพื่อให้ร้ายสถาบัน ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไปทำอะไรให้เขาตั้งแต่ปางไหน จึงได้จงใจให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่หยุดไม่หย่อน และดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นด้วยซ้ำไป คงจะมองเห็นแล้วสินะว่าคนไทยมากกว่า 99% ยังคงจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนคนไทยเป็นล้นพ้น คนไทยเกือบทั้งประเทศยังคงต้องการให้ประเทศไทยมีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พวกเรายังไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบอื่น
ที่มีคนเขากล่าวว่า “ข้อความเท็จจะถูกปล่อยโดยคนที่มีความเกลียดชัง และถูกเชื่อโดยคนโง่” น่าจะเป็นความจริง คนที่ปล่อยข่าวเท็จเป็นคนที่เกลียดชังรัฐบาล ยังคงมีความแค้นที่ไม่สามารถกำจัดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้หลุดออกจากแวดวงการเมือง อคติและความแค้นของคนบางคนทำให้เขาขาดสติ ไม่อาจจะคิดเป็นเหตุเป็นผล และจงใจที่จะปล่อยข่าวเท็จ ข่าวลวง ข่าวบิดเบือน เพื่อด้อยค่ารัฐบาล เชิญชวนประชาชนให้ชิงชังสถาบันพระมหากษัตริย์ และเกิดแรงจูงใจที่อยากจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในเวลานี้ดูเหมือนความพยายามของพวกเขารุนแรงขึ้น เพราะมีความพยายามมานานแล้ว ไล่รัฐบาลก็ไม่สำเร็จ ด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไม่ได้ ตอนนี้เลยต้องยกระดับให้เข้มขึ้น
อยากรู้จริงๆ ว่า สำหรับคนบางคนที่ชอบพูดโกหกนั้น ถ้าพวกเขาพูดความจริงแล้วพ่อแม่เขาจะตายหรือเปล่านะ เขาถึงไม่พูดความจริงกันเลย ถ้าหากเขาโกหกแล้วพ่อแม่เขาจะเจริญรุ่งเรืองหรืออย่างไร ทำไมถึงได้ทำตัวชั่วร้ายแบบไม่มีวันหยุดเลยนะ จงใจจะให้ประชาชนไม่ได้ยินเรื่องดีที่รัฐบาลทำ จงใจจะไม่เห็นสิ่งดีงามที่เกิดขึ้นในประเทศ เรื่องดีๆ ที่เป็นผลงานรัฐบาลต้องทำเป็นหูหนวกตาบอด ความบกพร่อง ความผิดพลาด เห็นชัดเจนแล้วใส่สีตีไข่ ขี่แพะไล่ แย้งทุกเรื่อง ขวางทุกอย่างที่รัฐบาลจะทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ในความคิดของเขาที่นำออกมาเผยแพร่เป็นข่าวสารใน Social Media ชัดเจนเลยว่าอะไรที่รัฐบาลคิดจะทำ ไม่ดีทั้งนั้น
พวกเขาบางคนด่านายกรัฐมนตรีว่าโง่ แล้วทุกวันที่คนพวกนั้น (บางคนนะ ไม่ใช่ทุกคน) ทำหน้าที่ฝ่ายค้านอยู่นั้น ฉลาดนักหรือ เปิดเนตร ยอมรับความจริงบ้างเถอะว่า 7 ปีที่ผ่านมา เราพัฒนาเพียงใด อย่าพูดถึงแต่การใช้งบประมาณ การกู้เงิน พูดถึงการพัฒนาที่ได้มาจากการใช้งบประมาณและเงินกู้เหล่านั้น ไม่ใช่เลือกพูดเพื่อทำลายรัฐบาลด้วยความแค้น เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก แล้วได้ยินที่ประชาชนเขาอยากให้ฝ่ายค้านบางคนลาออกบ้างไหมคะ ประชาชนเขาเสียดายเงินเดือนที่ต้องจ่ายให้ฝ่ายค้านบางคนค่ะ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |