สถานการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ฝ่ายรัฐยังคงเป็นฝ่ายสูญเสีย เช่นในพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส มีการซุ่มโจมตีฐานปฏิบัติการทำให้ต้องสูญเสีย อส.ทพ.ไป 1 ราย และมีการเผากล้องวงจรปิดจำนวน 6 จุด ในพื้นที่ของ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี พร้อมทั้งทิ้ง ใบปลิว เพื่อบอกถึงวัตถุประสงค์ของการเผากล้องวงจรปิดในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการข่มขู่คนในพื้นที่ห้ามมิให้ความร่วมมือกับ หน่วยงานของรัฐ
ส่วนความคืบหน้าในกรณีที่ปืนสงคราม ซึ่งเป็นปืนอาก้า 102 ที่กรมการปกครองแจกจ่ายให้แก่กำลังพลอาสาสมัครรักษาดินแดน ของกองร้อยอาสาสมัครฯ ที่ 2 อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส หายไปจำนวน 28 กระบอก และของกองร้อยอาสาสมัครฯ อำเภออื่นๆ อีก 5 อำเภอ ใน จ.นราธิวาส ที่หายไปด้วย รวมแล้ว 37 กระบอก
มีการแถลงข่าวความคืบหน้าโดย พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 โดยสรุปจากการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงจากฝ่ายปกครอง ฟังได้ว่ามีปืนหายไปจริงๆ 20 กระบอก ส่วนอีก 8 กระบอก เป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง โดยพบว่าปืนทั้ง 8 กระบอก ได้คืนกลับมาและอยู่ใน อำเภอต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งตำรวจยึดไว้ได้แล้ว ส่วนหนึ่งมอบให้ อส.ในพื้นที่อื่นไปใช้งาน สรุปแล้วปืนของกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนที่ 2 อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส ได้กลับคืนมาจริงด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ เป็นความผิดพลาดที่ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะ 20 กระบอกหลัง ที่วันนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานให้ยืนยันว่าใครเป็นคนทำให้หาย และอาวุธปืนที่หายอยู่ที่ไหน ซึ่งเมื่อประมวลดูเหตุการณ์แล้ว เชื่อขนมกินล่วงหน้าได้ว่าโอกาสที่จะได้อาวุธปืนคืนมาน่าจะไม่มี และสุดท้ายคดีปืนหาย 28 กระบอก ของกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนที่ 2 อ.เมืองนราธิวาส ก็จะกลายเป็นเรื่องของ คลื่นกระทบฝั่ง เช่นเดียวกับหลายๆ เรื่อง หลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ความเป็นจริงเรื่องหนึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ปืนหลวงในมือของเจ้าหน้าที่มักจะถูกนำไป จำนำ กับผู้รับจำนำในพื้นที่ โดยเฉพาะการ จำนำ กับ บ่อนการพนัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทราบดีว่ามีอยู่ที่ไหนบ้าง ถ้าตำรวจจะสืบหาจริงๆ เชื่อเถอะย่อมจะมีร่องรอย แต่เพราะเรื่องอาวุธปืนหายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกหน่วยในพื้นที่ จึงกลายเป็นเรื่อง หยิกเล็บเจ็บเนื้อ ที่สุดท้ายคือ ปืนก็หาย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ผิด จะมีผิดบ้างก็ อส. อย่าง ฮาซัน สาแม เพียงคนเดียว
และสุดท้าย ปืนเหล่านี้จะค่อยๆ ได้คืนมาจากการปะทะกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับโจรแบ่งแยกดินแดน ที่ถูก วิสามัญ และเจ้าหน้าที่ยึดอาวุธปืนมาได้ และกลายเป็นหลักฐานว่า ปืนที่โจรใช้ในการยิงเจ้าหน้าที่ คือปืนของรัฐที่หายไป ซึ่งไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เปลี่ยนมือจาก เจ้าหน้าที่ ไปอยู่ในมือของ โจรใต้ เท่านั้น เพราะ 17 ปี ที่ผ่านมา โจรใต้ ไม่เคยซื้ออาวุธปืน แต่มีอาวุธปืนใช้ในการปฏิบัติการได้ตลอด ด้วยปืนของหน่วยงานรัฐนั่นเอง
ก็เพราะสถานการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเช่นนี้ กองทัพจึงยังต้องตั้งงบจัดหาอาวุธปืนให้กำลังพล และเพราะกองกำลังท้องถิ่นเป็นอย่างนี้ จึงกลายเป็นปัญหาที่ทำให้สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่น่าไว้วางใจ หากมีการมอบภารกิจการรักษาความสงบให้กองกำลังท้องถิ่นจริงๆ โดยการถอนทหารอาชีพออกจากพื้นที่ กองกำลังท้องถิ่นจะกลายเป็น เหยื่อ และอาวุธสงครามจะเปลี่ยนมือไปอยู่กับ โจร หรือไม่
และเพราะสถานการณ์เป็นอย่างนี้ เจนีวาคอล และ ไอซีอาร์ซี จึงอ่านสถานการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง โดยไม่ยอมยุติบทบาทในพื้นที่ จ.ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส แม้จะยอมย้ายสำนักงานจาก จ.ปัตตานี มายัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่แผนปฏิบัติการทั้งหมดของ ไอซีอาร์ซี ยังเดินหน้าต่อไป โดยมีพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ปฏิบัติการ
เพราะ ไอซีอาร์ซี รู้ดีว่ากระทรวงกลาโหม, กองทัพ และรัฐบาล ไม่กล้าที่จะ หัก กับองค์กรที่มี ต้นทาง มาจากชาติ ตะวันตก และมีประเทศที่เป็น พี่เบิ้ม รวมทั้ง สหประชาชาติ ให้การสนับสนุน ซึ่งก็เป็นจริง เพราะสุดท้ายกระทรวงกลาโหม, กองทัพ, สภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศ ก็ ไฟเขียว ให้ ไอซีอาร์ซี อยู่ต่อ โดยให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีส่วนร่วมด้วยในการพิจารณาแผนปฏิบัติการของ ไอซีอาร์ซี ในพื้นที่ของ 3 จังหวัดดังกล่าว
ซึ่ง ไอซีอาร์ซี ก็คือ นกรู้ ที่รู้ว่าการเดินหน้าเพื่อเปิดเกมรุกทางด้าน มวลชน เขาจะต้องทำอย่างไร เช่นวันนี้แผนปฏิบัติการในการสร้างมวลชนของ ไอซีอาร์ซี คือการส่งเสริมคนในพื้นที่ด้วยการเข้าไปสร้างอาชีพทำโครงการเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ และอาชีพอื่นๆ โดยอ้างว่าเป็นการเข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชนในพื้นที่
ซึ่งเป็นความชาญฉลาดของ ไอซีอาร์ซี เพราะถ้าหน่วยงานไหนไปคัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับโครงการสร้างอาชีพเสริมให้ประชาชน ที่ทุกคนอยากได้ของฟรี อยากได้โครงการของ ฝรั่ง ที่วันนี้ เต็มบ้านเต็มเมือง ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะถูกคนที่ต้องการได้โครงการได้เงินของ ฝรั่ง กล่าวหาว่า รังแก ประชาชน
ทั้งที่โดยข้อเท็จจริง ไอซีอาร์ซี อาจจะใช้โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่เพื่อสร้างฐานมวลชน โดยมีวัตถุประสงค์ทาง การเมือง และงานด้าน สันติภาพ แอบแฝงอยู่ เพราะถ้า ไอซีอาร์ซี ไม่มาแบบนี้ โอกาสที่ ไอซีอาร์ซี จะเข้าไปสร้างมวลชนในพื้นที่จะยากขึ้น เพราะการที่จะไปอบรมในเรื่องการเมืองแบบ เพียวๆ หรือการจัดทำโครงการไปเยี่ยม แนวร่วม ในเรือนจำ ไปให้ความรู้ญาติพี่น้องของ แนวร่วม และกลุ่ม ผู้เห็นต่าง จากรัฐ น่าจะทำไม่ได้อีกต่อไป เพราะหน่วยงานความมั่นคง รู้ทาง และ รู้ทัน แล้วนั่นเอง
ประเด็นของ ไอซีอาร์ซี ที่กลับเข้าพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ ด้วยโครงการ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ปลูกผัก และอื่นๆ มีอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรก เป็นเรื่องที่ น่าอาย ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ ที่ปล่อยให้คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้อง อดอยากยากจน จนทำให้ ไอซีอาร์ซี ต้องเข้าไปเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้แก่คนเหล่านี้
ประเด็นที่ 2 เมื่อหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ต้านไม่อยู่ ต้องยอมให้ ไอซีอาร์ซี เข้าไปปฏิบัติการในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยจะเป็นเพราะการ ล็อบบี้ จาก นายพล ที่เป็นที่ปรึกษาของ ไอซีอาร์ซี หรือมาจากที่รัฐบาล, กองทัพ ยอมอ่อนข้อ ให้ องค์กรฝรั่งจากชาติตะวันตก เพื่อการรักษาสัมพันธไมตรีเอาไว้
หน่วยงานความมั่นคงก็ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในแผนปฏิบัติทั้งหมดของ ไอซีอาร์ซี อะไรที่ไม่สมควรก็ต้องค้าน อะไรที่เห็นชอบต้องมีส่วนร่วม โดยเฉพาะการลงพื้นที่ของ ไอซีอาร์ซี ต้องมีเจ้าหน้าที่ไทยร่วมด้วยทุกโครงการ อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ต้องส่งเสียงคัดค้าน อย่านิ่งเฉยจนถูก เคลม ว่า โครงการเหล่านั้นเป็นความเห็นชอบของหน่วยงานความมั่นคง เรื่องของ ไอซีอาร์ซี และเรื่องของ เจนีวาคอล แม้แต่เรื่องของ อียู ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่อง ละเอียดอ่อน ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าต้องใช้หน่วยงานที่เป็น มืออาชีพ เพื่อ รับมือ กับ ไอซีอาร์ซี ที่แฝงร่างมาเพื่อส่งเสริมชาวบ้านให้ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของ ไอซีอาร์ซี อย่างแน่นอน
เพราะวันนี้ ไอซีอาร์ซี ปฏิบัติการในสิ่งที่ ลึก กว่าเดิม ด้วยการส่ง แนวร่วม ที่ ไอซีอาร์ซี สร้างไว้ ไปสังเกตการณ์ สงครามภายในของประเทศ เมียนมา ที่เป็นการสู้รบ ระหว่างกองกำลังชาติพันธุ์ และกองกำลังประชาชนที่จับอาวุธขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลของ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย
ไอซีอาร์ซี ต้องการอะไร ในการส่งคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปดูสถานการณ์ใน เมียนมา ถ้าสภาความมั่นคงและหน่วยงานของกลาโหม ยังคิดไม่ได้และนึกไม่ออก ก็ถือว่าเป็น เวรกรรม ของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็แล้วกัน.
เมือง ไม้ขม รายงาน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |