ปี 1980 จีนประกาศนโยบาย “ลูกคนเดียว” เพื่อลดอัตราเพิ่มของประชากร
ปี 2016 รัฐบาลจีนประกาศยกเลิกนโยบาย “ลูกคนเดียว” เพื่อหยุดยั้งแนวโน้มประชากรที่ลดลง
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะจำนวนประชากรก็ยังคงหดตัวลงต่อเนื่อง
ปี 2021 (วันจันทร์ที่ผ่านมา) พรรคคอมมิวนิสต์จีนประกาศเปิดทางให้คู่แต่งงานสามารถมีลูกได้ถึง 3 คน
เหตุเพราะจำนวนคนในวัยแรงงานลดลงและประชากรคนสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
การสำรวจประชากรครั้งล่าสุดเมื่อปี 2020 ยังแสดงตัวเลขประชากรเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.4 พันล้านคน
แต่อัตราเพิ่มนั้นต่ำกว่าที่คาด
หน่วยวางแผนกำลังคนและเศรษฐกิจของพรรคคอมมิวนิสต์จีนสรุปว่าถ้าแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ โครงสร้างประชากรจีนจะเริ่มมีปัญหา
จุดเปลี่ยนผันอาจจะเห็นได้ชัดในปี 2022 หรือปีหน้า
นั่นเท่ากับเร็วกว่าที่เคยพยากรณ์เอาไว้ 5 ปี
สิบปีที่ผ่านมา จำนวนคนอายุ 65 ปีขึ้นไปของจีนเพิ่มขึ้นถึง 60% หรือเท่ากับ 13.5% ของประชากรทั้งหมด
มาตรฐานโลกกำหนดที่ 14% เป็นเส้นที่กำหนดให้ก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัย” หรือ Aging Society
ความกังวลประการหนึ่งของผู้นำจีนคือ เมื่อคนสูงวัยมีมากขึ้นและคนเกิดใหม่น้อยลง จำนวนประชากรในวัยทำงานก็จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ปี 2013 เป็นปีที่จำนวนประชากรคนวัยทำงานของจีนขึ้นไปสูงสุด
วันนี้ลดลงมาแล้ว 4%
ทำไมเมื่อมีคนสูงวัยมากขึ้นจึงเป็นปัญหา
คำตอบคือรัฐบาลจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเงินบำเหน็จบำนาญ, ค่าดูแลรักษาพยาบาล, คนว่างงานและค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการสังคมสงเคราะห์อื่นๆ
ขณะเดียวกันเมื่อประชากรวัยหนุ่มสาวหดตัวลงก็จะดึงให้การใช้จ่ายน้อยลงไปด้วย
การใช้จ่ายภายในประเทศเป็นหัวใจของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสี จิ้นผิง
โดยเฉพาะในภาวะวิกฤติโควิด ที่มีผลให้ผู้นำจีนปรับนโยบายให้พึ่งพาการใช้จ่ายภายในให้มากขึ้น ลดการพึ่งพาการส่งออกไปต่างประเทศ
แต่คำถามสำคัญวันนี้ก็คือว่า คนรุ่นใหม่ของจีนพร้อมจะมีลูกมากขึ้นอย่างที่พรรคคอมมิวนิสต์ต้องการเห็นหรือไม่
มีการสำรวจความเห็นของคนรุ่นใหม่จีนวันนี้หลายสำนักที่ชี้ตรงกันว่า
ค่าใช้จ่ายการเลี้ยงลูกในสังคมจีนวันนี้สูงขึ้น แค่ดูแลลูกคนเดียวก็เป็นภาระหนักหนาไม่น้อยอยู่แล้ว
เมื่อครั้งที่ทางการจีนประกาศยกเลิกข้อห้ามให้ทุกครอบครัวมีลูกเกิน 1 คน (เปิดทางให้มีลูกได้ 2 คนต่อบ้าน) ผลที่ตามมาไม่ได้สอดคล้องกับเป้าประสงค์ของรัฐบาล
ปี 2016 แสดงตัวเลขเด็กเกิดใหม่ที่เพิ่มขึ้นเพียงปีเดียว
แต่หลังจากนั้นตัวเลขก็ลดลงตลอด 4 ปีนับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกันจำนวนการแต่งงานของหนุ่มสาวจีนก็ลดลงอย่างต่อเนื่องถึง 7 ปีถึงปี 2020
ค่าใช้จ่ายการเลี้ยงลูกที่ประเทศจีนมีแนวโน้มแพงขึ้นตลอด โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของเยาวชน
นอกจากนั้นค่าเช่าบ้านหรือที่พักในเมืองใหญ่ๆ ของจีนก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
คุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่เมืองจีนจึงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ต้องการให้มีการ “ทำลูก” กันให้มากขึ้น
พรรคจึงพยายามหามาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้หนุ่มสาวจีนแต่งงานและมีลูกมากขึ้นกว่าเดิม
ถึงขั้นที่พรรคอาจจะต้องเข้าแทรกแซงประเพณีโบร่ำโบราณของสังคมจีน
นั่นคืออาจจะต้องกำหนดขั้นสูงสุดของสินสอดทองหมั้นที่แพงขึ้นทุกวันเช่นกัน
ใช่ครับ จีนน่าจะเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่สามารถกำหนดว่าแต่ละครอบครัวจะมีลูกได้กี่คน
แต่ไม่ว่าพรรคจะมีอำนาจทางการเมืองมากเพียงใด ในท้ายที่สุดการเข้าไปก้าวก่ายถึง “เรื่องในมุ้ง” ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ได้
เอาเข้าจริงๆ แม้จะออกคำขวัญ “ปั๊มลูกเพื่อชาติ” ก็ไม่แน่ว่าจะทำให้เกิดกระแส “ชาตินิยม” ต่อต้าน “สังคมคนสูงวัย” หรือไม่
เพราะคนรุ่นใหม่ของจีนกำลังต้องการจะใช้ชีวิตแบบ “สังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีน” อย่างกระตือรือร้นยิ่งนัก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |