ครป.เปิดเวทีรุมยำ 'ระบอบประยุทธ์' วิสัยทัศน์สับสน ยุทธศาสตร์อ่อนแอ


เพิ่มเพื่อน    

4 มิ.ย.64 - ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) เปิดเวทีเสวนาวิพากษ์วิจารณรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดย นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต  ประธาน ครป. กล่าวว่า 7 ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เราเห็นปัญหามากขึ้น แต่ไม่เห็นหนทางที่รัฐบาลจะฝ่าวิกฤติไปได้ ล่าสุด การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ วิสัยทัศน์สับสน ยุทธศาสตร์อ่อนแอ ขาดพลังในการแก้ไขและบริหารจัดการโควิด 

นายพิชาย  กล่าวว่า การจัดการสถานการณ์โควิดของรัฐบาลไร้สมรรถนะอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นม้าตีนต้น แต่อ่อนแอตอนปลาย จนประเทศไทยหล่นไปติดลำดับ 80 ของโลกในแง่การแพร่ระบาดไปแล้ว เพราะรัฐบาลไม่มีจินตนาการในการใช้วัคซีนเพื่อแก้ไขโรคโควิด การบริหารจัดการความซับซ้อนจึงต่ำมาก การจัดการวัคซีนช้ากว่าเป้าหมายที่กำหนดมาก ไม่พอและตามการแพร่ระบาดไม่ทัน ซึ่งโควิดเหมือนเรือหางยาว พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนเรือพาย เหมือนไฟไหม้ไปทั้งเมืองแล้ว แต่ว่ารถดับเพลงหรือวัคซีนมีแค่ 2 คัน คือ ซิโนแวค และแอสต้าฯ คันหนึ่งไปฉีดที่ไฟกำลังไหม้ อีกคันไม่รู้ไปฉีดที่ไหน 

ประธานครป. กล่าวว่าสำหรับเรื่องงบประมาณ 65 ได้ข้อสรุปว่า พล.อ.ประยุทธ์ จัดงบประมาณด้วยจิตวิญญาณที่เย็นชามาก ไม่ใช้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่ใช้หน่วยงานราชการเป็นศูนย์กลาง ตอบสนองกลุ่มอภิสิทธิ์ชนมากกว่าความต้องการของประชาชน ลดงบประมาณด้านสาธารณสุข ไปเพิ่มงบประมาณกลาโหม เป็นเรื่องที่คนไทยขำไม่ออก หมายความว่า กลาโหมกำลังจะขยายกำลังพลและบุคลากรหรือ ซึ่งล้าสมัยและไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ต้องปรับวิธีการเขียนงบประมาณใหม่

"ถ้าหากว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะบริหารบ้านเมืองต่อไปยิ่งจะย่ำแย่ต่อไป การสร้างอนาคตประเทศแทบมองไม่เห็น มีแต่ความมืดมนลงทุกวัน เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นอกเห็นใจคนไทยจริงๆ ควรลาออกเพื่อสร้างคุณูประการให้ประเทศไทย พ้นคราวเคราะห์ไป" รศ.ดร.พิชาย กล่าว

ขณะที่ นายวิวัฒน์ชัย อัตถากร อาจารย์คณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า กล่าวว่าเราจะอยู่ในหลุมดำ 7 ปีนี้ต่อไปหรือไม่ การที่แก้เศรษฐกิจผิด ไม่รู้จักคิด คือจุบจบพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งๆ ที่ตอนรัฐประหาร  7 ปีก่อน พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจเต็มมือ แต่ไม่แก้ปัญหาใดๆ เลย 

"ผมอยากสรุปว่า เขาได้สร้างเศรษฐกิจทุนนิยมผูกขาดอภิสิทธิ์ชนอย่างเข้มแข็งมากในยุค คสช. 5 ปีก่อนการเลือกตั้งในปี 2562 คนจำนวน 1% มีทรัพย์สินถึง 67% ของประเทศ นี่คือความสำเร็จของระบอบ คสช. ที่ชัดเจนที่สุด ที่เอื้อเจ้าสัวไม่กี่ตระกูล แต่ปล่อยให้ชนชั้นล่างยากจนมากขึ้น เป็นผลงานที่สำคัญของพล.อ.ประยุทธ์"

นายวิวัฒน์ชัย  กล่าวต่อว่า วันนี้ โควิดระบาดรอบ 3 แต่ พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาโควิดไม่ได้เลย หากฉีดได้ถึง 50% ในไตรมาส 3 ได้จะดีมาก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันของสังคมไทย แต่พล.อ.ประยุทธ์ คือสิ่งที่ล้มเหลวมากที่สุด เราต้องสร้างฉากทัศน์ใหม่ของประเทศ เรียงลำดับความสำคัญ ไม่ใช้แบบเหมารวม ไม่จำแนกแยกแยะ เป็นการจัดสรรทรัพยากรอย่างไม่ฉลาดในทางเศรษฐศาสตร์มหภาค ผิดพลาด ล้มเหลว เกาไม่ถูกที่คัน พูดภาษาชาวบ้านคือ พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานไม่เป็น 

อาจารย์นิด้า  กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะแจกเงินได้นานเท่าไหร่ ประชาชนอยากทำงานหากินด้วยความสุจริตมากกว่าหากเศรษฐกิจดี วันนี้ผมขอยกธุรกิจร้านอาหาร พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้บริบทความเป็นจริง ทำร้านอาหารเจ๊งไปหมด แรงงานถูกเลิกจ้างกว่า 500,000 คน แต่รัฐบาลไม่เข้าช่วยเหลือ นายกสมาคมภัตตาคารออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลต้องมีมาตรการจำแนกแยกแยะ แต่นายกไม่เข้าใจบริบทของธุรกิจอาหาร ยังมีกิจกรรมลูกโซ่ในระบบวงจรอาหารมากมาย ทั้งตลาดสด เกษตรกร คนส่งน้ำแข็ง ตลาดสดวันนี้ก็เงียบเหงาไปด้วย นี่คือผลกระทบที่เป็นลูกโซ่ คุณประยุทธ์จึงขาดภาวะผู้นำที่ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจ

บริษัทท่องเที่ยวเหลืออยู่ 11,000 รายจากที่มีอยู่ และกำลังจะอันตธานหายไป  วันนี้รัฐบาลต้องสนใจกลุ่มเปราะบางเป็นพิเศษ คนงานรับจ้าง แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง คนเข็นของขาย รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจโควิดผิดพลาด ยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจภาคประชาชนผิดพลาดด้วย ถือว่าสอบตก เราเจอวิกฤตซ้อนวิกฤต หลังจากนี้จะเจอภาวะการว่างงาน โดยเฉพาะเด็กจบใหม่อีก 4-5 แสนคน

พล.อ.ประยุทธ์ โตมาแบบทหาร แต่ท่านต้องบริหารแบบพลเรือนถึงจะแก้ปัญหาได้ ที่ผ่านมาจึงผิดพลาดมาทั้งระบบ นักบริหารที่ดีจะต้องจับเข่าคุยทุกฝ่าย กลั่นกรองเพื่อกำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อประชาชน แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทำแบบนั้น จนมาเจอวิกฤติการคลังอย่างหนักในปัจจุบัน รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศขาดดุลย์อย่างหนัก จนประเทศไทยสิ้นมนต์ขลังทางการเงินแล้ว การสะสมสร้างหนี้มาจนถึงปัจจุบัน ยิ่งสร้างหนี้ชดเชย ยิ่งเจอปัญหาหนี้สาธารณะ และถ้าเกิน 60% ของ GDP ถือว่าผิดกฎหมายและผิดวินัยการคลัง

งบประมาณรายจ่ายปี 65 รัฐบาลเพิ่มงบการซื้ออาวุธเพิ่มขึ้นมากมาย เท่ากับจัดเรียงความสำคัญไม่ถูกต้อง เรื่องสุขภาพของประชาชนคือเรื่องที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ เป็นเรื่องความมั่นคงของสังคม งบประมาณ 65 จึงดูแปลกประหลาดอย่างมาก การจัดสรรงบด้านสาธารณสุขและด้านสังคม ลดลงเป็นจำนวนมาก 

"สรุปคือ วิกฤตการคลังของประเทศไทยรออยู่ข้างหน้า ข้อมูลของรัฐบาลเรื่องธุรกิจขนาดกลาง-ขนาดย่อย ค่อนข้างแย่ จึงทำนโยบายสาธารณะที่ดีไม่ได้ และเวลาเกิดวิกฤตจึงแก้ไขปัญหาไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วย จะไหวไหมนี่" นายวิวัฒน์ชัย กล่าว

นายวิวัฒน์ชัย  กล่าวด้วนว่า นอกจากนี้ ความสับสนเรื่องวัคซีนมาจากการกระทำของนายกรัฐมนตรีเอง ที่จงใจจัดซื้อเพียง 2 ยี่ห้อเท่านั้น ทั้งๆ ที่มีให้เลือกเยอะแยะ การลงทุนหลายตัวมันลดความเสี่ยง ไม่รู้ไปมัดตัวเองทำไมทำให้วุ่นวายถึงทุกวันนี้ มีความสับสนอลหม่านมากในการจัดการประเทศนี้ ทำไมในสหภาพยุโรปไม่มีความสับสนเหมือนประเทศไทย

ทางด้าน นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ ครป.  กล่าวว่า ท่ามกลางกระแสความขัดแย้ง และความล้มเหลว 2 ปีที่สืบทอดอำนาจมา นโยบายที่พรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาลหาเสียงไว้ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาประชาคมสักอย่าง จนคณะประชาชนสามัคคีประเทศไทย และประชาชนมากมาย เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะหาคนใหม่มาทำหน้าที่แทนในสถานการณ์วิกฤต เพราะ 7 ปีที่ผ่านมาหมดเวลาที่จะแสดงวิสัยทัศน์และจิตสำนึกใหม่แล้ว ครป. ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกอย่างเป็นทางการ เพื่อเสียสละรับผิดชอบแก่ชาติบ้านเมือง เห็นแก่ประชาชนคนไทยทั้งชาติ เสียสละอำนาจเพื่อประชาชน 

"ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ไร้จิตสำนึก ไม่ลาออก คนที่จะกดดันเขาได้ ก็มีเพียง พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้นที่จะกดดันให้ลาออกโดยใช้รัฐสภาเป็นเดิมพัน ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยไปไม่รอด เพราะมีผู้นำบ้าน้ำลายหลงตนเองอยู่แบบนี้ ท่านใช้งบประมาณมากมายของแผ่นดินเพื่อค้ำบัลลังก์อำนาจให้ตนเอง ผ่านการกระจายงบแบบล้างผลาญแผ่นดิน ไม่สนใจว่าคนไทยจะต้องรับกรรมใช้หนี้ในอนาคตแทนท่านผู้ใช้เงินอีกนานเท่าไหร่"

นอกจากนั้น ส.ส.ฝ่ายค้านจะต้องแสดงศักยภาพมากกว่านี้ หากว่าสภาไม่สามารถหาทางออกให้แก่บ้านเมืองได้ ส.ส.พรรคฝ่ายค้ายก็ช่วยลาออกจากสมาชิกรัฐสภาไปเลย เพื่อร่วมกันกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีหนทางไปต่อ เพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ได้ ทุกวันนี้ประเทศไทยมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอุปสรรคปัญหาแค่คนๆ เดียว และเลวร้ายกว่าโควิด-19 เสียอีก ดังที่ คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จะเดินทางไปยื่นหนังสือพรรคร่วมฝ่ายค้านในวันพุธนี้ ที่รัฐสภา

เลขาฯครป. กล่าวต่อไปว่า ทางออกของชาติบ้านเมืองวันนี้ เพื่อรักษาประเทศไทยไว้ไม่ให้แตกหักพังทลายไปมากกว่านี้ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก ต้องให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ด้วยเสียงข้างมาก ตามเจตจำนงค์ที่ประชาชนเลือกมาในครั้งแรก ตามประเพณีและครรลองประชาธิปไตย โดยสมาชิกวุฒิสภาที่ได้อำนาจมาตามบทเฉพาะกาล ให้โหวตเลือกตามมติของสภาผู้แทนราษฎรที่แถลงออกมาก่อนการเสนอชื่อและโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภา ไม่เช่นนั้น ประเทศจะไปต่อไม่ได้ 

และหลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีที่รับช่วงต่อ 2 ปี หากไม่โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจจนต้องยุบสภาเสียก่อน จะต้องรับฉันทามติของประชาชน แก้ไขปัญหาสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดร้ายแรง ปัญหาเศรษฐกิจผูกชาดและความเหลื่อมล้ำ และจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยและประชามติเพื่อกติกาใหม่ที่เป็นธรรมก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ที่บริสุทธ์ยุติธรรมอย่างแท้จริง และปลดล็อกผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาด้วยอำนาจโดยมิชอบ มาสร้างประชาธิปไตยในระบบรัฐสภากันใหม่ ในยุคศิวิไลย์ที่แท้จริง

พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ประเทศย้อนหลังไป 24 ปี ไปถึงจุดเริ่มต้นรัฐธรรมนูญ 40 ที่จะมีกระบวนการเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งไม่ต่างไปจากเดิม แถมยังพยายามปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและออกกฎหมายควบคุมประชาชนและองค์กรประชาสังคมอีกด้วย สวนทางการกระจายอำนาจอย่างสิ้นเชิง ซึ่งรัฐบาลธรรมาภิบาลต้องเปิดการเข้าถึงข้อมูลภาครัฐอย่างเปิดเผย โปร่งใส ไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน ตรวจสอบได้ ดังนั้นจะต้องยกเลิกกฎหมายร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม และร่าง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ ฉบับใหม่โดยทันที

ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ และพวก จะขโมยเงินในกระเป๋าคนไทยไปมากกว่านี้ และให้คนไทยใช้หนี้ในอนาคตด้วย ดูแผนงบประมาณของคณะรัฐมนตรีแล้วได้แต่ส่ายหัว รัฐบาลควรทบทวนแผนการใช้งบประมาณใหม่ทั้งหมดให้สอดคล้องกับกับการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงเรื่องของการฟื้นฟูประเทศในด้านเศรษฐกิจสังคมที่เราเสียโอกาสไป

งบประมาณกระทรวงกลาโหมที่ได้รับการจัดสรรถึง 203,282 ล้านบาท ถูกนำไปใช้ในโครงการเสริมสร้างจัดหายุทโธปกรณ์ แทนที่จะจัดหาวัคซีนซึ่งเป็นอาวุธที่แท้จริงในยุคสมัยใหม่ และส่งเสริมงบประมาณให้กระบวนการด้านสาธารณสุข ซึ่งความมั่นคงมนุษย์คือยุทธศาสตร์ที่แท้จริง ซึ่งต้องเน้นงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงแรงงาน และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มากขึ้น

"ผมขอทวงถามแทนประชาชนว่า งบประมาณปี 65 ได้มีการจัดสรรงบประมาณโดยสอดคล้องกับนโยบายสวัสดิการสังคมที่พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐที่หาเสียงและให้สัญญาประชาคมไว้หรือไม่  2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยปรากฏการดำเนินนโยบาย โครงการสวัสดิการสังคมใดๆ ที่สอดคล้องกับสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดได้หาเสียงไว้กับประชาชนเลย  เช่น สวัสดิการประชาชนแบบถ้วนหน้า นโยบายโครงการมารดาประชารัฐ แม้กระทั่งค่าจ้างขั้นต่ำและอัตราเงินเดือนผู้จบปริญญาตรีที่หาเสียงไว้"

โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาโรคระบาดร้ายแรง โควิด-19 ดูเหมือนรัฐบาลตั้งใจล้มเหลวในการสื่อสารในภาวะวิกฤตเพื่อให้ประชาชนสับสน จนโดนตั้งข้อกล่าวหาว่าท่านหากินกับความตายของประชาชนหรือไม่ ถ้ารัฐบาลจริงจังกับปัญหาคอร์รัปชัน ทำไมไม่เปิดให้สรรหา ป.ป.ช.ชุดใหม่ องค์กรอิสระชุดใหม่ทั้งหมด ที่มาจากสภาผู้แทนราษฎร ทำไมไม่ยกเลิกองค์คณะชุดเก่าที่แต่งตั้งกันตั้งแต่สมัย คสช.

เขา กล่าวว่า หากมีความจริงใจหยุดคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ ทำไมไม่แสดงความจริงใจให้สังคมเห็น โดยเฉพาะการยกเลิกการส่งทหารเข้าไปเป็นประธานและกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ทั้ง 45 รัฐวิสาหกิจ ทั้งๆ ที่ไม่มีความสามารถเชี่ยวชาญเกี่ยวข้องเฉพาะ หรือการให้ข้าราชการระดับสูง นอกจากตามกฎหมาย ป.ป.ช. แล้วให้นายทหารในระดับผู้บังคับบัญชา ตำรวจในระดับผู้กำกับสถานีตำรวจทุกสถานี ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วยดีหรือไม่ หรือท่านประกาศวาระแห่งชาติเพื่อตั้งใจหลอกลวงใครหรือไม่ ท่านบอกว่ารัฐบาลผมไม่เคยคอร์รัปชัน แค่ถูกตั้งข้อกล่าวหาและยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ท่านต้องรับผิดแล้ว ไม่ใช่ใช้ปัญญาแบบศรีธนญชัยบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบแบบนี้


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"