4 มิ.ย.64-กลุ่มเครือข่ายองค์กรครู ข้องใจ เหตุใดโครงสร้าง ศธ. ใน ร่างพ.ร.บ.การศึกษาชาติฯ ยัง ไม่มีการปรับแก้ "ธนชน" เผยมอบอำนาจให้ผู้ว่าฯจังหวัด เป็นประธานประชุมสถานศึกษา ขัดกับหลักการกระจายอำนาจ บริหารแบบ Single comand แถมเอื้อให้เอกชนมีบทบาทจัดการศึกษามากเกินไป
นายธนชน มุทาพร ประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ....ที่ผ่านมติ ครม. ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า จากการที่กลุ่มเครือข่ายองค์กรครูได้หารือร่วมนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า ได้ข้อสรุปให้แก้ไขใน 4 ประเด็นหลักประกอบด้วย 1.ให้ใช้ใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพครู เช่นเดิม 2. ให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงและเป็นวิชาชีพควบคุม 3.ให้เปลี่ยนตำแหน่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษา 4.ให้ปรับปรุงโครงสร้างเพื่อรองรับการกระจายอำนาจ แต่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กลับส่งไปให้กฤษฎีกาแก้ไขเพียง 3 ข้อแรกเท่านั้น โดยไม่นำเสนอข้อที่ 4 คือการปรับปรุงโครงสร้างเพื่อรองรับการกระจายอำนาจไปให้กฤษฎีกาแก้ไขแต่อย่างใด จึงเป็นที่สงสัย คลางแคลงใจอย่างยิ่ง เพราะองค์กรครูทั่วประเทศต่างไม่เห็นด้วยกับโครงสร้างการรวบอำนาจเข้าสู่ส่วนกลางทั้งในมาตรา 106 ที่ให้อำนาจปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชา การให้อำนาจกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ชี้นำแทรกแซงรัฐสภาในการออกกฎหมายระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และสาระบัญญัติของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่มีมาตราใดที่กล่าวถึงหน่วยงานการศึกษาระดับจังหวัดและเขตพื้นที่การศึกษาแต่อย่างใด แต่กลับกล่าวถึงผู้ว่าราชการจังหวัดให้มีอำนาจจัดการประชุมประธานคณะกรรมการสถานศึกษา แทนที่จะเป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยงานการศึกษาในระดับจังหวัดโดยตรงเป็นผู้รับผิดชอบ
"ขณะนี้จึงเป็นที่คลางแคลงใจ ว่า โครงสร้างศธ.ในระดับจังหวัดหรือเขตพื้นที่การศึกษาจะมีหรือไม่หรือ จะให้ปลัด ศธ.มอบอำนาจการบังคับบัญชาครูให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เกิดการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จเข้าสู่โครงสร้างอำนาจนิยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งโครงสร้างอำนาจลักษณะดังกล่าวนี้เป็นอุปสรรคต่อการกระจายอำนาจให้สถานศึกษามีอิสระในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นการบริหารแบบ single comand ซึ่งไม่เหมาะกับ ศธ. ที่เป็นกระทรวงสร้างคนให้มีปัญญา มีความเป็นอิสระสร้างสรรค์ โดยไม่ควรใช้อำนาจใดมากดทับความคิด และความอิสระของหน่วยงานการศึกษาทุกระดับ"ประธานชมรม ผอ.สพท.แห่งประเทศไทย กล่าว
นายธนชน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่จะต้องแก้ไขให้เกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เช่น การไม่กำหนดให้มีผู้บริหารการศึกษา การไม่ชัดเจนของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องนั้นหมายถึงหน่วยงานใด การกำหนดเป้าหมายให้ครูและนักเรียนปฏิบัติตายตัว การเอื้อให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมจัดการศึกษาเกินความเหมาะสมมากเกินไป ซึ่งเป็นการผลักภาระให้กับผู้ปกครองเสียค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าเล่าเรียนให้บุตรหลานเพิ่มขึ้น และอาจเปิดโอกาสให้นายทุนทั้งในและนอกประเทศ เข้ามาลงทุนการจัดการศึกษา จนอาจกระทบต่อสถานศึกษาเอกชนที่จัดการศึกษาอยู่
"ผมจึงต้องการให้รัฐบาล และรัฐสภา ได้โปรดพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวนี้ด้วยความรอบคอบ โดยยอมรับฟังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงให้มาก เพราะ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้ยกร่างขึ้นมาโดยผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติในพื้นที่จริง เป็นการร่างโดย คนคิดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้คิด ซึ่งอาจจะมองไม่เห็นปัญหาเมื่อนำสู่การปฏิบัติ " นายธนฃน กล่าว