รัฐบาลเงาเมียนมาถึงขั้นอ้อน'โรฮีนจา'ร่วมต่อต้านเผด็จการทหาร


เพิ่มเพื่อน    

ตอนนี้เห็นคุณค่าแล้ว รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติของเมียนมาที่เป็นการรวมตัวกันของฝ่ายต่อต้านรัฐประหาร กล่าวเรียกร้องต่อชาวโรฮีนจาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมที่โดนกระทำมายาวนาน ให้เข้าร่วมกับการโค่นล้มเผด็จการทหาร โดยให้คำมั่นว่าจะให้สัญชาติและให้กลับประเทศ

    กลุ่มอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติของเมียนมาที่พ้นจากตำแหน่งหลังการรัฐประหารวันที่ 1 กุมภาพันธ์  นำโดยสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางอองซาน ซูจี ร่วมกันกับตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ และนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหาร จัดตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (เอ็นยูจี) ขึ้น แต่รัฐบาลทหารขึ้นบัญชีสมาชิกรัฐบาลเงาชุดนี้ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ะผู้ที่ติดต่อสัมพันธ์กับพวกเขาจึงอาจถูกลงโทษต่อกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายไปด้วย

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน กล่าวว่า กลุ่มนี้ออกแถลงการณ์ในวันเดียวกันนี้ เรียกร้องให้ชาวโรฮีนจาเข้าร่วมกับการต่อสู้ของพวกเขา "เราขอเชิญชาวโรฮีนจามาจับมือกับเราและคนอื่นๆ เพื่อเข้าร่วมในการปฏิวัติฤดูใบไม้ผลิต่อต้านเผด็จการทหาร" คำแถลงกล่าว

    ที่ผ่านมารัฐบาลของนางซูจีหลีกเลี่ยงการใช้คำ "โรฮีนจา" มาโดยตลอด เนื่องจากเป็นคำที่มีความอ่อนไหวสำหรับเมียนมาที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ โดยมักเรียกชาติพันธุ์นี้ว่า "ชาวมุสลิมที่อาศัยในรัฐยะไข่"

    สำหรับเมียนมา ชาวโรฮีนจามักถูกมองว่าเป็นพวกที่รุกล้ำข้ามแดนเข้ามาจากบังกลาเทศ และถูกปฏิเสธความเป็นพลเมือง, สิทธิ และการเข้าถึงบริการของรัฐมานานหลายสิบปี ภายใต้สภาพการณ์ที่แอมเนสตีอินเตอร์เนชันแนลเรียกว่า คล้ายการแบ่งแยกสีผิว

    เอ็นยูจียังให้คำมั่นสัญญาว่า จะยุติกฎหมายให้สัญชาติปี 2525 ที่เลือกปฏิบัติต่อชาวโรฮีนจา, ให้สัญญาว่าทุกคนที่เกิดในเมียนมาหรือเกิดกับชาวเมียนมาจะได้รับสัญชาติ นอกจากนี้ พวกเขายังให้คำมั่นว่าจะรับชาวโรฮีนจาทุกคนในค่ายลี้ภัยที่บังกลาเทศกลับเมียนมา "ทันทีที่การส่งกลับประเทศสามารถทำได้โดยสมัครใจ, ปลอดภัย และมีศักดิ์ศรี"

    การปราบปรามที่รัฐยะไข่เมื่อปี 2560 ผลักดันให้ชาวโรฮีนจามากกว่า 740,000 คนหนีข้ามแดนเข้าบังกลาเทศ กองทัพเมียนมาอ้างว่าการปราบปรามครั้งนั้นชอบด้วยเหตุผล เพื่อกำจัดผู้ก่อความไม่สงบชาวโรฮีนจาที่โจมตีที่มั่นของตำรวจและสังหารเจ้าหน้าที่หลายนาย ทั้งยังปฏิเสธคำกล่าวหาทั้งหมดเรื่องการกระทำทารุณโหดร้ายกับชาวโรฮีนจา ที่รายงานขององค์การสหประชาชาติเรียกว่า เทียบได้กับการล้างเผ่าพันธุ์

    นางซูจีเคยปกป้องการกระทำของกองทัพ และถึงขั้นเดินทางไปขึ้นศาลที่กรุงเฮกเพื่อว่าความแก้ต่างข้อกล่าวหาล้างเผ่าพันธุ์ด้วยตนเอง

    ตอนนี้มีชาวโรฮีนจาอยู่ในเมียนมามากกว่า 600,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐยะไข่ แต่พวกเขาไม่ได้สิทธิพลเมืองและถูกจำกัดให้อยู่แต่ภายในค่ายหรือในหมู่บ้าน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"