เสี่ยหนูยอมสยบบิ๊กตู่ ไม่กล้ามีปัญหากับผู้บังคับบัญชา/เรืองไกรซบพปชร.


เพิ่มเพื่อน    

 กมธ.งบประมาณ 2565 นัดประชุมนัดแรก 4 มิ.ย.นี้ อึ้ง! สัดส่วน พปชร.มีทั้ง “เรืองไกร-ปารีณา” ส่วนก้าวไกลเขี่ย “ธนาธร” ทิ้งแล้ว “เสี่ยหนู” ยันไม่กล้ามีปัญหากับผู้บังคับบัญชาแน่นอน เด็กภูมิใจไทยยันทำหน้าที่สมบูรณ์ พร้อมวิพากษ์เพื่อแนะนำไม่ใช่ทำให้พินาศ เพื่อไทยมาแปลกอาสาทำหน้าที่แก้ปัญหายามวิกฤติ ยก “สึนามิ-ไข้หวัดนก” ทำสำเร็จมาแล้ว “วิรัช” รับเรืองไกรเป็นสมาชิกพรรคมาเป็นเดือนแล้ว เชื่อมีเซอร์ไพรส์อีกแน่

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 มิ.ย. ยังคงมีความต่อเนื่องหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติรับหลักการในวาระแรกของร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนน 269 ต่อ 201 เสียง งดออกเสียง 2 และได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เต็มคณะจำนวน 72 คน
ทั้งนี้ รายชื่อที่สร้างความน่าสนใจอยู่ที่สัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จำนวน 13 คน มีชื่อของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย  (พท.) อยู่ด้วย โดยเขาเคยเป็นเลขานุการคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 ในสัดส่วนพรรค พท. กับมีชื่อของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อยู่ นอกจากนั้นในรายชื่อของ กมธ.ส่วนใหญ่ก็เป็น ส.ส.ของกลุ่มนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)  รวมทั้งคนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขณะเดียวกัน สัดส่วน กมธ.ของพรรคก้าวไกล  (ก.ก.) จำนวน 6 คน กลับไม่ปรากฏชื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าแต่อย่างใด เพราะปกติใน กมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณปี 2563 ที่มีจำนวน 64 คน และ กมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณปี 2564 ที่มีจำนวน 72 คน จะมีชื่อนายธนาธรทุกคณะ
สำหรับการประชุม กมธ.นัดแรกเพื่อวางกรอบการทำงานและเลือกประธานได้นัดประชุมในวันที่ 4 มิ.ย.นี้  ณ ห้องประชุมงบประมาณ (สถ.) ชั้น 4 โซนกลาง  อาคารรัฐสภา
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม? ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงกรณีไม่ได้กดโหวตลงคะแนนรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565? ว่า ขณะลงคะแนนเกิดความสับสนในรายชื่อ กมธ.ในสัดส่วนพรรค  จึงวุ่นวายอยู่กับการแก้ไขข้อมูลจนไม่ได้กดโหวต ไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ลงคะแนน ซึ่งได้ชี้แจงเหตุผลให้ พล.อ.ประยุทธ์? จันทร์โอชา? นายกฯ และ รมว.กลาโหม?ทราบแล้ว ซึ่งนายกฯ เข้าใจดี
    ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวยืนยันถึงงบประมาณปี 2565  ของกระทรวงว่า มีเพียงพอในการดูแลประชาชนได้  เพียงแต่ในปี 2565 อาจต้องชะลอการก่อสร้างอาคาร โครงการต่างๆ ไว้ก่อน เพื่อนำงบประมาณมาใช้กับการซื้อวัคซีนและดูแลปัญหาโควิด-19
เสี่ยหนูลั่นไม่มีปัญหา
“ผมกับนายกฯ ไม่มีปัญหากัน เพราะไม่กล้ามีปัญหากับผู้บังคับบัญชาแน่นอน” นายอนุทินระบุ
ส่วนนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง  พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะโฆษกพรรค ชี้แจงถึงกรณีพรรคลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ  2565 วาระแรก ทั้งที่ ส.ส.พรรคอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า การวิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้ฝ่ายปฏิบัติหรือรัฐบาลรู้ข้อบกพร่องและนำไปแก้ไข ไม่ใช่วิจารณ์เพื่อทำลายใคร และหากไม่ลงมติรับหลักการ และร่างงบประมาณตกไปนั้น รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ต้องให้สำนักงบประมาณพิจารณากันใหม่ ซึ่งกว่าจะเสนอวาระแรกต่อสภาอีกครั้งต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 6 เดือนแน่นอน ดังนั้นกว่าจะได้ใช้งบประมาณ  2565 ก็ไม่น่าเร็วกว่าเดือน มี.ค.65 ซึ่งเข้าสู่ไตรมาสที่  2 แล้ว และหากใช้งบปี 2564 ไปพลางๆ ก่อนก็จะไม่มีงบลงทุนจากรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นผลดี และยังไม่มีงบสำหรับบริหารสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งการทำหน้าที่ผู้แทนก็มีหน้าที่วิพากษ์เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่วิพากษ์เพื่อนำไปสู่ความพินาศ
นายภราดรยังกล่าวถึงการประชุม กมธ.นัดแรกว่า จะเสนอชื่อนางนาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อเข้าดำรงตำแหน่งรองประธาน กมธ.เพราะอาวุโสสูงสุด ส่วนการพิจารณาขอเพิ่มงบของ สธ.ในชั้น กมธ.นั้นค่อนข้างลำบาก เพราะ ส.ส.ไม่สามารถแปรญัตติเพิ่มงบประมาณได้ หน้าที่ของ กมธ.คือปรับลดได้เท่านั้น
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรค ภท.กล่าวเช่นกันว่า สาเหตุที่ไม่คว่ำร่างงบประมาณฉบับนี้ไม่ได้พิจารณาเพียงมิติการเมือง แต่ต้องพิจารณาถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย จึงเชื่อว่า ส.ส. ไม่ว่าจะฝั่งใดก็ต้องทำหน้าที่ในการเสนอความเห็น ชมบ้างติติงบ้างแล้วแต่ประสบการณ์และความคิดเห็น  และยืนยันว่าการแสดงความเห็นในสภาเป็นสิ่งที่ ส.ส. พึงกระทำ เพื่อให้ผู้ยื่นกฏหมายและรัฐบาลได้รู้ข้อบกพร่องและนำไปปรับปรุง
"วันที่ 27 พ.ค.มีพระราชกำหนดที่เสนอโดยรัฐบาล ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลให้ข้อเสนอแนะ ตำหนิ หลากหลาย แต่สุดท้ายก็อนุมัติให้ความเห็นชอบด้วยกัน คำถามคือแบบนี้เรียกละครโรงใหญ่เหมือนกันไหม  เพราะหาก พ.ร.ก.ตกไปตามมติสภา ก็มีผลเหมือนร่างงบประมาณตกไปเช่นกัน และแปลกใจที่พอตัวเองทำบอกเพื่อชาติ พอคนอื่นทำบอกเล่นละคร ผมยืนยันว่าการแสดงความเห็นในสภาเป็นสิ่งที่ ส.ส.พึงกระทำ  เพื่อให้ผู้ยื่นกฏหมายได้รู้ข้อบกพร่องและนำไปปรับปรุง ดีกว่าไม่แม้แต่แสดงความคิดเห็นข้อเสนอแนะในขณะที่มีโอกาส แล้วคอยมาหาเศษหาเลยมาสร้างวาทกรรมสวยๆ" นายสิริพงศ์กล่าว
เพื่อไทยโอ่อภิปรายได้สมราคา
    ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.)  กล่าวว่า พรรคพอใจการทำหน้าที่ของ ส.ส.พรรคในครั้งนี้ ที่ได้ช่วยกันพยายามชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลประยุทธ์ ไร้ประสิทธิภาพ บริหารประเทศผิดพลาดบกพร่อง ล้มเหลวซ้ำซากมาตลอด 7 ปี ขณะที่รัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯ จำนนต่อข้อเท็จจริง ตอบไม่ได้ไปไม่เป็น ชี้แจงไม่ตรงคำถาม โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่ ส.ส.พรรคได้ตั้งคำถามคือ ในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤติโควิด รัฐบาลกลับจัดสรรงบประมาณในปี 2565 ให้กระทรวงกลาโหมมากขึ้น แต่กระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขวิกฤติโรคระบาดกลับถูกลดงบประมาณลง         
    “การอภิปรายของสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองก็ตอกย้ำให้เห็นว่า การจัดทำงบประมาณปี 2565 ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤติของชาติ กลับหัวกลับหาง จัดงบแบบแย่งชิงการนำทางการเมือง แต่ผลการลงมติจะเห็นได้ชัดเจนถึงการกระทำของพรรคร่วมรัฐบาลที่ย้อนแย้งกับสิ่งที่ได้อภิปรายในสภา สะท้อนความเปราะบางภายใน และส่อให้เห็นว่าอาจจะมีการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง” นายประเสริฐกล่าวและว่า ในวาระ 2 ชั้น กมธ.พรรคจะเดินหน้าทำหน้าที่เต็มที่ ประชาชนต้องรอด ประยุทธ์ต้องร่วง และเมื่อประยุทธ์ไม่พร้อม เพื่อไทยพร้อม และที่ผ่านมาพรรคได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤติที่ผ่านมาได้อย่างรวดเร็ว ทันการณ์ ไม่ว่าจะเหตุคลื่นยักษ์สึนามิหรือการระบาดของไข้หวัดนก
ขณะที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวถึงการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายโดยเฉพาะเรื่องรับจำนำข้าว โดยได้ยกผลงานวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) มาประกอบ พร้อมยืนยันหากจะเปรียบเทียบจำนวนหนี้ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์กับนายกฯ  ประยุทธ์ พบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์บริหารงานไม่ถึง 3 ปี ก่อหนี้ 3,300,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 1,100,000  ล้านบาท ขณะที่รัฐบาลนายกฯ ประยุทธ์บริหารงานมา  7 ปี มีหนี้ 4,285,000 เฉลี่ยปีละ 612,142 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ น่าเห็นใจ สำหรับนายกฯ  ประยุทธ์ คือต้องมาใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ ตรงตามที่โบราณว่าเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ แถมโดนปั่นกระแสบิดเบือนอีก
“ขอวอนว่าเลิกปกปิด ซุกพรม หรือนั่งทับขี้เลย  เขารู้ทันกันหมดทั้งประเทศแล้ว ถ้าจะบอกว่าเป็น นโยบายสาธารณะแล้วบอกว่าความสุขของชาวนาเป็นกำไรของรัฐบาล ก็อยากถามว่าที่ชาวนาผูกคอตายจำนวนมากมันเป็นความสุขจริงหรือไม่ ความสุขของใคร ของผู้ที่ทำนาบนหลังคน นั่งนับเงินบนศพชาวนา และคราบน้ำตาของพี่น้องเกษตรกรหรือ แต่ถ้ายังแถว่าดีจริงก็อยากจะถามว่าแล้วที่เป็นคดีใน ป.ป.ช. และที่หนีคดีกันไปต่างประเทศ เพราะยอมจำนนด้วยหลักฐานหรือไม่กล้าสู้ความจริงหรืออย่างไร จึงหนีกันไปแต่พี่น้อง ปล่อยคนเคยเป็นพวกพ้องติดคุกกันเป็นสิบๆ ปี  คนเราเจ็บแล้วต้องจำ” นายเสกสกลกล่าวและว่า อย่าเพียงแค่อภิปรายเพื่อหวังเอาใจนายใหญ่ทั้งสองอย่างนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์เลย ช่วยเอาข้อเท็จจริงมาพูดดีกว่า ถ้าไม่ผิดจริงศาลคงไม่พิพากษาให้อดีต  รมต. ข้าราชการและพ่อค้าที่ร่วมกันทุจริตติดคุกกันระนาวแน่นอน
เป็นสมาชิกมาเป็นเดือนแล้ว
วันเดียวกัน นายเรืองไกรให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีชื่อตัวเองเป็น กมธ.ในสัดส่วนพรรค พปชร.ว่า คนพรรค พปชร.ที่เคยทำงานด้วยกันสมัยพรรคเพื่อไทยมาชักชวน ก็ตอบไปว่าได้เพราะเป็นคนทำงาน ไม่ได้มีอะไร และในชั้น กมธ.ถ้าอยู่เสียงข้างมากจะทำงานแล้วเกิดประโยชน์ และครั้งนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ติดต่ออะไรมา เมื่อ พปชร.เสนอมาก็ยินดีทำงานให้สภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เป็นสมาชิกพรรค พปชร.แล้วหรือยัง นายเรืองไกรกล่าวว่า ยอมรับว่ามีการติดต่อชักชวน และก่อนหน้านั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ก็เคยเอ่ยชวน แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ตอบรับ และขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะตอบ เพราะขั้นตอนทางเอกสารยังไม่สมบูรณ์ ถ้าเอกสารเรียบร้อยก็เป็นสมาชิกพรรค พปชร.อย่างสมบูรณ์ โดยคงเข้าไปช่วยดูเรื่องกฎหมายและงานที่เคยทำ
เมื่อถามว่าถือเป็นการย้ายขั้วหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่าไม่เกี่ยว การทำงานอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ เพราะเป็นแมวที่จับหนูได้ทุกสี ถ้าทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ส่วนเรื่องร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ ให้ดำเนินการกับ พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร หรือใครก็แล้วแต่ในซีกรัฐบาล ก็จะเดินหน้าต่อไปไม่มีการถอนเรื่อง และคนฝ่ายรัฐบาลเมื่อถูกร้องไป ไม่งอแงตีโพยตีพาย ตัดพ้อต่อว่าอะไร เขาก็ชี้แจงไปปกติ ต่างจากฝ่ายค้านที่พอร้องไปแล้วโวยวาย
    "การไปอยู่กับ พปชร. ไม่มีใครมากดดันหรือบีบบังคับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดีหรือเรื่องเงินแน่นอน เขาเห็นว่าทำงานได้ก็เปิดโอกาสให้ทำงาน ก็ตอบรับพร้อมร่วมงาน และต้องขอบคุณ ถ้าใครจะมองว่าย้ายฝ่ายย้ายขั้วคงไปห้ามไม่ได้ ก็ถูกมองมาตั้งแต่ตรวจสอบภาษีนายทักษิณว่าเป็นเสื้อเหลือง พอมาอยู่กับเพื่อไทยก็หาว่าเป็นเสื้อแดง แต่ผมมีจุดยืนคือการทำงานอยู่ที่ไหนก็ได้” นายเรืองไกรกล่าวและว่า หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบในส่วนของรัฐบาลหรือคนอื่นๆ  เหมือนเดิม ถ้าเห็นใครทำอะไรไม่ถูกต้อง
    นายวิรัชกล่าวถึงกรณีนี้ว่า ไม่มีอะไรให้น่าสงสัย  เพราะนายเรืองไกรสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค พปชร.มาเป็นเดือนแล้ว ซึ่งเราเป็นพรรคใหญ่ บางอย่างที่เราขาดไปก็ต้องเสริมตรงส่วนนั้น โดยเฉพาะเรื่องการพิจารณางบประมาณต้องให้คนที่มีความเข้าใจ และเห็นว่านายเรืองไกรสามารถทำได้ ก็มาเสริมตรงนั้น  และกรณีนี้ยังไม่น่าตกใจ ถ้ามีการเลือกตั้งในครั้งหน้าอาจเซอร์ไพรส์กว่านี้
มีรายงานจากพรรค พปชร.ว่า นอกจากนายเรืองไกรแล้ว ยังจะมีนักการเมืองและ ส.ส.อีกหลายคนเตรียมย้ายเข้าพรรค พปชร.ด้วย หนึ่งในนั้นเป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน ภาคเหนือ ฝีปากกล้า อภิปรายดุเดือดในสภา.
 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"