ผลการลงมติออกเสียง “ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565” ในวาระแรกขั้นรับหลักการ เมื่อช่วงค่ำวันพุธที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวาระที่ 1 ด้วยคะแนนเสียงรับหลักการ 269 เสียง-ไม่เห็นชอบ 201 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง

            และที่ประชุมได้ตั้งคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จำนวน 72 คน ที่แน่นอนว่า ประธานกรรมาธิการ ตามธรรมเนียมปฏิบัติก็คือ อาคม เติมพิทยาไพศิษฐ์ รมว.คลัง แต่เนื่องจากการประชุม กมธ.ฯ ต้องประชุมกันทั้งวันทั้งคืน ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องเอาคนที่วางใจได้และมีความเชี่ยวกรากทางการเมืองมาคุมทิศทางการทำงบ-ปรับเปลี่ยน ตัดลดงบฯ ต่างๆ รวมถึงคอยคุมเกมในห้องประชุม กมธ.ฯ และในสภาตอนร่างฯ เข้าสู่สภาวาระ 2-3 ซึ่งทั้งหมดจะใช้เวลาร่วม 2-3 เดือน ดังนั้นตัวหลักที่รัฐบาลพลังประชารัฐวางตัวไว้คอยคุมร่าง พ.ร.บ.งบฯ วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ก็คือ “สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง” โดยมีทีมเสริมคือ “วราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง-แกนนำพลังประชารัฐ กลุ่มกำแพงเพชร” ที่เป็นมือประสานทางการเมืองในการจัดทำงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ และยังมี  “พล.ท.วัลลภ นาคประสิทธิ์ อดีตปลัดบัญชีกองทัพบก” คนสนิทพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่บิ๊กป้อมส่งมาเป็นกรรมาธิการงบฯ โควตารัฐบาลมา 3 ปีแล้ว เพื่อคอยทำข้อมูล-รายงาน การพิจารณางบสำคัญๆ แบบยิงตรงถึงห้องทำงานบิ๊กป้อมที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะ “งบ ก.กลาโหม-งบทหาร-งบลับ” ต่างๆ

            ขณะที่ ควันหลงทางการเมืองจากการประชุมสภาฯ ช่วง 3 วัน 3 คืนที่ผ่านมา มีให้เห็นหลายฉากทางการเมือง เช่น กรณีเสียงโหวตไม่รับหลักการวาระแรก ที่พบว่าเสียง ส.ส.ฝ่ายค้านหายไปประมาณ 10 เสียง แต่พบว่าทั้งเพื่อไทย-ก้าวไกลไม่ตื่นเต้นมากนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นพวกงูเห่า ที่เตรียมย้ายพรรคอยู่แล้วตอนเลือกตั้งรอบหน้า

อย่างของพรรคก้าวไกล เบื้องต้นแกนนำพรรคบอกว่า ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคเป็นกลุ่ม ส.ส.เดิมที่เคยไปลงมติไว้วางใจรัฐมนตรีตอนช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี พีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย และ นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย เป็นต้น ซึ่งทั้งหมด ในทางการเมืองรู้กันดีว่าจะย้ายไปพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งรอบหน้า โดยที่ผ่านมา ส.ส.กลุ่มดังกล่าวถูกคนในพรรคบอยคอตมาหลายเดือนแล้ว

            อีกประเด็นที่คนให้ความสนใจก็คือ รายชื่อ กมธ.งบฯ 72 คน ที่มีชื่อของ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ-อดีต ส.ว.” เข้าไปเป็น กมธ.งบฯ ในโควตาพรรคพลังประชารัฐ แบบมาเงียบ แต่พรวดเดียวชื่อถูกประกาศกลางสภา ชนิดคนในพลังประชารัฐบางคนก็ยังอ้าปากหวอกลางสภาว่า เรืองไกรมายังไง

เพราะก่อนหน้านี้ หลังเรืองไกรที่ย้ายกลับมาพรรคเพื่อไทยเพราะพรรคไทยรักษาชาติโดนยุบพรรค ก็มีข่าวว่าเรืองไกรมีปัญหากับคนในพรรคจำนวนไม่น้อย จนโดนลดบทบาทที่ตัวเองถนัด ทำให้ เรืองไกรเลยออกจากพรรคเพื่อไทยแล้วไปอยู่กับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่พรรคเสรีรวมไทยอยู่สักพัก ซึ่งพรรคเสรีรวมไทยก็ให้บทบาทการทำงานในสภาระดับหนึ่ง แต่แล้วจู่ๆ เรืองไกรก็มามุดเข้าพลังประชารัฐแบบหลายคนคาดไม่ถึง เพราะก่อนหน้านี้เรืองไกรก็ยื่นเรื่องตรวจสอบคนในรัฐบาล-พลังประชารัฐมากมาย ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา-พลเอกประวิตร-ปารีณา ไกรคุปต์ เป็นต้น

            อย่างไรก็ตาม หากไปดูเส้นทางการเมืองของ "เรืองไกร" หลายคนก็ดูจะไม่แปลกใจมากนัก เพราะก่อนหน้านี้ขนาดเรืองไกรยื่นเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.สอบเรื่องการโอนหุ้นชินคอร์ปโดยไม่เสียภาษี ระหว่างคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ กับบรรณพจน์ ดามาพงศ์-การยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ลูกสาวเจ๊แดง เยาวภา กรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ จนถูกศาลฎีกาตัดสิทธิการเมือง 5 ปี หรือการยื่นเรื่องให้ กกต.เอาผิดสมัคร สุนทรเวช คดีชิมไปบ่นไป จนสมัครหลุดจากเก้าอี้นายกฯ แต่พอทักษิณ-เจ๊แดงใช้แผน "ดึงศัตรูมาเป็นพวก ดีกว่าปล่อยให้ศัตรูคอยจ้องจับผิด" โดยไฟเขียวให้เรืองไกรมาอยู่กับเพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ ตัวเรืองไกรก็ย้ายมาเพื่อไทยแบบไม่คิดอะไร แม้คนในเพื่อไทยจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับทักษิณก็ตาม

ดังนั้น การที่เรืองไกรไปอยู่กับพลังประชารัฐ แวดวงการเมืองเลยดูจะไม่แปลกใจนักที่เรืองไกรจะสวิงขั้วได้ขนาดนี้

เพียงแต่หลายคนดูจะบอกตรงกัน หนักใจแทนบิ๊กป้อม-พลังประชารัฐมากกว่า เพราะคนที่รู้จักเรืองไกรดีต่างก็บอกว่า เรืองไกรคุมยาก ดังนั้นความคิดของพลังประชารัฐที่ต้องการดึงฝ่ายตรงข้ามมาเป็นพวก สุดท้ายอาจไม่ได้ผล เผลอๆ อาจโดนตลบหลังเอาได้ เพราะหากเรืองไกรมารู้ "ความลับ" ในพลังประชารัฐ โดยเฉพาะเรื่อง "เงินๆ ทองๆ" เผลอๆ อาจจะโดน "แฉ-ตลบหลัง" ในภายหลังได้ เพราะ เรืองไกรก็ยังมีความสัมพันธ์กับฝ่ายค้านในเพื่อไทย-เสรีรวมไทยอยู่!!!

            ท่ามกลางกระแสข่าวว่า "พลังดูด" ของบิ๊กป้อม-พลังประชารัฐ ยังไม่หมดแค่นี้ ลือกันว่าแกนนำพรรคอย่าง "ธรรมนัส พรหมเผ่า-รมช.เกษตรฯ" กำลังเดินแผนลึก วางแผนดูด ส.ส.เพื่อไทยบางคนมาอยู่กับพลังประชารัฐ แม้บางคนที่เป็น ส.ส.ภาคเหนือมา 4-5 สมัยก็มีชื่ออยู่ในลิสต์ของบิ๊กป้อม-ธรรมนัสเรียบร้อยแล้ว เช่น ส.ส.ภาคเหนืออักษรย่อ "พ" ที่อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุย เพราะข่าวว่าแกนนำเพื่อไทยก็รู้เรื่องนี้แล้ว เลยพยายามสกัดพลังดูดบิ๊กป้อม-พปชร.อยู่ 

                พลังดูดของพลังประชารัฐตอนเลือกตั้งปี 2562 ที่ว่าแรงแล้ว รอบใหม่ที่จะมาถึงข่าวบอกว่าแรงกว่าเดิมเป็นสิบเท่า.