ในทุกวันนี้ที่โลกโซเชียลได้มอบความสะดวกสบายในการเสพย์ข่าวสารให้กับทุกคนในทุกมุมโลก แต่ก็มีไม่น้อยที่โซเชียลกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือทำร้ายชีวิตและจิตใจของมนุษย์ เพียงแค่ปลายนิ้วที่พิมพ์ตัวอักษรต่างๆจากการแสดงความคิดเห็น ก็สามารถกลายเป็นโคลนที่สาดใส่ผู้อื่นได้ ปลื้ม-สุรบถ หลีกภัย หนึ่งในผู้ทำรายการ VRZO ก็ถือเป็นอีกคนที่เคยได้รับผลกระทบจากการวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่า "นักเลงคีย์บอร์ด" มาก่อน จึงวอนขอใหทุกคนใช้อินเตอร์เน็ตอย่างมีสติ

            “ในเรื่องของโลกโซเซียลมีเดียมันมีประโยชน์นะ แต่มันก็มีโทษเหมือนกันถ้าเราใช้ไปในทางที่ผิด ผมรู้สึกว่าคนสมัยนี้แคร์อะไรเยอะเกินไป อาจเป็นด้วยเพราะโลกโซเซียลทำให้คนใกล้กันง่ายขึ้น พอคนมันใกล้กันมากขึ้นมันทำให้เราแคร์อะไรเยอะ เราเห็นอะไรเยอะขึ้น รับรู้อะไรมากขึ้น ก็เป็นสาเหตุให้เราเครียดมากขึ้น บางทีเห็นเพื่อนอัพรูปจากไอโฟน10 ก็มาคิดว่าทำไมฉันไม่มี หรือเห็นเขาไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ เราก็อยากไปตามเขา คือเราเอาตัวเองไปผูกกับมันมากเกินไป มันก็ทำให้เกิดทุกข์ได้

            หรือที่น่ากลัวเลยคือ บางครั้งมีการนำเรื่องอะไรสักเรื่อง ของใครสักคนหนึ่งมาแชร์ในโลกโซเซียล เราก็ไปคอมเม้นท์ด่าทอเขาด้วย ทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักเขาเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นสายปลายเหตุมันเป็นมายังไง แค่ขอด่าไว้ก่อน ซึ่งเราทำแบบนั้นไม่ได้ ผมเชื่อว่าคนที่จะด่ากัน ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองได้ ฉันด่าคุณเพราะอะไร คุณทำให้ฉันเจ็บช้ำไหม หรือคุณทำอะไรที่มันแย่เลวทราม ถ้าจะด่าต้องมีเหตุผลในการด่า และต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเองด้วย

            แต่ยุคนี้มันไม่ใช่ เรื่องของใครไม่สนใจ ด่าเอามันส์ไว้ก่อน ทุกคนทำตัวเองเป็นศาลเตี้ย ปากบอกว่าเกลียดความรุนแรง แต่เราลืมไปหรือเปล่าว่าเรากำลังทำแบบนั้นอยู่ ทุกครั้งที่เรากดไลค์ กดแชร์ โดยคุณไม่สืบหาข้อมูลความจริงก่อน นั่นแหละคือคุณกำลังใช้ความรุนแรง อย่างข่าวบางข่าวสมัยนี้เขาก็ทำออกมาเพื่อเอายอดไลค์ ยอดแชร์ โดยแทบจะหาความจริงไม่ได้ ซึ่งถ้าเราไปกดแชร์เรื่องที่มันไม่จริงหรือเรื่องที่ทำร้ายคนอื่น มันก็จะลุกลามไปใหญ่โต ฉะนั้นเพื่อการกลั่นกรองที่ดี ผมว่าเราคงต้องย้อนกลับไปเสพข่าวนั้นให้ช้าลงนิดหนึ่ง อย่าทำอะไรเร็ว คิดเยอะๆ ต้องมีสติกับมัน ให้มันช้าลงกว่านี้หน่อย เราจะได้มีเวลาพิจารณา

            หรือถ้าอยากดูว่าอะไรมีความน่าเชื่อถือได้ ผมว่าเราดูจากข่าวหลักได้นะ ผมเชื่อว่าข่าวสายหลักต่างๆ อาจจะช้ากว่าอินเตอร์เน็ต แต่มันมีคนรับผิดชอบ คือเขารับผิดชอบว่าฉันออกข่าวนี้ฉันรับผิดชอบนะ ในเมื่อองค์กรข่าวที่มีคนรับผิดชอบได้ อันนี้ข่าวที่ออกมาน่าจะมีความน่าเชื่อถือมากพอที่จะเราเสพเข้าไป ผมเลยบอกว่าบางครั้งเราช้าลงอีกนิดหนึ่ง มันจะช่วยเรากรองข่าวสารได้ดีขึ้น การสาดพลังงานด้านลบใส่คนอื่นไม่ได้ทำให้ตัวเองดีขึ้น คนที่พูดมันปาก เอาแค่สนุกปาก อยากให้เบรกหน่อย คิดนิดหนึ่งว่ามันจริงแค่ไหน ก่อนที่จะไปด่าเขา

            สังคมโลกโซเซียลตอนนี้ดูน่ากลัวมาก เราสามารถสร้างเรื่องอะไรก็ได้ที่จะทำร้ายคนคนหนึ่งได้ แค่มีคำพูดที่ดี มีการเขียนที่สละสลวย บวกกับมีรูปที่ตกแต่งให้สวยงาม แค่นี้ก็ทำให้มันน่าเชื่อถือได้แล้ว เพราะฉะนั้นคนที่เป็นผู้เสพต้องคิดเยอะๆครับ บางครั้งบางอย่างเราเร็วไปจริงๆ บางทีความเร็วของเรามันอาจจะไปทำร้ายคนอื่นได้นะ น่ากลัวมากๆ ผมเรียกว่าเป็นภัยสังคมยุคใหม่เลยนะ ที่อดีตไม่เคยมีภัยประเภทนี้ แล้วภัยประเภทนี้มันเป็นปรากฏการณ์ที่น่ากลัวมาก สำหรับผมมองว่าไม่ใช่เรื่องเล็กเลย หนึ่งคอมเม้นท์ หนึ่งไลค์ หนึ่งแชร์ นี่เรื่องใหญ่มาก ถ้าก่อนทำคุณไม่กลั่นกรองให้ดีก่อน

            เหตุการณ์แบบนี้ผมก็เคยเจอกับตัวเองครับ แต่ตัวผมก็มีวิธีการรับมือของผม แต่ละคนก็มีวิธีการรับมือแตกต่างกันไป ผมเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือจิตใจเรา ในกรณีที่เราโดนด่าจากอะไรก็ตามที่เราไม่ได้ทำ เราก็ต้องชี้แจงความจริง แต่พูดเสร็จแล้วก็พอ ใครที่พร้อมจะเข้าใจเราเขาจะเข้าใจ ใครที่จะไม่พร้อมที่จะเข้าใจเราพูดยังไงเขาก็จะไม่พยายามที่จะเข้าใจ เพราะฉะนั้นผมยึดหลักที่ผมจะแคร์และอยู่กับคนที่เขาพร้อมจะฟัง พร้อมจะรักเรา พร้อมจะอธิบาย ไม่ต้องมีจำนวนเยอะ ผมขอแค่คนกลุ่มนี้ แคร์แค่คนที่รักเราก็พอ

            เราไม่สามารถแคร์คนทั้งโลกได้ คนยุคนี้พยายามแคร์คนทั้งโลก แคร์ทุกสิ่ง สมมติว่ามีเพื่อนร้อยคน ต้องทำให้เพื่อนทั้งร้อยคนรักเราให้ได้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอก หรือสมมุติมีเพื่อนร้อยคน แต่มีแค่หนึ่งคนที่มันรักเราจริงๆ คุณควรแคร์ไอ้หนึ่งคนนี้มากกว่า หรือถ้าร้อยคนไม่มีใครรักเราหรือพร้อมจะเข้าใจเรา ก็ไม่เป็นไร กลับบ้านไปครับ พ่อแม่ พี่น้องของเรา ครอบครัวของเราพร้อมที่จะยืนอยู่ข้างคุณแน่นอน”

ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก  @pleum_official