2 มิ.ย.64 - ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวชี้แจงกรณีถูกอภิปรายพาดพิงที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงยุติธรรมว่า กรณีที่ระบุว่า เรือนจำมีการระบาดของเชื้อโควิด เป็นคลัสเตอร์ใหญ่ แม้จะเป็นพื้นที่ปิด เราจะคิดแบบด้านนอกไม่ได้ ด้านนอกการรักษาระยะห่างอยู่ที่ 1.5-2 เมตร คนไม่ได้ใกล้กันมาก สำหรับในเรือนจำคับแคบ แน่น การรักษาระยะห่างทำไม่ได้ เวลานอนห่างกันแค่ 2-3 เซนติเมตรเท่านั้น เรือนนอนไม่สามารถเข้าสู่มาตรฐานสากลคือ 2.25 ตร.ม.ได้ ทำให้เชื้อเมื่อหลุดเข้าไปติดต่อกันได้ง่ายมาก เป็นจุดอ่อนที่ต้องชี้แจงให้ทราบ
ส่วนเรื่องของผู้ต้องหาทางการเมืองที่ไม่ได้สิทธิประกันตัว หน้าที่ของกระทรวงยุติธรรม อำนวยความสะดวกและยุติธรรมเต็มที่ แต่ในส่วนของการประกันตัวเป็นอำนาจของศาล นอกเหนือจากอำนาจของเรา ในส่วนของคุณภาพอาหารคือ 18 บาทต่อมื้อต่อคน ซึ่งสำนักงบประมาณ คิดจากจำนวนผู้ต้องขังเด็ดขาด 220,000 คนเท่านั้น สเป็คของอาหารต้องทำตามกรมอนามัย คิดถึงสารอาหารและพลังงานตามมาตรฐาน เรื่องเตียงนอน 2 ชั้น ที่ท่านสมาชิกถาม ก่อนที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ผู้ต้องขังนอนได้ 220,000 คน หากคิดตามมาตรฐาน 1.2 ตร.ม.ต่อคน และต่อมาได้ปรับปรุงได้ใช้งบประมาณ 80 ล้านบาท ยกพื้นขึ้นมาเป็นที่นอนอีกชั้น อาจจะสร้างได้ 20-30% ไม่สามารถสร้างได้ทั้งชั้นเพราะจะปิดทึบ ใช้เงินประมาณ 2,000 บาทต่อ ตร.ม.
ตอนนี้สามารถรองรับผู้ขังเพิ่มเป็นประมาณ 290,000 คนตามมาตรฐาน 1.2 ตร.ม.ต่อคน ในส่วนของงบก่อสร้างเรือนจำข้อเท็จจริงจริงปีนี้ กรมราชทัณฑ์ได้เพียง 1,776 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนแรกก่อสร้างใหม่ 2 แห่ง คือ 1.เรือนจำบุรีรัมย์ 289 ล้านบาท หลังจากถูกเผาเมื่อมี.ค.2563 รองรับผู้ต้องขังได้ 3,000 คน 2.ขยายพื้นที่แดน เรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี 53 ล้านบาท บูรณะพื้นที่ทรุดโทรม รองรับเพิ่มได้อีก 800 คน ส่วนที่สอง การก่อสร้างผูกพันเดิม 10 รายการ เช่น เรือนจำกลางพัทลุง เรือนจำกลางสุราษฎร์ เรือนจำจังหวัดนครนายก เรือนจำจังหวัดระยอง ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ รวมทั้งหมด 1,147 ล้านบาท และส่วนที่สาม การก่อสร้างปรับปรุงเล็กๆน้อยๆในแต่ละเรือนจำ 224 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า งบประมาณกองทุนยุติธรรมที่ท่านสงสัยว่าได้แค่ 30 ล้านบาท ต้องอธิบายว่า กองทุนยุติธรรม มีแผนใช้จ่าย 263 ล้านบาท เราได้เงินคืนที่ช่วยการประกันตัวจากคดีที่ถึงที่สุดแล้ว 100 ล้านบาท เงินสะสมที่นำมาสมทบเพิ่ม 133 ล้านบาท งบประมาณ 30 ล้านบาทจึงไม่มีผลต่อการให้ความช่วยเหลือประชาชน
ในส่วนข้อสงสัยงบประมาณพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจฝึกอาชีพไปในตัว งบประมาณ 93 ล้านบาท มีหลักสูตรการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ปฐมนิเทศผู้ต้องขังเข้าใหม่ หลักสูตร 7 โปรแกรม หลักสูตรการเรียนและการสร้างอาชีพ เช่นการปลูกทุเรียน การเลี้ยงโคขุน ส่วนข้อสงสัยเรื่องการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ยืนยันเราทำแน่นอน เดือนนี้จะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการ เดือนหน้า จะนำเรื่องเข้าครม.เพื่อพิจารณา
นอกจากนี้ยังมีกฎหมายศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน หรือ JSOC ที่เรากำลังเดินหน้าจัดทำให้เรียบร้อยภายในเดือนนี้ ขอยืนยันอีกครั้งว่า จะไม่พักโทษผู้ต้องขังคดีร้ายแรง 7 ประเภท หรือหากจะมีการลดโทษเราจะลดให้น้อย เพื่อให้สังคมเกิดความปลอดภัย คืองานที่กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |