ฟังอภิปรายการพิจารณางบประมาณประจำปี 2565 ตลอด 3 วันที่ผ่านมากันบ้างไหม หรือว่ายังคงเปิดทีวีดูซีรีส์ละครกันเป็นปกติของการดำรงชีวิต

                เอาเป็นว่า ดูไม่ดู ฟังไม่ฟังไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไร ขอแค่จิตใจปลอดโปร่ง ไม่เป็นทุกข์เป็นกังวลกับบรรดาข้อมูลข่าวสารในทำนอง "เมืองไทย" แย่กว่าประเทศอื่นก็พอแล้ว มิเช่นนั้นอาจจะบ้าเสียก่อนด้วยความฟุ้งซ่านต่างๆ นานา หรือไม่ก็เพราะความเชื่ออย่างผิดๆ ถูกๆ    แล้วก็พาให้สมองทำงานหนักจนเกินพอดีไปด้วย

                การเอาประเทศบ้านเมืองของตัวเอง หรือสังคมแวดล้อมที่เราอยู่ไปเปรียบเทียบกับสังคมเมืองอื่นๆ โดยที่เราไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางของวัฒนธรรมความเชื่อ ความเข้าใจ และการดำรงชีวิตของพวกเขานั้น มันออกจะเป็นการเลือกมองแบบฉาบฉวย หรือเอาแต่ใจตัวเองเกินไป

                อาทิเช่น ล่าสุดมีข่าวในสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ลุกขึ้นมาประกาศว่า ถ้าใครมาใช้บริการที่ร้านเขาแล้วถอดหน้ากากอนามัยทิ้งลงถัง ร้านของเขาจะลดราคาให้ 30% และในทางตรงกันข้ามคือ ถ้าใครสวมใส่แมสก์เข้าไปนั่งในร้านเขาละก็ จะขอชาร์จเพิ่ม 5%

                อย่างนี้ก็มีด้วย!!

                ตัวอย่างแบบนี้ สำหรับบ้านเรานั้น ยอมรับได้หรือไม่ในสถานการณ์ที่ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาด แล้วทำไมสหรัฐอเมริกาที่ก็ยังมีการแพร่ระบาดของโควิดไม่น้อยหน้าไปกว่าเรานั้น สามารถสร้างเงื่อนไขที่ท้าทายต่อต้านการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดไวรัส..ได้ล่ะ?!?

                นั่นเพราะความเชื่อแต่ไหนแต่ไรมาของพวกตะวันตกคือ คนสวมหน้ากากอนามัยคือคนป่วยนั่นเอง

                ร้านกาแฟ "ต่อต้าน" การสวมหน้ากากอนามัยนี้ เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆ ว่าบนโลกใบนี้นั้น มีความแตกต่างกันทางด้านวัฒนธรรม และความเชื่อ ความศรัทธาเยอะแยะมากมาย ที่พวกเรารู้เป็นที่ประจักษ์ก็ไม่น้อย ที่ไม่รู้ก็มีมาก ฉะนั้น จะไปเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนที่อื่น..เพื่ออะไรกัน!! หากมันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้น.

                      "ป้าเอง"