2 มิ.ย.64 - ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม
นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า พรรคภูมิใจไทยอภิปรายตั้งคำถามว่า จากสถานการณ์โควิด แต่เหมือนการจัดงบครั้งนี้ สำนักงบประมาณกลับไม่เตรียมมอบอาวุธ ให้นักรบของเราที่เป็นหน่วยหน้าในการสู้รบ คือกระทรวงสาธารณสุข จากการอภิปราย 2 วันที่ผ่านมา ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ตอกย้ำและสะท้อนให้เห็น ตั้งแต่ระดับโครงสร้างทั้งประเทศ จนไปถึงระดับท้องถิ่น และชายแดน ที่ทำงานด้วยความยากลำบาก แต่งบ 2565 กลับไม่ได้สนับสนุน ในทางกลับกันงบประมาณหลายส่วน ที่รับปากจะโอนตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไม่มีการโอน ตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2565 ถูกปรับงบลดลง หรืองบที่ควรอยู่ในมือของคนสาธารณสุข เงินที่จำเป็นต้องใช้ กลับถูกหน่วยงานอื่นไปเป็นผู้จัดการเงินเหล่านั้น ทำนองว่าคนทำไม่ได้ใช้คนใช้ไม่ได้ทำงบประมาณ เช่น งบการซื้อวัคซีนที่ถูกตัดทิ้งแล้วโอนไปอยู่ในส่วนงบอื่น ซึ่งไม่ได้อยู่ในมือของหน่วยงาน ที่มีหน้าที่ต้องทำ คือสาธารณสุข แต่ไปอยู่กับหน่วยอื่นตามที่ทราบกัน
สำนักงบประมาณดำเนินการโดยไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ได้สัมผัสถึงความต้องการของประชาชน สิ่งที่พรรคภูมิใจไทยสะท้อน เป็นการสะท้อน ในที่ประชุมในฐานะผู้แทนประชาชน รู้สึกผิดหวังในการจัดงบ ไม่อยากจะพูดว่า สำนักงบประมาณจัดงบครั้งนี้เหมือนท่านใจดำกับคนทำงาน ใจดำกับประชาชน ท่านละเลยเรื่องนี้ ไม่เข้าใจว่าคนที่ทำอยู่หน้างาน ต้องเจออะไรบ้าง สำนักงบประมาณจัดงบอยู่ในห้องแอร์ หอคอยงาช้าง ไม่ทราบว่าสิ่งที่ควรจะจัดต้องจัดอย่างไร ไม่เข้าใจการจัดงบ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบคนทำงาน กระทบประชาชน
นายศุภชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายกรัฐมนตรี สะท้อนให้สบายใจว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม งบประมาณสำหรับคนสาธารณสุขยังมีอยู่ครบ แม้ไม่ปรากฏในงบ 65 แต่ไปอยู่ในงบกลาง และพ.ร.ก.กู้เงิน ขอบคุณนายกฯ ที่ทำให้เข้าใจ และรู้สึกผ่อนคลาย ขอฝากนายกฯว่า สิ่งที่ส.ส.ภูมิใจไทย เสนอไปเกิดจากความน้อยใจหรือไม่นั้น อาจจะใช่ แต่หลังจากท่านบอกแล้วว่า จะแก้ปัญหาก็ขอขอบพระคุณ แต่เราก็ยังติดใจ ขอให้ท่านนำข้อเสนอข้อคิดเห็นของพรรคภูมิใจไทยไปพิจารณาต่อด้วยความเข้าใจด้วย หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค.57 เข้าใจดีว่า ท่านผู้นำการรัฐประหารขณะนั้น และเป็นนายกฯในตอนนั้น จนถึงตอนนี้ ณ เวลานั้น ท่านต้องการแก้ปัญหาบ้านเมือง การบริหารประเทศขณะนั้น จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นรูปแบบรัฐราชการ การบริหารราชการแผ่นดินจึงใช้ข้าราชการมาบริหารในช่วง 5 ปีที่ เป็นนายกฯ เพราะท่านต้องการอำนาจที่เบ็ดเสร็จ ใช้ข้าราชการเป็นมือไม้ในการปฏิรูปประเทศ
แต่วันนี้นายกฯ ตอนนั้นกับตอนนี้ แม้จะเป็นท่านเดียวกัน แต่สถานะต่างกัน วันนี้ท่านมาจากการเลือกตั้ง จากสภาแห่งนี้ จากการเลือกตั้งของประชาชน พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคหนึ่งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้น สิ่งที่ท่านต้องคำนึงคือ การอยู่ร่วมกันต้องอยู่กันอย่างเข้าใจ ให้เกียรติกันเพื่อร่วมกันทำงาน แต่เชื่อหรือไม่ว่า วันนี้การจัดงบยังมีแนวคิดจากฝ่ายข้าราชการประจำ ซึ่งติดมา 5 ปี บวก 2 ปี รัฐราชการพยายามครอบงำการจัดงบแผ่นดินอยู่ พยายามแทรกแซงฝ่ายบริหาร ไม่เชื่อว่านายกฯจะรู้เรื่องนี้ การจัดงบครั้งนี้จึงยังเหมือนว่า อยู่ภายใต้การครอบครองอำนาจของรัฐราชการ สำนักงบประมาณ ยังทรงอิทธิฤทธิ์ อิทธิพล กระทำการอย่างแยบยล ซึ่งเป็นปัญหาทำให้งบประจำถูกโอนไปอยู่งบกลาง จนทำให้กระบวนการทำงานเสียหาย
“ในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ที่ตั้งใจทำงานสนับสนุนพรรครัฐบาล ผมทุ่มเททำงานในฐานะเป็นสมาชิกพรรครัฐบาลด้วยความตั้งใจ เต็มใจ และหัวหน้าพรรคผม ท่านก็ทุ่มเททำงานเต็มที่ แต่การที่มีศบค.ขึ้นมา และมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โอนอำนาจของกระทรวงสาธารณสุขไปปอยู่ที่ศบค. โอนกฎหมายเกือบ 40 ฉบับ ไปอยู่ตรงนั้น และศบค. ดำเนินการโดยเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้จัดการทั้งหมด มีอำนาจมากกว่า ถามว่า ตรงนี้พรรคภูมิใจไทยรู้สึกอย่างไร ท่านไม่คิดหรือว่าพวกเรารู้สึก แม้เราไม่พูดแต่เราคิด จึงมีเสียงสะท้อนมาตั้งแต่วันแรกว่า กลับบ้านเถอะ บางคำสั่งของนายกฯ ในฐานะหัวหน้าศบค. ตั้งให้เลขาสมช. เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจการแพทย์และสาธารณสุข และมีนายกฯกับรมว.สาธารณสุข เป็นที่ปรึกษา ถามว่าเวลานั่งประชุมนั่งกันอย่างไร คือสิ่งที่พวกผมรู้สึก และขอนำมาบอกให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่าเรารู้สึกอย่างไร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คือลูกน้องนายกฯ ท่านใช้งานเถอะ พร้อมทำสนองท่านตลอดเวลา เวลาประชุมพรรค นายอนุทินพูดจายกย่องนายกฯตลอด แต่ทำไมท่านไม่ใช้ วันนี้แนวทางการทำงานต่อไปด้วยกัน พวกเรายินดีสนับสนุนให้งานอันสำคัญของประเทศไปต่อ แต่การทำงานของรัฐบาลต้องปรับแนวคิดใหม่” นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า วันนี้การจัดงบประมาณรายจ่ายของประเทศ รัฐธรรมนูญห้ามไม่ให้ส.ส. และกมธ. แปรญัตติเพิ่ม โดยอ้างว่าป้องกันไม่ให้ฝ่ายนิติบัญญัติไปแทรกแซงฝ่ายบริหาร แต่รัฐบาลจัดงบประมาณโดยเอางบกลางไป โดยที่ฝ่ายสภาไม่สามารถตรวจสอบได้ ตนว่าไม่ใช่หลักการที่เราต้องทำ แต่ต้องพูดถึงความโปร่งใส ตรวจสอบได้ วันนี้ถ้าฝ่ายบริหารต้องการให้เกิดความโปร่งใส ท่านควรเสนอการใช้เงินเข้ามาตรงนี้ เพราะพวกเราเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย ซึ่งที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย บอกว่าจัดงบแบบนี้ไม่ให้เกียรติประชาชน ก็เพราะเราเป็นผู้แทนปวงชน แต่ท่านไม่ให้เกียรติพวกเรา ไม่ให้เกียรติพรรคภูมิใจไทย หัวหน้าพรรคถูกดึงอะไรต่างๆออกไป เราจึงอธิบายว่าเราอยากได้การทำงานที่ร่วมกันด้วยดี เพื่อประโยชน์ประชาชน
“พรรคภูมิใจไทยยืนยันว่า ยังตั้งใจสนับสนุนรัฐบาลนี้ต่อไป ตราบเท่าที่เราทำงานกันด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไว้เนื้อเชื่อใจกัน ทุ่มทำงานเพื่อประชาชน วันนี้พรรคภูมิใจไทย เรียกร้องให้ใช้งานเรา พร้อมทำงานอย่างทุ่มเท ขอให้รัฐบาลอย่าได้ใช้อำนาจของฝ่ายราชการ เข้ามาลดทอนอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ สิ่งนี้ยอมรับไม่ได้ สิ่งที่พูดไปทุกประการท่านจะต้องเอาไปปฏิรูป ปรับปรุง
สุดท้ายนี้ ผมได้ฟังธรรมมะ มีการตั้งคำถามว่า หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ไม่มีวันพรุ่งนี้แล้ว ท่านจะทำอะไร ก็อยากจะถามสมาชิกผู้แทนราษฎรในที่นี้ว่า หากปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ท่าน จะได้เป็นผู้พิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ท่านจะจัดงบอย่างไรเพื่อเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดิน และเพื่อพี่น้องประชาชน ให้เกิดความคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพสูงสุด พรรคภูมิใจไทยตั้งใจทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ เพื่อพี่น้องประชาชน เราพร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคที่เกิดขึ้นวันนี้ด้วยกันกับรัฐบาล โดยเราจะลงมติเห็นชอบในวาระที่ 1" นายศุภชัย กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |