‘เพื่อแม้ว’ดี๊ด๊านับถอยหลัง‘คสช


เพิ่มเพื่อน    

  สนช.วิจารณ์แซด! คำสั่งหัวหน้าคสช.53/60 หมกเม็ดเปิดช่องต่ออายุ กรธ. ชี้ขัด รธน.  ยันต้องพ้นสภาพทันทีหลังประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และสรรหา ส.ว. "มีชัย" แจง กม.ลูก 10 ฉบับประกาศใช้ กรธ.หมดหน้าที่ "พรเพชร" แนะเลือกตั้งตามโรดแมป ก.พ.62 ลดขั้นตอน กกต.เหลือ 60 จาก 150 วัน "วัชระ" มัดคอ "บิ๊กป้อม" การันตีไม่เลื่อนเลือกตั้ง ก.พ.62 "เพื่อแม้ว" นับถอยหลัง คสช.ย้ำไม่มีเหตุเลื่อนอีก

     ที่รัฐสภา วันที่ 1 มิถุนายน แหล่งข่าวจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ สนช.กลุ่มหนึ่งถึงสถานะของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน โดยมีความเห็นพ้องกันว่า เมื่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ประกาศใช้เป็นกฎหมาย กรธ.จะต้องพ้นจากตำแหน่ง คาดว่าอีกไม่เกิน 1 เดือนครึ่ง-2 เดือนนับจากนี้ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 267 ที่เขียนว่า หลังจาก สนช.พิจารณาร่าง พ.ร.ป.ครบทั้ง 10 ฉบับ ให้ กรธ.เป็นอันพ้นจากตำแหน่ง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ในคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/ 2561 ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 กลับเขียนให้ กรธ.ยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งน่าจะขัดกับ รธน.มาตรา 267
    รายงานข่าวแจ้งว่า ในคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 ข้อ 8 เขียนว่า เมื่อมีการประกาศ พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ ครม.แจ้งคสช.เพื่อพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิกกฎหมายประกาศ คสช. หรือคำสั่งหัวหน้า คสช. อันเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของพรรคการเมือง และร่วมกันจัดทำแผนและขั้นตอนการดำเนินการทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยให้หารือกับ กกต. กรธ. ประธาน สนช. และจะเชิญผู้แทนพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองต่างๆ เข้าหารือด้วยก็ได้
    “กรธ.สิ้นสภาพไปแล้วต้องกลับบ้านทันทีภายหลังพ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.และ พ.ร.ป.สรรหา ส.ว.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตอนนั้น กรธ.ไม่มีสิทธิ์ไปร่วมหารือกับ กกต. ประธาน สนช. คสช. และ ครม.” สนช.ผู้หนึ่งให้ความเห็น และกล่าวว่า การวินิจฉัยของศาล รธน.เกี่ยวกับคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/60 วันที่ 5 มิ.ย.นี้ จะนำไปสู่การปรับแก้กฎกติกาต่างๆ โดย คสช.จะต้องปลดล็อกพรรคการเมืองให้สามารถทำกิจกรรมได้เสียที
    ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของ กรธ. ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเมื่อกฎหมายลูกทั้ง 10 ฉบับประกาศครบทั้งหมด ถือว่า กรธ.ได้หมดหน้าที่แล้ว 
    ประธาน กรธ.กล่าวยอมรับต่อคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในประเด็นความของร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งประเด็นของการให้บุคคลอื่นลงคะแนนแทนคนพิการ ผู้ทุพพลภาพ และผู้สูงอายุตามการร้องขอ และการตัดสิทธิผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ และประเด็นดังกล่าวถือว่าเป็นข้อยุติที่เป็นที่สิ้นสุด จะไม่ให้ทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นภายหลังอีก รวมถึงมีผลผูกพันกับทุกองค์กร ในคำวินิจฉัยที่เกิดขึ้นตนไม่ทราบว่าจะมีผลผูกพันที่เกี่ยวโยงกับศาลรัฐธรรมนูญ ต่อประเด็นที่เคยมีคำวินิจฉัยต่อการเลือกตั้ง เมื่อปี 2549 ที่หันคูหาไปในทิศที่มีผู้อาจเห็นได้ว่าผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกผู้ใด ที่คราวนั้น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าอาจทำให้คนอื่นรู้ได้ และทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นโดยลับ
     “รอบนั้น แค่หันคูหาให้คนอื่นเห็นภายในโต๊ะกาบัตร ยังมีผลต่อการเลือกตั้ง แต่กรณีให้บุคคลอื่นลงคะแนนตามการร้องขอของผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ ถือว่าให้บุคคลอื่นล่วงรู้การตัดสินใจลงคะแนน แต่ประเด็นนี้ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ขัด ถือว่าจบแล้ว จากนี้กระบวนการประกาศใช้เป็นกฎหมายเดินหน้าได้ต่อ” นายมีชัยกล่าว
ลดเวลาเลือกตั้ง ก.พ.62 ได้
    นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวว่า โรดแมปการเลือกตั้งเป็นเรื่องของรัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะหารือกัน ขณะนี้ที่พูดๆ กันเป็นระยะเวลาสูงสุดของกระบวนการทุกฝ่าย คือ เดือนเม.ย.ปี 62 โดยกฎหมาย ส.ส.ไปอยู่ที่นายกรัฐมนตรี 20 วัน เมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายจะอยู่ในพระราชอำนาจ 90 วัน และกฎหมาย ส.ส.จะมีผลบังคับใช้ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน และกระบวนการจัดการเลือกตั้งของ กกต.อีก 150 วัน ซึ่งเมื่อรวมแล้วจะถึงเดือนเม.ย.ปี 62 แต่หากทำให้เป็นไปตามโรดแมปที่เดือน ก.พ.ปี 62 ก็สามารถลดระยะเวลาในส่วนของ กกต.จัดเลือกตั้งให้เหลือ 60 วันได้
    "หลังจากกฎหมายลูกทั้ง 10 ฉบับ ประกาศใช้แล้ว สนช.ยังต้องทำกฎหมายที่เกี่ยวข้องอีก คือกฎหมายงบประมาณ การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่น 7 ฉบับ จะต้องพิจารณาให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง รวมทั้งการจัดทำกฎหมายตามแผนปฏิรูปยุทธศาสตร์ชาติ เช่น การปฏิรูปตำรวจ ทั้งหมดจะมีเวลาในการพิจารณา 8 เดือน ก่อนถึง ก.พ.ปี 62 ดังนั้นผู้ที่จะเสนอกฎหมายมายัง สนช. ต้องรู้เวลา ไม่ใช่ซักแห้ง ที่ส่งมาวันนี้แล้วพรุ่งนี้เสร็จ เพราะเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งแล้ว สนช.จะไม่สามารถที่จะพิจารณากฎหมายได้" นายพรเพชรกล่าว
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้สอบถามความคืบหน้าของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทั้ง 2 ฉบับไม่ขัดรัฐธรรมนูญ โดยตนได้รายงานว่า ขณะนี้ส่วนของ พ.ร.บ.ส.ว.ได้ส่งมายังรัฐบาลแล้ว 1 ฉบับ และเตรียมเสนอนายกฯ ใน 1-2 วันนี้ จากนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ส่วนร่างพ.ร.ป.ส.ส. ต้องเห็นใจ สนช. เพราะแถลงการณ์ของศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้วก็จริง แต่จริงๆ แล้วต้องมีหนังสือตอบอย่างเป็นทางการจากศาลรัฐธรรมนูญมายังประธาน สนช.ก่อน ซึ่งยังไม่มีทำออกมา และหากมีการทำออกมาแล้ว ทาง สนช.จะส่งมายังรัฐบาลเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป แต่อย่างไรเสียก็จะอยู่ภายในเดือน มิ.ย.
    เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายกฯ เรื่องการหารือกับพรรคการเมืองในเดือน มิ.ย.หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า มีการพูดคร่าวๆ แต่ยังไม่ลงในรายละเอียด ซึ่งขณะนี้ยังไม่ควรพูดอะไรให้สับสน เพราะมีเงื่อนไขหลายอย่าง หากพูดแล้วทำให้สับสน อย่าพูดดีกว่า รอให้ชัดเจนก่อน 
    นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ยืนยันจะมีการเลือกตั้งตามโรดแมปในเดือน ก.พ.ปี 62 และไม่ต้องใช้ม.44 ว่า คำพูดของ พล.อ.ประวิตรมีน้ำหนักมาก เพราะเป็นเบอร์ 1 ของ คสช. ที่ผ่านมาประชาชนไม่ค่อยเชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมายืนยันหลายครั้งว่าจะมีการเลือกตั้งเดือน ก.พ.ปี 62 เนื่องจากนายกฯ บอกหลายครั้ง แต่ไม่เป็นจริง ประกอบกับผลงานของรัฐบาลไม่เข้าตาพี่น้องประชาชน จึงทำให้ประชาชนเลิกเชื่อถือ เสื่อมศรัทธา
    “เมื่อ พล.อ.ประวิตรซึ่งเป็นเบอร์ 1 หรือพี่ใหญ่ของ คสช.จริงๆ ออกมายืนยันการันตี จึงเป็นเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ในต้นปีหน้า อีกทั้งรัฐธรรมนูญได้บังคับเงื่อนเวลาไว้ แต่ถ้า คสช.พลิกพลิ้วพาเพลินสำราญในอำนาจ เมื่อนั้นสิ่งที่ไม่ได้เห็นก็อาจจะได้เห็น สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เป็นก็อาจจะได้เป็น อย่าดูถูกพลังเงียบของพี่น้องประชาชน”
     นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากนี้ไปคงไม่เหลือเหตุผลใดที่จะอ้างเพื่อยื้อการเลือกตั้งออกไปอย่างมีนัยสำคัญได้อีก คนไทยที่รอการเลือกตั้ง อยากถามว่าระยะเวลาและการเสียโอกาส เสียศักยภาพการแข่งขันของประเทศที่เกิดจากการเลือกตั้งต้องถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ สนช.โทษประธาน กรธ. และยังไม่จบว่าประธาน กรธ.จะโทษใคร และท้ายที่สุดใครต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ การที่สหรัฐอเมริกาและหลายประเทศต้องการให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตยด้วยการจัดเลือกตั้งตามโรดแมปที่วางไว้ แสดงว่าการไม่มีเลือกตั้งของประเทศไทยเป็นปัญหาใหญ่ และไม่ได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ 
    "การที่รัฐบาล คสช.พยายามนำเงื่อนไขเก่า แต่นำกลับมาพูดใหม่หลายรอบ ขู่ว่าถ้าพรรคการเมืองไม่มาร่วมวงพูดคุยกับรัฐบาล คสช.อย่ามาว่ากันทีหลัง และจะเสียโอกาสนั้น ไม่น่าจะเป็นบรรยากาศที่ดี รวมถึงการบอกว่าการเลือกตั้งไม่เลื่อน แค่ขยับเล็กน้อยไปเป็นเดือนเมษายน 2562 ไม่รู้ว่าเอาตรรกะอะไรมาอธิบาย อยากให้รัฐบาล คสช.และแม่น้ำ 5 สายแสดงความจริงใจในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเลือกตั้ง ไม่ควรสร้างเงื่อนไขหรืออุปสรรคใดๆ เพิ่มเติม เพราะยิ่งเลือกตั้งช้า ยิ่งกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน" นายอนุสรณ์ กล่าว 
นับถอยหลัง คสช.
    นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า “นับถอยหลัง คสช.” นับจากนี้เป็นต้นไป หลายฝ่ายเชื่อว่าจะเป็นการนับถอยหลังเพื่อสิ้นสุดความอัปยศของประเทศที่ถูกปกครองโดยรัฐบาลทหาร ตนไม่เคยเชื่อว่า คสช.อยากจะคืนอำนาจให้ประชาชน แต่ด้วยความด้อยสติปัญญา คนพวกนี้จึงไม่สามารถบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้าเป็นที่ยอมรับของประชาชน การถอยลงจากอำนาจจึงมิได้เกิดจากความเต็มใจ แต่ไม่อาจยื้อต่อ เพราะกลัวจะถูกประชาชนออกมาขับไล่ 
    "สิ่งที่ คสช.จะต้องกระทำจากนี้ไปคือการเตรียมประเทศเข้าสู่การเลือกตั้ง ด้วยการยกเลิกบรรดาประกาศและคำสั่งอัปยศทั้งหลายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพประชาชน เช่น คำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมือง หรือคำสั่งที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม รวมทั้งคำสั่งตามมาตรา 44 เป็นต้น หากยังไม่สำเหนียกก็คงเป็นหน้าที่ของผู้รักประชาธิปไตยทุกคนที่ต้องแสดงพลังออกมาขับไล่เผด็จการเพื่อทวงคืนอำนาจ ประชาชน" นายวัฒนาระบุ 
    นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ของรัฐบาลว่า เท่าที่ได้สัมผัสการดำเนินโครงการที่จะจบในเดือนนี้ เป็นโครงการล้างสมองธรรมดาไม่ได้มีอะไรใหม่ จะให้เงินชาวบ้าน แต่ก็ไม่เข้าที่เข้าทาง มีการเรียกประชุม 3-4 ครั้งต่อหมู่บ้าน มีการถามว่ารัฐบาลมีงบประมาณ แล้วอยากได้อะไร ถามคำถามเก่าๆ การประชุมส่วนหนึ่งกรรมการก็มาจากฝ่ายราชการ ปลัดอำเภอ อบต. มหาดไทยฝ่ายปกครอง ทหาร มีคนมาประชุมกัน 20-30 คน เลี้ยงข้าว ส่วนข้าราชการก็ได้เบี้ยเลี้ยง สรุปแล้วประชุมหมู่บ้านหนึ่งประมาณ 4 ครั้ง เป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ได้แก้เรื่องเศรษฐกิจชาวบ้าน ใช้เงินเป็นหมื่นล้าน ดูจะเสียเปล่าไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เมื่อราชการไปถามว่าโครงการดีไหม ชาวบ้านที่ไหนจะกล้าตอบว่าไม่ดี ก็ไม่เป็นไร โครงการทำเพื่อประชาชนคิดว่าดีก็ทำไป แต่คิดว่าได้ไม่เท่าเสีย
    นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในห้วงที่เมื่อกำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งตามปกติในระบอบประชาธิปไตยก่อนการยึดอำนาจ รัฐบาลจะไปทำโครงการประชานิยม หรือจะทำโครงการขึ้นมาใหม่ไม่ได้เขาห้ามทำ แต่ประชาชนเขามีบทเรียนคิดได้เองว่าเป็นการเอาเปรียบหรือไม่ เราพูดไป ก็หาว่าเป็นการดิสเครดิตรัฐบาล ก็ฝาก สนช.เป็นผู้ชี้แจงตัวเลขการใช้งบประมาณแล้วกัน เพราะเป็นภาษีประชาชน
     นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการ  สนช.พบประชาชนตามวิถีไทยยั่งยืนว่า จากการรับฟังความคิดเห็นในห้องประชุมโครงการ สนช.พบประชาชนที่เชิญชาวกรุงเทพฯ 50 เขต มาร่วมเสนอปัญหาในพื้นที่ ยืนยันว่า สนช.จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหา ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนี้จะคอยติดตามความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ภายหลังจากที่ สนช.ได้ใช้เวลามากว่า 3 ปี ในการลงพื้นที่ 77 จังหวัด เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้เช่นกัน โดยจะมีการติดตามผ่าน 15 กลุ่มโซน ซึ่งจะสรุปผลทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย.นี้  
    ส่วนที่มีการวิจารณ์ถึงการใช้งบประมาณของ สนช.ในการลงพื้นที่พบประชาชนทั่วประเทศว่า ใช้เงินไม่เหมาะสม นายพีระศักดิ์กล่าวยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการใช้งบประมาณของ สนช. คำนึงถึงความประหยัด และไม่เป็นภาระแก่จังหวัดที่เราไป ซึ่งปี 60 ที่ผ่านมานั้น ก็มีเงินเหลือถึง 3 ล้านบาท จึงอยากให้ทุกคนสบายใจในการทำหน้าที่ของ สนช. อีกทั้งการใช้เงินงบประมาณของ สนช.ก็มีหน่วยงาน อาทิ  สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาตรวจสอบ เป็นต้น.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"