ถกงบประมาณวันแรกเริ่มเดือด! “สมพงษ์” อัดทำเหมือนงบภาวะปกติ ตามืดบอด ชำแหละ 4 ข้อรับไม่ได้ “ประเสริฐ” ขย่มซ้ำวิกฤติศรัทธานายกฯ “ก้าวไกล” ร่วมซัดงบอำพราง ไส้ในกองทัพยังอุดมสมบูรณ์ เด็กภูมิใจไทยพาเหรดขย่มงบ สธ.-ท่องเที่ยวถูกหั่น “ประยุทธ์” ลั่นฟังทุกข้อมูล ประกาศในรัฐบาลนี้ไม่เคยเกิดเรื่องโกง ไม่ยี่หระฝ่ายค้านขู่คว่ำ แต่กระตุกให้นึกถึงประชาชนที่รอเงินด้วย
เมื่อวันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม สภาผู้แทนราษฎรมีระเบียบวาระการประชุมเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท โดยมีการใช้มาตรการสาธารณสุขควบคุมอย่างเข้มงวดตั้งแต่การเข้า-ออก จนถึงการอภิปราย
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 08.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางเข้าร่วมประชุม และตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการชี้แจงงบประมาณสั้นๆ ด้วยสีหน้าปกติและพยักหน้าว่าพร้อม ก่อนขึ้นไปห้องรับรองทันที
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ที่ฝ่ายค้านระบุว่าไม่เห็นด้วยและจะล้มตั้งแต่วาระแรก ว่าไม่มีปัญหาอะไร ขึ้นอยู่กับการโหวต อยู่ที่ว่ารัฐบาลต้องรักษาเสียงของตัวเองให้ดีให้ชนะแล้วกัน เพราะถ้าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณไม่ผ่านขึ้นมาจะมีปัญหา รัฐบาลต้องยุบสภาฯ หรือไม่ก็ลาออก มีสองทางเลือกเท่านั้น
ส่วน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การอภิปรายจะเริ่มต้นด้วยภาพรวมของงบประมาณ โดยชี้ให้เห็นถูกผิดเกี่ยวกับการบำรุงสถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า และชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลว ความสำเร็จที่พอจะมีต่อการใช้งบประมาณ ส่วนวันที่ 1-2 มิ.ย. จะลงรายละเอียดของแต่ละกระทรวง อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นไฮไลต์ต่อด้วยกระทรวงกลาโหมที่เป็นคู่เปรียบเทียบ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และกระทรวงพลังงานที่มีงบประมาณจำนวนมาก และคงหนีไม่พ้นที่จะถูกพาดพิงไปถึงพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่จะเข้าหลังจากนี้
เมื่อถามว่ามติจะเป็นรูปแบบใด จะคล้ายกับงบประมาณที่ผ่านมาหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า แตกต่างจากทุกปี เพราะทุกปีมีการอะลุ่มอล่วย แม้รู้ว่าผิดแต่เราก็ให้โอกาส แต่เมื่อให้โอกาสมาแล้ว 2 ปี เราพบว่าไม่เคยจะแก้ไข ปีนี้เราจึงคิดว่าจะต้องยกระดับให้สัมพันธ์กับความรู้สึกของประชาชนและปัญหาที่เขาสร้างขึ้น ซึ่งเราจะไม่รับ แต่เราก็เชื่อว่าถึงแม้เราจะไม่รับ รัฐบาลก็คงผ่านไปจนได้ ดังนั้นมติของเราจะเป็นการชี้ถูกชี้ผิด และจากที่ฟังจาก ส.ส.ของรัฐบาลหลายพรรคก็ไม่เห็นด้วย อึดอัดกับการแจกงบประมาณ ฉะนั้นจะถึงขั้นที่เขาจะคว่ำงบด้วยหรือเปล่าเท่านั้นเอง ว่าเขาจะเลือกเอามารยาทหรือเลือกเอาประชาชน
และเมื่อถึงเวลา 09.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้นำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายประจำปี 65 ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวในช่วง 2.5-3.5% แต่ยังมีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ในปี 2564 ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ แต่ในปี 2565 เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะขยายตัวในช่วง 4- 5%
ยันทำงบรอบคอบ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า งบประมาณ พ.ศ.2565 เป็นการดำเนินนโยบายแบบขาดดุล โดยกำหนดรายได้สุทธิ 2.4 ล้านล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 7 แสนล้านบาท โดยจำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบ 6 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านความมั่นคง รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้ 3.87 แสนล้านบาท หรือ 12.5% ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3.38 แสนล้านบาท หรือ 10.9% ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 5.48 แสนล้านบาท หรือ 17.7% ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 7.33 แสนล้านบาท หรือ 23.7% ยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 1.19 แสนล้านบาท หรือ 3.9% และยุทธศาสตร์ที่ 6 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 5.59 แสนล้านบาท หรือ 18%
“ยืนยันรัฐบาลได้กลั่นกรองการใช้งบประมาณอย่างรอบคอบ จะเข้มงวดกวดขันป้องกันการทุจริตการใช้งบประมาณ พร้อมให้องค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบ รวมถึงประชาชนก็แจ้งข้อมูลมาได้ จะใช้งบประมาณอย่างสร้างสรรค์ ให้เกิดความโปร่งใส ทำเพื่อประชาชน เพื่ออนาคตของลูกหลาน”
ต่อมา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า สิ่งที่เห็นจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 เหมือน พล.อ.ประยุทธ์อยู่คนละโลกกับประชาชนเจ้าของประเทศ ไม่อยู่บนโลกความเป็นจริง รัฐบาลวางแผนจัดงบประมาณปี 2565 ราวกับประเทศอยู่ในภาวะปกติ สะท้อนความล้มเหลว หละหลวมในการบริหาร นายกฯ ไม่ได้ยินเสียงประชาชนที่เดือดร้อน หรือมีศักยภาพการบริหารจัดการได้เท่านี้ ไม่สนใจประเทศจะเสียหายอย่างไร ขอให้ยังรักษาอำนาจผลประโยชน์พวกพ้อง ที่ผ่านมารัฐบาลวนเวียนกับความปลาบปลื้มในการควบคุมโรคระบาดได้ดี แต่อีกด้านกลับมืดบอด มองไม่เห็นความเดือดร้อนจากการพังทลายของภาคธุรกิจที่จมน้ำตายต่อหน้าต่อตา เป็นรัฐบาลที่ตัดสินใจผิดพลาดอย่างมากเท่าที่เคยมีมา โดยเฉพาะความผิดพลาดเรื่องวัคซีน
“ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ไม่อาจยอมรับให้ผ่านได้ใน 4 ประเด็น คือ 1.เป็นงบประมาณที่ไม่จัดลำดับความสำคัญของปัญหา เห็นได้ชัดเจนคือ จัดงบให้กระทรวงกลาโหมมากที่สุด มากกว่ากระทรวงสาธารณสุขเกือบ 5 หมื่นล้านบาท 2.ไม่คำนึงถึงปัญหาทุกข์ร้อนประชาชน ในสภาวะที่ประเทศต้องการสวัสดิการดูแลชีวิตประชาชน แต่งบประมาณกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงแรงงาน ถูกตัดลดลงอย่างมาก รัฐบาลใจดำกับประชาชน 3.ไม่มีวิสัยทัศน์ ขาดการคิดวางแผนงบประมาณในการวางโครงสร้างพื้นฐาน และ 4.สะท้อนถึงความอ่อนด้อยการบริหารจัดการ”
ต่อมาเวลา 11.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า จากการรับฟังผู้นำฝ่ายค้านยังมีหลายอย่างที่เข้าใจไม่ตรงกัน โดยเฉพาะเรื่องวัคซีนนั้นยืนยันว่า เดือน มิ.ย.นี้มีเพียงพอ ส่วนกรณีระบุว่างบประมาณของกระทรวงกลาโหมมากกว่ากระทรวงสาธารณสุขนั้น ไม่เป็นความจริง ถ้าดูให้ดีงบของกระทรวงกลาโหม 2 ปีผ่านมาได้มีการปรับลดลง ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขจะดูเพียงตัวเลขงบประมาณเฉพาะกระทรวงไม่ได้ ต้องดูการจัดสรรให้กับ 3 กองทุนภายใต้การสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขด้วย
“ผมฟังทุกข้อมูล ไม่ใช่ฟังแต่ข้อมูลดีๆ อะไรที่มีปัญหาผมก็มอบให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแก้ไข วันนี้ยังไม่เกิดการทุจริตในรัฐบาลผม ผมย้ำว่าในรัฐบาลของผม” นายกฯ กล่าว
ก้าวไกลอัดงบทหาร
ต่อมาเวลา 12.25 น. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รัฐบาลจัดงบขาดสามัญสำนึก ไม่รู้ว่าอะไรควรจะเร่งหรือชะลอ สภาพของประเทศวันนี้เปรียบเหมือนบ้านที่พ่อแม่ล้มป่วย ตกงาน แต่ลูกทรพียังตื๊อซื้อของเล่นให้ได้ ประชาชนอยู่ท่ามกลางความเป็นความตาย ไม่รู้ว่าจะได้วัคซีนหรือฟอร์มาลีนก่อนกัน นอกจากจัดงบไร้สามัญสำนึกแล้ว ยังอำพราง หลอกลวงประชาชน แกล้งทำตัวเลขให้ภาพรวมลด แต่พอไปเจาะไส้ในกลับซุกซ่อนโครงการที่น่าละอาย เช่น งบกองทัพบก ปี 2565 แม้ปรับงบลง 6.6 พันล้านบาท แต่ถ้าไปดูงบจัดหายุทโธปกรณ์ปี 65 ได้งบ 4.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 64 ถึง 1,804 ล้านบาท หรืองบกองทัพเรือ ได้งบจัดหายุทโธปกรณ์ปี 65 จำนวน 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่ได้งบ 533 ล้านบาท ถึง 873 ล้านบาท รวมแล้วกองทัพบกและกองทัพเรือได้งบจัดหายุทโธปกรณ์เพิ่มขึ้นถึง 2.6 พันล้านบาท หากนำไปซื้อวัคซีนไฟเซอร์ จะซื้อได้ 4.4 ล้านโดส ฉีดได้ 2.2 ล้านคน หรือซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้ 22 ล้านโดส ฉีดได้ 11 ล้านคน หรือไปซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ได้ 22 ล้านเม็ด ช่วยชีวิตประชาชนที่หายใจเหนื่อยหอบได้ 4.46 แสนคน เป็นพฤติกรรมแสร้งลดงบในภาพรวมเพื่ออำพราง แล้วไปแอบเพิ่มซื้ออาวุธ ขณะนี้ประชาชนขาดวัคซีน ขาดยา ไม่ได้ขาดปืนใหญ่ รถถัง
จากนั้นเวลา 11.59 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า วันนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส แต่รัฐบาลได้วางแผนจัดทำงบประมาณปี 65 ราวกับอยู่ในสถานการณ์ปกติ มองไม่เห็นฟังไม่ได้ยินความทุกข์ประชาชน 7 ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ มือไม่ถึงบริหารไม่เป็น การบอกจะคืนความสุขเป็นเพียงลมปาก สิ่งที่ทำมามีแต่ทุกข์เพิ่มหนี้เพิ่ม รายได้ลดลง หากปล่อยเช่นนี้เกรงว่าประเทศจะเดินทางไปสู่ความเสียหายในอนาคต
"สิ่งที่เกิดวันนี้คือวิกฤติศรัทธาในตัวนายกฯ ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการทำงาน มองไม่เห็นถ้าปล่อยบริหารเงินปี 65 จะพาประเทศพ้นวิกฤติอย่างไร และพาประเทศไปสู่ความเสี่ยงด้านวินัยการเงินการคลัง ทำให้คนสงสัยว่าวัคซีนที่เตรียมฉีดประชาชนยังไม่มั่นใจเรื่องคุณภาพ เกิดความกลัว" นายประเสริฐกล่าว
และเมื่อเวลา 13.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยกล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ว่ารัฐบาลทำงบประมาณไม่ได้ทำเพื่อพวกพ้อง แต่ทำเพื่อประชาชน ทำให้ทุกกระทรวงมีงบประมาณเพื่อไปดำเนินการ ขอร้องให้มองให้เป็นเหตุเป็นผล ฟังใครเขาพูดก็ขอให้คิดตามไปด้วยกันจะได้มีภูมิคุ้มกัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความไม่เข้าใจแล้วไปกันใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 65 ที่ฝ่ายค้านขู่จะคว่ำวาระแรก นายกฯ กล่าวว่า “ก็เชิญเถอะครับ ก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วแหละ เขาคงไม่โหวตให้ผมหรอก แต่ข้อสำคัญคิดถึงประชาชนกันบ้างหรือเปล่าว่าเขารออะไรอยู่ ปีก่อนปี 2563 ก็ช้าไปอยู่หลายเดือนเหมือนกัน”
เด็กภูมิใจไทยพาเหรดขย่ม
ส่วนในห้องประชุม เวลา 15.07 น. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายตอนหนึ่งตำหนิการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่าใจดำ ตัดงบสาธารณสุข วันนี้สภาพัฒน์มีบทบาทหน้าที่ผิดไปแล้ว ความจริงสภาพัฒน์ต้องเป็นสภาวิชาการ วิเคราะห์งบประมาณ ตัดงบโดยไม่แคร์ประชาชน ผู้ปฏิบัติงาน อสม. แพทย์และพยาบาลต่างจังหวัด ว่าจะทำงานเรื่องนี้อย่างไร ขนาดงบฉีดวัคซีน 18 ล้าน ที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งไว้ก็ยังถูกตัด ทั้งนี้ อยากให้สภาพัฒน์พิจารณาตัวเอง ทบทวนบทบาทหน้าที่ของตัวเองในการวิเคราะห์ให้คำแนะนำแก่รัฐบาล
นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายตอนหนึ่งว่า ถ้าจะบอกว่ากฎหมายฉบับนี้คือเลือดที่จะเข้าไปปั๊มหัวใจภาคเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้หายใจโรยริน การแจกเงินก็ถือเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่เมื่อดูงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวต้องบอกว่ายังไม่ตอบโจทย์
นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า คาดหวังว่าการจัดสรรงบประมาณปี 2565 จะเป็นไปตามสถานการณ์ของประเทศ ปีนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับมหาวิกฤติโควิด สิ่งที่คาดหวังคือ การทุ่มสรรพกำลังลงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลเรื่องโควิด กระทรวงหลัก คือ กระทรวงสาธารณสุข แต่ตัวเลขที่เห็นถูกตัดงบไปกว่า 4 พันล้านบาท และภายในสิ้นปีนี้รัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งปีที่ผ่านมามีการจัดสรรงบประมาณให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จำนวน 4.85 พันล้านบาท แต่ปีนี้ 2.88 พันล้านบาท หายไป 2 พันล้านบาท แสดงให้เห็นว่าสำนักงบประมาณจัดสรรงบไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ไม่เป็นไปตามสถานการณ์ หวังว่าจะมีการนำข้อเสนอแนะเหล่านี้ไปปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |