“พืชกระท่อม” ขาดแคลน ชาวสวนตื่นตัวหาพันธุ์มาปลูก หวังสร้างรายได้ประมาณ 7,000–10,000 บาท/ต้น/เดือน พร้อมยกเครดิตให้รัฐบาลประยุทธ์ที่กล้าหาญปลดล็อก อีกทั้งยังระบุว่าสามารถป้องกัน “ยาบ้า” ได้มหาศาล
นพ.เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ในฐานะผู้อำนวยการคลินิก นพ.เกรียงศักดิ์ พญ.พิพิธพร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องเตรียมพร้อมหาเมล็ดพันธุ์ ต้นกล้าพืชกระท่อมก่อนเพื่อปลูก เพราะเมื่อปลูกแล้วจะให้ผลผลิตบริโภคใบได้ จะต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี ไม่ต่างกับต้นกาแฟที่จะให้ผลผลิตประมาณ 3 ปี เช่นกัน
“พืชกระท่อมเตรียมการเพาะปลูกได้ก่อน เพียงต้องรอกฎระเบียบขั้นตอน เพื่อดำเนินการต่อไป เนื่องจากพืชกระท่อมได้ถูกปลดล็อกออกจากยาเสพติดไปแล้ว”
ทางด้านผู้บริโภคพืชกระท่อม อาชีพขับรถขนส่งรับจ้างขนส่งสินค้าส่งรายใหญ่ เปิดเผยว่า คนขับรถและผู้ใช้แรงงานแบกขนสินค้าขึ้นลงรถบรรทุกสินค้า ต่างบริโภคพืชกระท่อมกันมาก นอกจากแรงงานอื่นๆ แล้ว การบริโภคพืชกระท่อมโดยการขบเคี้ยว ส่วนการบริโภคดื่มน้ำพืชกระท่อมเดี่ยวมีประมาณ 3 ใน 10
"พืชกระท่อมในท้องถิ่นขายปลีก 7-8 ใบ 20 บาท และราคาประมาณ 1,000 บาท/กก. บางต้นทำรายได้ประมาณ 10,000 บาท ราคาที่สูงมากเพราะขาดแคลนจากที่ผ่านมามีการโค่นทำลายทิ้งกันไป จนถึงขณะนี้ส่งผลต่อรายได้เป็นจำนวนมาก เมื่อพืชกระท่อมถูกต้องตามกฎหมาย ผู้บริโภคจะสามารถลดต้นทุนได้ เนื่องจากมีตัวเลือกในการบริโภคว่าจากพืชกระท่อม หรือเครื่องดื่มชูกำลัง ราคาประมาณ 10 บาท/ขวด โดยเฉลี่ยคนทำงานจะบริโภคไม่ต่ำกว่า 2 ขวด/วัน ขณะนี้ต่างถามหาต้นพืชกระท่อมเพื่อที่จะเพาะพันธุ์ปลูกบริเวณบ้านเพื่อนำมาบริโภคและทำยาสมุนไพร ซึ่งค่อนข้างหายากในพื้นที่”
นอกจากนี้มีรายงานว่า สำหรับในภาคใต้ขณะนี้พืชกระท่อมที่มีมากที่ อ.มะนัง จ.สตูล ไม่ต่ำกว่า 10,000 ไร่ ในพื้นที่ป่าสงวนของรัฐ ซึ่งงอกเองตามธรรมชาติ
ส่วนนายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย (คยปท.) เปิดเผยว่า การปลดล็อกพืชกระท่อมพ้นจากยาเสพติดของรัฐบาล เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลต่อประเทศไทย จากที่กฎหมายไม่อนุญาตมานาน ขณะที่ต่างประเทศได้ประโยชน์กับพืชกระท่อมที่นำไปแปรรูปเป็นเวชภัณฑ์ เช่น ยาผ่าตัด ยารักษาบำบัดกลุ่มติดยาเสพติด เฮโรอีน ยาบ้า ยาไอซ์ และยาอื่นๆ เป็นจำนวนมาก
"จะเกิดประโยชน์อย่างมากต่อกลุ่มผู้เสพยาบ้าที่ระบาดอย่างหนักไปทั่วประเทศไทย โดยพืชกระท่อมสามารถมาทดแทนบำบัดได้ และไม่เสพติด พืชกระท่อมจะสร้างรายได้ประระมาณ 6,000-7,000 บาท/ต้น/เดือน มี 5 ต้น สร้างรายได้ประมาณ 30,000 บาท พืชกระท่อมมีอายุเป็นร้อยปี ไม้นำมาทำเฟอร์นิเจอร์จะสวยงามมาก"
นายทศพลกล่าวอีกว่า จะต้องยกเครดิตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กล้าหาญปลดล็อกพืชกระท่อมให้พ้นไปจากยาเสพติดได้สำเร็จ หากไม่ใช่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่สามารถดำเนินการได้ และตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สร้างคุณูปการต่อประเทศอย่างมหาศาลหลายเรื่อง เช่น ปลดล็อกพืชกระท่อมให้พ้นจากยาเสพติด สร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนไปทั่วประเทศ โดยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจผสมผสาน โคก หนอง นา ขณะนี้ขับเคลื่อนอยู่ทั่วประเทศ และเรื่องจัดเก็บภาษีมรดก ฯลฯ
“ยุคสมัย พล.อ.ประยุทธ์ได้สร้างไว้มากเพื่อปากท้องของประชาชน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรอบคอบเฝ้าระวัง เรื่ององคาพยพ” นายทศพลกล่าว
รายงานข่าวเปิดเผยว่า พืชใบกระท่อม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2564 ว่าพืชกระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 แต่ในหลายประเทศมิได้กำหนดให้เป็นยาเสพติดให้โทษ ประกอบกับอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ.1961 และพิธีสารแก้ไขอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ.1972 มิได้กำหนดให้พืชกระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษ
ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากลและบริบทสังคมไทยในบางพื้นที่ที่มีการบริโภคพืชกระท่อมตามวิถีชาวบ้าน สมควรยกเลิกพืชกระท่อมจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |