หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกคนในสังคมไทยต่างสับสนและเครียดไปกับการจองคิวฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เพราะนโยบายที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหาความแน่นอนไม่ได้ของรัฐบาล ภายใต้การบริหารจัดการของ ศบค.

            แต่น้อยคนนักที่จะตระหนักรับรู้ว่า บรรดาหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการลงทะเบียนหรือจองคิวฉีดวัคซีนดังกล่าวนี้ ก็พากันเครียด กังวลไม่น้อยหน้าไปกว่าพี่น้องประชาชน และดูเหมือนอาจจะหนักใจมากยิ่งกว่าเสียอีก เพราะเป็นที่ตระหนักรับรู้ว่า วิกฤติเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสนั้น จะสามารถเงยหน้าอ้าปาก หรือพ้นจากปากเหวได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่คนในประเทศไทยจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดและทั่วถึงโดยเร็ว

            มีรายงานข่าวระบุว่า นายผยง ศรีวณิช บอสใหญ่ธนาคารกรุงไทย เป็นคนหนึ่งที่กังวลกับปัญหาการจัดระบบลงทะเบียนฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงและเท่าเทียมอย่างยิ่ง ถึงขั้นลุยงานหามรุ่งหามค่ำ นอนวันละไม่ถึง 4 ชั่วโมง เนื่องจากได้รับมอบหมายให้เข้าไปมีส่วนช่วยสนับสนุนพัฒนาแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันสำหรับการจองวัคซีนของประชาชนนั่นเอง

            ทั้งนี้เพราะแอปฯ เป๋าตังที่แบงก์กรุงไทยได้ลงมือทำไว้ ภายใต้นโยบายของกระทรวงการคลัง สามารถเชื่อมกับข้อมูลภาครัฐที่ทำไว้ตั้งแต่โครงการคนละครึ่ง เราชนะ เรารักกัน กระเป๋าสุขภาพ จนเป็นที่คุ้นชินของพี่น้อง ลุงป้าน้าอาอยู่แล้ว

            โครงการ “ไทยร่วมใจ กรุงเทพฯ ปลอดภัย” ที่เพิ่งเปิดให้ลงทะเบียนวันแรกเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา จึงได้กำเนิดเกิดขึ้นบนฐานข้อมูลเดิม และทีมงานที่มีศักยภาพในการให้บริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งนับเป็นความร่วมมือจากภาคเอกชนที่บูรณาการร่วมกับภาครัฐ ช่วยเพิ่มช่องทางให้ประชาชนคนกรุงเทพฯ สามารถลงทะเบียนได้ทั้งเว็บไซต์ไทยร่วมใจ และผ่านแอปฯ ของค่ายมือถือ หรือแม้กระทั่งผ่านร้านสะดวกซื้อ แต่ช่องทางที่รวดเร็ว สะดวกสบาย ไม่ติดขัด ก็คือลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งวันแรกวันเดียว จากเที่ยงวันถึง 4 ทุ่ม ก็ลงทะเบียนกันเกินล้านคนแล้ว

            ถามถึงความสำเร็จในครั้งนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ผู้บริหารอย่าง นายผยง ศรีวณิช จะตอบอย่างอ่อนน้อมถ่อมตัวตามสไตล์ว่า ต้องยกความดีความชอบให้กับทุกฝ่ายที่บูรณาการร่วมกับภาครัฐ โดย ศบค. กรุงเทพมหานคร กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดจุดลงทะเบียนนอกโรงพยาบาล 25 จุด ซึ่งถือเป็นพัฒนาการของประเทศที่นำระบบ Digital Platform ของธนาคารกรุงไทยมาต่อยอด เชื่อมกับข้อมูลของภาครัฐที่ทำไว้ตั้งแต่ โครงการคนละครึ่ง เราชนะ ม33เรารักกัน กระเป๋าสุขภาพ เป็นที่คุ้นชินของพี่น้อง ลุงป้าน้าอา ทำให้การลงทะเบียนครั้งนี้ง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องกรอกข้อมูลให้ยุ่งยาก

            คงต้องปรบมือให้กับเบื้องหลังของ www.ไทยร่วมใจ.com ที่ช่วยทะลุทะลวงปัญหาการจองคิวฉีดวัคซีนของคนกรุงเทพฯ ได้อย่าง Smooth สลายบรรยากาศความปั่นป่วนสับสนของทุกคนในสังคมไทยได้อย่างทันท่วงที ท่ามกลางกระแสกดดันทางการเมือง พร้อมๆ กับคลื่นของสารพัดเฟกนิวส์รายวันที่กระจายอยู่ในโลกโซเชียล

            บรรยากาศที่มีการเมืองนำการสาธารณสุข แน่นอนว่าบั่นทอนกำลังใจในการบริหารจัดการของทุกฝ่ายมากบ้างมากน้อยบ้าง ตามความสามารถในการรับมือของแต่ละองค์กรและสถาบันอย่างปฏิเสธข้อเท็จจริงไม่ได้ จึงมีคำถามที่ต้องรอคำตอบต่อไปว่า เมื่อไหร่?!? หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบดิจิทัลเพื่อการพัฒนาประเทศทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองโดยตรงอย่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมนั้น จะเข้าใจถึงพันธกิจหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่แค่จ้องจับผิดและฟ้องร้องกล่าวโทษรายวันบรรดาฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล หรือเฟกนิวส์ทั้งหลายเท่านั้น

            หากกระทรวงดิจิทัลฯ ยังคงจำกัดภารกิจความรับผิดชอบของตัวเองอยู่ที่งานด้านการเมือง หากมีการปรับ ครม.ครั้งต่อไป น่าจะให้ นายผยง ศรีวณิช เข้าไปเป็น รมว.กระทรวงนี้จะดีต่อประเทศชาติประชาชนโดยรวมมากกว่าไหม?!?.

   "ปิยสาร์"