ก่อนหน้านี้ เวียดนามได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่บริหารวิกฤติโควิด-19 ได้ดีพอสมควร

            อยู่ในกลุ่มเดียวกับไต้หวันและญี่ปุ่น ที่มีมาตรการเผชิญหน้ากับโรคระบาดครั้งนี้ได้อย่างน่าชื่นชม

            แต่อย่างที่ผมเตือนไว้สัปดาห์ก่อน

            อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจโควิดเป็นอันขาด

            เพราะโคโรนาไวรัสตัวนี้มีอิทธิฤทธิ์ไม่ธรรมดา มันสามารถปรับตัว แปลงร่าง และกลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว

            ผู้รู้ในวงการแพทย์บอกผมว่า ที่ไวรัสกลายพันธุ์นั้นเป็นเพราะมันก็ไม่ต้องการตายเหมือนกัน

            เพราะถ้าเรารู้ทันมัน สามารถสร้างวัคซีนมาสกัดการขยายตัวและหยุดยั้งการแพร่ของมันได้ มันก็หมดสภาพ

            เมื่อมันไม่ต้องการหมดสภาพ ไวรัสก็หาทางเอาตัวรอดด้วยการปรับตัวตามสิ่งแวดล้อม

            ล่าสุดมีข่าวที่ยืนยันสัจธรรมข้อนี้

            เวียดนามพบ “โควิดสายพันธุ์ลูกผสม” ระหว่างอังกฤษกับอินเดีย ที่หวั่นกันว่าจะแพร่กระจายได้เร็วและรุนแรงขึ้น

            นายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ประกาศ “ทำสงคราม”  เต็มรูปแบบกับโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ลูกผสมใหม่นี้อย่างเข้มข้น

            เป้าหมายคือ การปกป้องนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ใน 2  จังหวัดทางเหนือ คือ บั๊กซาง กับ บั๊กนิงห์ (Bac Giang  and Bac Ninh) และโฮจิมินห์ซิตีทางใต้

            ที่บั๊กซาง นิคมอุตสาหกรรม 4 ใน 6 แห่งต้องปิดตัวลงเมื่อ 18 พฤษภาคม หลังจากพบผู้ติดเชื้อกว่า 320 รายตั้งแต่ 27 เมษายน

            ที่บั๊กนิงห์มีคำสั่งให้ล็อกดาวน์โรงงานหลายแห่งเพราะเกิดกรณีแพร่เชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก

            สองจังหวัดนี้เป็นหัวใจของการส่งเสริมการลงทุนการผลิตจากต่างประเทศของเวียดนาม

            ที่บั๊กซางมีคนงานไม่น้อยกว่า 240,000 คน

            บั๊กนิงห์มีคนงานกว่า 330,000 คน

            เฉพาะ Samsung Electronics มีโรงงานใหญ่สองแห่งทางเหนือของเวียดนาม

            และเป็นแหล่งผลิตมือถือยี่ห้อดังกว่า 50% ของทั้งหมดของซัมซุงสำหรับตลาดโลก

            สี่นิคมอุตสาหกรรมที่จังหวัดบั๊กซางกลับมาเปิดทำการอีกครั้งเมื่อ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ก็ต้องลดระดับปฏิบัติการลงเพื่อตั้งรับการแพร่ระบาดของโควิด

            โรงงานรับงานจากซัมซุง 13 แห่งในจังหวัดนี้ที่ถูกสั่งปิดไปเมื่อ 18 พฤษภาคม กลับมาเปิดทำการใหม่เมื่อ 28  พฤษภาคม

            แต่เมื่อมีรายงานการระบาดของสายพันธุ์ลูกผสมใหม่  สายการผลิตก็ตกอยู่ในภาวะปั่นป่วนไม่น้อย ทางภาคใต้ของเวียดนามก็เจอศึกหนักเช่นกัน

            โฮจิมินห์ซิตีมีนิคมอุตสาหกรรม 17 แห่ง มีคนงานกว่า  280,000 คน (รวมถึงที่ปรึกษาต่างชาติประมาณ 3,000 คน)  ที่ทำงานให้โรงงานกว่า 1,500 แห่ง

            บริษัทข้ามชาติที่มีฐานการผลิตที่นี่มีทั้ง Intel Products  Vietnam, Nidec ของญี่ปุ่น, Pouyuen ของไต้หวัน และ  Samsung HCMC CE Complex

            เมื่อวานนี้เวียดนามรายงานมีคนติดเชื้อใหม่ 277 ราย  ในจำนวนนี้ 158 เกิดที่บั๊กซางและบั๊กนิงห์

            เมืองหลวงฮานอยก็กำลังยกระดับความพร้อม เพราะเจอกับการแพร่ระบาดจากกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไปร่วมพิธีศาสนาในโบสถ์กลางเมือง

            สถานการณ์ในโฮจิมินห์ซิตีน่ากังวลเพราะเจอคนติดเชื้อใหม่ 100 คนระหว่างวันพฤหัสฯ และวันเสาร์ที่ผ่านมา

            ในจำนวนนี้ 93 คนมีส่วนเชื่อมโยงกับกิจกรรมทางศาสนาที่โบสถ์แห่งเดียวกัน

            เป็นที่มาของคำสั่งให้ระงับกิจกรรมทางศาสนาทั้งหมดตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา

            การแพร่ระบาดแสดงอาการหนักขึ้น หลังการไปใช้สิทธิ์หย่อนบัตรเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา

            จำนวนคนเวียดนามที่ได้รับการฉีดวัคซีนยังต่ำ ตามสถิติของ Our World in Data เวียดนามเพิ่งจะเกิน 1% ของประชากรเท่านั้น

            ถึงวันนี้รัฐบาลเวียดนามได้มีข้อตกลงซื้อวัคซีนกว่า  100 ล้านโดส มีทั้ง AstraZeneca และ Sputnik V และเตรียมจะสั่งเพิ่มอีก 40 ล้านโดสเพื่อฉีดให้ 70% ของประชากรก่อนสิ้นปีนี้

            ตามสถิติของ Worldometers ล่าสุด เวียดนามอยู่อันดับที่ 162 (ไทยอยู่อันดับ 82)

            มีคนติดเชื้อสะสม 6,908 เสียชีวิตแล้ว 47 คน

            นักเรียนที่เคยสอบได้อันดับต้นๆ ตอนเรียนชั้นประถม  พอเข้ามหาวิทยาลัยอาจจะเริ่มว่อกแว่ก คะแนนร่วงลงมาอย่างกรณีสู้กับโควิด-19 ก็ได้

            ประมาทไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว!