31 พ.ค.64 - ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด - 19 ว่า วันนี้มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ซึ่งได้พูดไปแล้วขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลได้เตรียมงบประมาณไว้เพียงพออย่างแน่นอน โดยเฉพาะในส่วนด้านสาธารณสุข ขอร้องว่าอย่าไปมองเพียงตัวเลขที่เป็นงบฯประจำ แต่เรามีงบฯเงินกู้และเงินต่างๆในด้านสาธารณสุขที่เพียงพอแน่นอนในการจัดหาวัคซีน เรื่องของงบฯด้านสาธารณสุขอย่าไปกังวล ถึงแม้งบฯกระทรวงสาธารณสุขจะลดลง ก็เป็นการลดในส่วนของกระทรวงเขา แต่ยังมีงบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)และงบฯกองทุน รวมกันมากกว่างบกระทรวงกลาโหมแน่นอนและทั้งหมดก็เป็นงบประมาณของประชาชน
“วันนี้รัฐบาลทำงบประมาณไม่ได้ทำเพื่อพวกพ้อง แต่ทำเพื่อประชาชน ทำให้ทุกกระทรวงมีงบประมาณเพื่อไปดำเนินการ ซึ่งมีทั้งในงบฯส่วนของบุคลากร งบฯลงทุนงบพันธกิจ ภารกิจต่างๆ ซึ่งไม่มีงบฯไหนที่ไม่ถูกปรับลดหรอก แต่เนื่องจากรายได้ต่างๆลดลง ในเรื่องของภาษีรายได้ ไม่ใช่เพราะใครบกพร่อง ปัญหาอยู่ที่ว่าเราต้องดูแลประชาชนที่ให้มีการลดภาษีลงไปเยอะมาก ทั้งค่าน้ำค่าไฟ รายได้ของรัฐจึงต้องลดลงบ้างเป็นธรรมดา ขอร้องให้มองให้เป็นเหตุเป็นผลฟังใครเขาพูดก็ขอให้คิดตามไปด้วยกันจะได้มีภูมิคุ้มกัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความไม่เข้าใจแล้วไปกันใหญ่”นายกฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 65 ที่ฝ่ายค้านขู่จะคว่ำวาระแรก นายกฯกล่าวว่า “ก็เชิญเถอะครับ ก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วแหละ เขาคงไม่โหวตให้ผมหรอก แต่ข้อสำคัญคิดถึงประชาชนกันบ้างหรือเปล่าว่าเขารออะไรอยู่ ปีก่อนปี 63 ก็ช้าไปอยู่หลายเดือนเหมือนกัน มีปัญหาเรื่องการเบิกจ่าย และทำให้งบฯในช่วงนั้นไม่มี เมื่อไม่มีงบฯหน่วยงานก็ทำอะไรไม่ได้ เรื่องนี้รัฐบาลคิดทุกอย่าง ถ้าไปมองเพียงตัวเลขอย่างเดียวก็จะเห็นเพียงว่าส่วนนี้มากขึ้นส่วนนี้ลดลง หรือทำไมไม่ให้กับโครงการนี้เลย ตนคิดว่าถ้าคิดแบบนี้มันไม่น่าได้ ทุกหน่วยงานต่างมีความสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงของโควิดมีความสำคัญมากที่สุดถ้างบฯตรงนี้ไม่พอก็มีงบฯอื่นเข้ามาดูแล
รัฐบาลไม่ทิ้งประชาชนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการฟังอภิปรายในสภา เมื่อฟังแล้วก็ต้องย้อนกลับไปดูว่าสิ่งที่ผ่านมาพูดกันว่าอะไรบ้าง ฝ่ายรัฐชี้แจงอะไรไปบ้าง แล้วมันใช่ตามนั้นหรือไม่ อย่าลืมว่างบฯมีหลายส่วนด้วยกัน งบส่วนใหญ่เป็นงบฯของบุคลากรทั้งสิ้น ในส่วนของกลาโหมบุคลากรก็มีมาก ซึ่งงบฯก็จะไปอยู่ตรงนั้น ซึ่งเราก็มีการลดยอดกำลังพลอยู่แล้ว การจัดซื้อสิ่งต่างๆก็ทำเท่าที่จำเป็น เท่าที่มีพันธสัญญาที่ได้มีการเจรจากันไปแล้ว สิ่งไหนเลื่อนได้เราก็เลื่อน อย่างที่ผ่านมาก็เจรจาขอเลื่อน 2 ครั้งแล้ว ส่วนจะได้หรือไม่ได้อยู่ในชั้นกรรมาธิการ
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญเราต้องให้ความสำคัญกับทุกกระทรวง เพราะทุกกระทรวงก็ทำเพื่อประชาชนทั้งสิ้นในทุกมิติ มั่นคง เศรษฐกิจ สังคม เพียงแต่จะได้มากหรือน้อยก็จะทยอยทำไปจนกว่ารัฐบาลจะมีรายได้สูงขึ้น รัฐบาลก็มีมิติในการสร้างรายได้ของรัฐ ดังนั้นการฟังในสภาต้องนำมาวิเคราะห์ให้ดี ถ้าฟังแยกอันใดอันหนึ่งอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นแหละ งบฯกระทรวงสาธารณสุขมีตั้งกี่งบฯ และถ้าขาดเหลืออะไรรัฐบาลก็พร้อมหาให้อยู่แล้ว ให้ความสำคัญทุกอย่าง ไม่ใช่จะมาบอกว่าอะไรก็ไม่ได้ ประเทศก็คงเดินหน้าไม่ได้ สำคัญที่สุดวันนี้คือภาคธุรกิจซึ่งมีหลายประเภท รัฐบาลต้องดูแลทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเรามีงบฯเท่านี้เราก็จะดูแลให้มากที่สุดเราก็จะดูแลให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ตัวเลขการลงทุนมากกว่าด้วยซ้ำไป เพียงแต่ปีนี้อาจจะลดลงไปนิดหน่อยเหลือ 20% เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้มันจำเป็นต้องลดแต่ก็ยังสามารถลงทุนได้ รัฐวิสาหกิจก็เข้าไปช่วยเยอะ ทั้งในไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 แต่ถ้าจะเอาดีทุกอย่างคงลำบากในสถานการณ์วันนี้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |