เมื่อมาเลเซียต้อง ‘ล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ’


เพิ่มเพื่อน    

     ถ้าเราไม่ปรับแผนสู้โควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วและเร่งร้อน ก็อาจจะมีสภาพเหมือนมาเลเซีย

            มาเลเซียเพิ่งประกาศ “ล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ” เริ่มวันที่  1 ถึง 14 มิถุนายนนี้

            เพราะตัวเลขคนติดเชื้อต่อวันล่าสุดเมื่อวันเสาร์พุ่งทำสถิติใหม่กว่า 9,000 คน

            ขณะที่วันเดียวกันนั้น ไทยเรามีผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 4,800  คนหรือใกล้ๆ ห้าพัน

            ผู้เสียชีวิตของเขาต่อวันเกิน 60 ของเราเกิน 30

            ที่เปรียบเทียบว่าเราอยู่ห่างเขาครึ่งหนึ่งนั้นประมาทไม่ได้เป็นอันขาด เพราะโคโรนาไวรัสตัวนี้สามารถกระจายตัวได้อย่างรวดเร็วและรุนแรงน่ากลัว

            ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของมาเลเซียอยู่ที่ประมาณ 550,000  เสียชีวิตแล้วกว่า 2,500

            ของไทยเราติดเชื้อสะสมตั้งแต่ปีที่แล้วประมาณ 150,000 และเสียชีวิตสะสมใกล้ 900 คน

            สาเหตุของการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ที่แพร่เชื้ออย่างกว้างขวางจนกลายเป็นการระบาดระลอกใหม่นั้นคล้ายกัน

            ไทยของเราเป็นเพราะมีการผ่อนผันให้เดินทางและทำกิจกรรมช่วงสงกรานต์

            ของมาเลเซียก็เป็นช่วงการเฉลิมฉลองรอมฎอน

            เพียงแค่ในเดือนเดียวตัวเลขคนติดเชื้อของมาเลเซียพุ่งขึ้น 40%

            เฉพาะปีนี้ตัวเลขติดเชื้อและเสียชีวิตของเขาเพิ่มขึ้น 5  เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

            นายกฯ มูห์ยิดดิน ยัสซิน ประกาศว่าจะต้องระงับกิจกรรมเศรษฐกิจทั้งหมดในช่วง 14 วันนี้

            ยกเว้น “กิจกรรมเศรษฐกิจที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น”

            มีความเหมือนกันระหว่างมาเลเซียกับไทย ตรงที่รัฐบาลตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากหลายกลุ่มที่มีความต้องการไม่เหมือนกัน

            บางกลุ่มเรียกร้องให้มีการล็อกดาวน์เต็มที่แบบ “เจ็บแต่จบ”

            แต่อีกบางกลุ่มต่อต้านมาตรการเข้มข้นเพราะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน

            แรกๆ รัฐบาลก็โอนอ่อนผ่อนตามเสียงต่อต้านการล็อกดาวน์

            แต่เมื่อตัวเลขคนติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างน่ากลัว นายกฯ มาเลเซียก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องล็อกดาวน์เต็มที่

            มาเลเซียเจอคลัสเตอร์ที่เป็นจุดแพร่เชื้อใหญ่ 24 จุดที่มีกรณียืนยันติดเชื้อแล้ว 850 ราย

            ในจำนวนนี้มีลักษณะติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้การระบาดของเชื้อเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางรุนแรง

            มาตรการควบคุมของมาเลเซียใช้ชื่อว่า  Movement Control Order (MCO) ขณะที่ของสิงคโปร์เรียกว่า Circuit Breaker

            แรกๆ ก็เพื่อหลีกเลี่ยงคำว่า Lockdown ซึ่งฟังดูขึงขังเกินไป

            แต่ท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้นที่จะต้องใช้คำว่า Lockdown เพราะเป็นการสื่อความหมายของวิกฤติถึงประชาชนที่ตรงไปตรงมาที่สุด

            ความจริงรัฐบาลมาเลเซียได้ประกาศภาวะ “ฉุกเฉิน” มาก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่เดือนมกราคม

            พอมีถึงต้นเดือนพฤษภาคม เมื่อสถานการณ์ทำท่าจะเอาไม่อยู่ก็ประกาศ MCO เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม

            ตอนนั้นใช้คำว่า near-lockdown หรือ “ล็อกดาวน์แบบอ่อนๆ” เพราะไม่ต้องการสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน

            ตอนนั้นก็ยังให้กิจกรรมด้านเศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้  แต่ก็ห้ามจัดงานที่มีคนรวมตัวกันเยอะ และห้ามกินอาหารในร้าน อีกทั้งยังห้ามการเดินทางข้ามรัฐ

            แต่ตัวเลขคนป่วยก็ไม่ลดลง กลับพุ่งสวนทางกับเป้าหมายของรัฐบาล

            ผลที่ตามมาคือโรงพยาบาลเริ่มล้น และบุคลากรทางการแพทย์รับไม่ไหว

            นายกฯ มาเลเซียจึงไม่มีทางเลือกต้องใช้ “ค้อน” ทุบ  โดยหวังว่าจะกดให้ตัวเลขคนติดเชื้อลดลง

            เศรษฐกิจมาเลเซียหดตัวลง 5.6% ในปีที่แล้ว และไตรมาสแรกของปีติดลบไป 0.5%

            จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำงบประมาณขาดดุล เพราะต้องทุ่มเงินประมาณ 340,000 ล้านริงกิต หรือประมาณ 2.5  ล้านล้านบาทเพื่อเยียวยาเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยากเพราะวิกฤติครั้งนี้

            หนีไม่พ้นว่าเราต้องพยายามอย่างสุดฤทธิ์ที่จะไม่เดินไปในเส้นทางเดียวกับมาเลเซีย เพราะนั่นคือหลุมดำที่ลึกกว่าของเรา

            ผู้รู้บางคนที่ติดตามสถานการณ์โควิดล่าสุดของไทยเราและเพื่อนบ้านบอกผมว่า

            ตอนนี้เรามีทางเลือกอยู่สองทาง...คือล็อกดาวน์เต็มรูปแบบเพื่อสกัดการแพร่ระบาด

            หรือเร่งฉีดวัคซีนที่รวดเร็วและกว้างขวางกว่าที่เป็นอยู่นี้อย่างจริงจัง

            ทางเลือกแรกต้องแลกกับความเจ็บปวดอย่างหนัก

            ทางเลือกหลังต้องมีผู้นำที่ชัดเจน, โปร่งใส, กล้าตัดสินใจ และสื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับประชาชน.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"