เกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียน อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เปิดเผยว่า กำลังศึกษาเรื่องปลูกทุเรียนขนาดย่อย ๆ เพื่อดูแลเอง ประมาณว่าจะปลูกสายพันธุ์หมอนทองที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ และรองลงมาสายพันธุ์ชะนี ก้านยาว และสายพันธุ์พวงมณี ตลิดจนสายพันธุ์มูซันคิง
สำหรับการปลูกทุเรียนที่ได้รับความนิยมในพื้นที่คือปลูกขนาดพื้นที่ 7 คูณ 7 และ ขนาด 8 คูณ 8 ประมาณ 30 ต้น / ไร่ โดยให้ผลผลิตเป็นเม็ดเงินประมาณ 10,000 บาทกว่า / ต้น / ปี
แต่สำหรับใน จ.พัทลุง จ.สงขลา ส่วนใหญ่จะเป็นการปลูกขนาดแปลงย่อย ๆ ไม่มีแปลงขนาดใหญ่ เพราะปัญหาที่ดินปลูก เนื่องจากจะเป็นสวนยางพารากันทั้งหมด และการปลูกสวนยางพาราจะสะดวกต่อการดูแลรักษา ต้นทุนต่ำ แต่ทุเรียนจะต้องเคร่งครัดในการดูแลรักษา ค่อนข้างจะมีต้นทุนที่สูง และต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกทุเรียน
เขายังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ต้นทุเรียนใส่ถุงพร้อมปลูกสายพันธุ์หมอนทอง เดิม ๆ ราคาต้นละ 30 บาท ตอนนี้ประมาณ 80 บาท 100 บาท และต้นที่มีความสูงขนาด 1.5 เมตร - 2 เมตร ราคาประมาณ 300-400 บาท ต้นทุเรียนแหล่งผลิตรายใหญ่ คือ จ.ชุมพร สำหรับทุเรียนมีอายุตั้งแต่ 5 ปี 15 ปี และไม่เกิน 15 ปี จะให้ผลผลิตที่ดี ส่วนทุเรียนที่มีอายุประมาณ 20 ปี ผลผลิตจะมีปริมาณน้อยลงตามลำดับ ตอนนี้ทุเรียนมีการลงทุนปลูกกันมาก
นาสุพิท จิตรภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา (สสก.ที่ 5 จ.สงขลา) เปิดเผยว่า ทุเรียนในภาคใต้ ได้ขยายตัวปลูกกันมากมาร่วม 10 ปี ในระยะ 5 ปีแรก ประมาณ 15,000 ไร่ / ปี และในระยะ 5ปีหลัง ขยายตัวปลูกปีละ 20,000 ไร่ ถึง 25,000 ไร่ และในปี 2564 ขยายเพิ่มเติมขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์ การปลูกทุเรียนที่ได้รับความนิยมมาก คือสายพันธุ์หมอนทอง ซึ่งสายพันธุ์นี้ส่งออกไปยังประเทศจีน 80-90 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเป็นทุเรียนที่คุณภาพเนื้อปริมาณมากและเมล็ดลีบ นอกนั้นจะเป็นสายพันธุ์เฉพาะถิ่น สายพันธุ์โบราณ เช่น พวงมณี ชะนี ฯลฯ
นายสุพิท กล่าวอีกว่า และผู้ที่จะลงทุนปลูกทุเรียนรายใหม่จะต้องศึกษาพื้นที่ปลูก สายพันธุ์ การตลาด และจะต้องมีสร้างอัตลักษณ์ สร้างแบรนด์ และจะต้องมีการแปปรูป ทุเรียนแช่แข็ง ฟีดดราย ฯลฯ และประการสำคัญจะต้องปลูกทุเรียนอินทรีย์
การปลูกทุเรียนในภาคใต้ เป็นพื้นที่เหมาะสมจากที่ได้เปรียบทางภูมิประเทศ โดยตรงกลางของภาคใต้เป็นพื้นที่ภูเขา
นายสุพิท กล่าวอีกว่า ต้นสายพันธุ์ทุเรียนราคาดีมาตลอด ต้นทุเรียนขนาด 50 เซ็นต์ ราคา 50 บาท ขนาด 1 เมตร 200 บาทกว่า โดยเฉพาะสายพันธุ์ต้นทุเรียนหายากราคาจะสูงกว่า
ดังนั้นในการซื้อต้นทุเรียนมาลงทุนปลูกจึงต้องศึกษาอย่างรอบด้าน ทั้งสายพันธุ์ แปลงผลิตภัณฑ์ถึงที่มาที่ไปของการสายพันธุ์การตัดต่อที่สามารถตรวจสอบสอบถามได้ เพราะหากซื้อมาแล้วนำไปปลูกเกิดการผิดพลาดจะต้องได้รับความเสียหายมาก
“เรื่องพันธุ์ทุเรียน พื้นที่ดิน แหล่งน้ำ การตลาดการวางเป้าหมาย และจะต้องปลูกกตามที่ตลาดต้องการ”
โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยที่จะลงทุนปลูกขนาด 20 – 30 ตัน ขนาดพื้นที่ 1-2 ไร่ ในท้องถิ่นนั้นจะเหมาะสมและจะยังมีรายได้กว่ายางพาราประมาณ 10 ไร่ / ปี และโดยเฉพาะปลูกสายพันธุ์เฉพาะถิ่นและปลูกระบบอินทรีย์และหาระบบป้องกันศัตรูทุเรียนจะได้รับความนิยมอย่างสูง เพียงขายในภายประเทศ เพราะตลาดภายในประเทศยังกว้างมาก ซึ่งมีผู้บริโภคถึง 60 เปอร์เซ็นต์
นายสุพิท กล่าวอีกว่า จากการขยายตัวเติบโตของการปลูกทุเรียน ส่งผลต่อตลาดการผลิตต้นทุเรียนจำหน่าย ให้กับผู้ลงทุนปลูกทุเรียน ที่ได้ขยายตัวเติบขึ้นทุกปีส่งผลให้ตลาดผลิตต้นทุเรียนมีเม็ดเงินหมุนเวียนที่ดีในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้
“โดยเฉลี่ยแล้วต้นสายพันธุ์ทุเรียน จะขายตามท้องตลาด500,000 ต้น / ปี / จากการขยายตัวปลูกทุเรียนตั้งแต่ 20,00- 25,000 ไร่ / ปี โดยราคาเฉลี่ที่ 80 บาท / ต้น จะมีมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท / ปี ที่จะมีมูลค่าเงินเงินหมุนเวียน
สำหรับแปลงทุเรียนที่ผลิตต้นพันธุ์ ยังไม่มีการดูแลจากทางการและการรับรองพันธุ์ต้นทุเรียน ต่างกับยางพาราที่แปลงผลิตพันธุ์ต้นยางพารา ทางการจะดูแลมีกฎหมายรองรับ มีการรับรองพันธุ์โดยกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้ได้ต้นยางพาราที่มีคุณภาพศักยภาพตามที่ต้องการ แต่ทุเรียน ยังไม่มี การรับรองสายพันธุ์ เฉพาะฉะนั้นผู้ซื้อต้นพันธุ์จะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันไม่เกิดความผิดพลาดและเสียหาย
“ปัจจุบันไทยปลูกทุเรียนกว่า 1 ล้านไร่ เฉพาะในพื้นที่ภาคใต้กว่า 60 เปอร์เซ็นต์”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |