เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แจงดรามาหากำไรจากวัคซีนทางเลือก ยันซิโนฟาร์มจำนวน 1 ล้านโดสไม่มีการบวกเพิ่มจากค่าวัคซีน ขนส่ง เก็บรักษา ค่าประกัน แม้แต่บาทเดียว   องค์ภาครัฐ องค์กรภาคเอกชนที่รับวัคซีนไปต้องฉีดให้คนของตัวเองฟรี ฮือฮา! นครศรีฯ จอง 1 แสนโดส

    จากกรณีราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เปิดเผยถึงการนำเข้าวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์ม จำนวน 1 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายนนี้ โดยระบุว่าจะกระจายให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจจะจัดซื้อพร้อมประกันวัคซีน ซึ่งจะมีการกำหนดราคาขายราคาเดียวกันทั่วประเทศ คาดว่าเข็มละไม่กิน 1,000 บาท โดยจัดหามาจากงบประมาณรายได้ของราชวิทยาลัยฯ และเป็นวัคซีนทางเลือก ไม่ใช่วัคซีนฟรีของรัฐบาล นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
    เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2564 นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda ว่า “ต้องขอโทษที่แถลงข่าวพูดเร็วเกินไป มีคนคิดเลขไม่ทันเข้าใจไปว่าราชวิทยาลัยฯ จะหากำไรจากวัคซีนตัวเลือก ขอเรียนว่าไม่เป็นความจริง และสรุปสั้นๆ ดังนี้ครับ
     ถ้าทุนที่ซื้อวัคซีนมา = X, ค่าขนส่ง = Y, ค่าเก็บรักษา = Z, ค่าประกัน = V ราชวิทยาลัยจะจัดให้องค์ภาครัฐ องค์กรภาคเอกชนที่ต้องการนำไปฉีดให้กับบุคลากรภายในที่มีชื่อตัวตนระบุชัดเจนในราคา X+Y+Z+V เท่านั้น ไม่มีการบวกเพิ่มแม้แต่บาทเดียว และยังมีข้อกำหนดว่าทุกแห่งจะไปขายให้บุคลากรหรือคนอื่นต่อไม่ได้เป็นอันขาด แต่ท่านจะไปจ้างสถานพยาบาลใดๆ ฉีดให้ สถานพยาบาลนั้นๆ จะไปคิดค่าบริการอื่นใดเป็นข้อตกลงระหว่างสถานพยาบาลและองค์กรที่รับวัคซีนจากราชวิทยาลัยฯ ไป ดังนั้นประชาชนที่องค์กรนั้นๆ จะดูแล จะได้รับบริการฉีดวัคซีน "ฟรี" ครับ
    อันนี้เป็นการแบ่งเบาภาระงบประมาณและการกระจายการฉีดวัคซีนให้ประเทศร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข แต่ประชาชนเป็นคนๆ อาจจะไม่สามารถรับวัคซีน "ทางเลือก" นี้ได้ อย่างไรก็ดี คิวของท่านในวัคซีน "หลัก" ของประเทศจะได้เร็วขึ้น (ผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะครับ)
     นอกจากนี้ ถ้าเป็นบริษัทเอกชน ราชวิทยาลัยฯ มีข้อกำหนดว่าท่านต้องซื้อวัคซีนเพิ่มอีกร้อยละสิบ เพื่อบริจาคให้รัฐนำไปฉีดให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาสและไม่ได้อยู่กับองค์กรใดๆ เช่น ผู้ค้าขายอิสระบนทางเท้า หรือในตลาด #ใครทำอะไรได้ก็ช่วยกัน #ฉีดวัคซีนทุกครั้งสังคมไทยได้ประโยชน์ #คิดถึงคนที่ด้อยโอกาสด้วย"
    ขณะที่นางกนกพร เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ส่งผลให้เกิดผู้ติดเชื้อสะสมอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นพื้นที่สีแดงที่ต้องควบคุม ตนมีความห่วงใยประชาชนชาวนครศรีฯ เป็นอย่างมาก นอกจากอัดฉีดงบประมาณชุดใหญ่ 3.2 ล้านบาท จัดซื้อเครื่องตรวจสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราชอีก 1.3 ล้านบาท จัดซื้อเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ให้ รพ.พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ อ.ช้างกลาง และ 6.5 แสนบาท ปรับปรุงห้อง Negative Pressure ให้ รพ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติไปแล้ว
      ล่าสุด เตรียมจองวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ล็อตแรก 100,000 โดส มาให้ชาวนครศรีฯ ซึ่งวัคซีนซิโนฟาร์มนี้ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และ อย.อนุมัติเป็นวัคซีนตัวที่ 5 เรียบร้อยแล้ว เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ใช้ 2 โดส หรือ 2 เข็ม ฉีดห่างกัน 20-28 วัน ซึ่งการขึ้นทะเบียนของ อย.เป็นส่วนที่สำคัญมาก แสดงให้เห็นว่าวัคซีนซิโนฟาร์มมีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือ ทำให้ประชาชนมีวัคซีนใช้ได้อย่างรวดเร็ว
      นางกนกพรกล่าวต่ออีกว่า จ.นครศรีธรรมราชจะเริ่มฉีดวัคซีนรอบประชาชน วันที่ 7 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป โดย อบจ.นครศรีธรรมราชเตรียมเปิดโรงละคร อบจ.นครศรีธรรมราช บริเวณสนามหน้าเมืองเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ระหว่างนี้ได้เดินหน้าลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนทั่ว จ.นครศรีธรรมราชทั้ง 23 อำเภอให้รับการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง โดยตนและคณะผู้บริหารเป็นตัวอย่างรับฉีดวัคซีนแล้ว ทุกคนแข็งแรงปกติ จึงขอสร้างความเชื่อมั่น และให้ชาวนครศรีฯ มั่นใจว่าฉีดวัคซีนปลอดภัยแน่นอน.