ยันไม่พบไวรัสพันธุ์ไทย


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" ขออย่ากังวลข่าวไวรัสสายพันธุ์ไทยในอังกฤษ มั่นใจฉีดวัคซีนป้องกันได้ "สธ." ยันที่สื่ออังกฤษรายงานไม่ใช่สายพันธุ์ไทย แจงต้นเรื่องจากผู้ช่วยนักบินอียิปต์มาไทยกักตัวเจอติดโควิดสายพันธุ์ C.36.3  รักษาจนหายบินกลับ ไม่ได้เข้าไทย "ศบค." พบติดเชื้อใหม่  3,759 ราย เสียชีวิต 34 ราย "กทม." เจอ 3 คลัสเตอร์ใหม่  "ผู้ต้องขัง" ติดเชื้อเพิ่มอีก 1,117 ราย

    เมื่อวันที่ 28 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีสื่อประเทศอังกฤษรายงานข่าวพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ สายพันธุ์ C.36.3 ที่มาจากประเทศไทยในอังกฤษว่า "มันก็มีทุกสายพันธุ์นั่นแหละ ถ้ามันจะเกิด อย่าไปกังวลให้มากนักเลย  วันนี้ขอให้ฉีดวัคซีนกันให้ได้เสียก่อน ซึ่งถ้าเป็นก็รักษาได้ ขอให้ดูแลตัวเองป้องกันตัวเอง ถ้าไม่ดูแลตัวเอง ถ้าไม่ช่วยกันทำอะไรก็ไม่สำเร็จ อย่าไปจับผิดเล็กน้อย ถ้าถามมาก็ตอบไปว่ารักษาได้ วัคซีนที่มีอยู่ก็ป้องกันได้"
    ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องการพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ สายพันธุ์ C.36.3 ที่มาจากประเทศไทยในอังกฤษนั้น ข้อมูลจากการสอบสวนโรค กองระบาดวิทยา รายงานพบการติดเชื้อในชายอายุ 33 ปี สัญชาติอียิปต์ อาชีพผู้ช่วยนักบิน มีประวัติอาศัยอยู่ที่ประเทศอียิปต์ วันที่ 25 ม.ค.64 เดินทางไปฮ่องกงและเดินทางไปกรุงเทพฯ โดย Egypt Airline เดินทางถึงกรุงเทพฯ วันที่  26 ม.ค.64 และเข้ากักตัวที่ ASQ โรงแรม NOVOTEL สมุทรปราการ เก็บตัวอย่างครั้งที่ 1 วันที่ 29 ม.ค.64 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งตรวจห้องปฏิบัติการพบสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดสมุทรปราการ
    จากนั้นส่งตรวจสายพันธุ์ซึ่งพบว่าเป็นสายพันธุ์  B.1.1.1 ปัจจุบันคือ C.36.3 ผลการตรวจก่อนออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 16 ก.พ.64 ไม่พบเชื้อ บินกลับประเทศอียิปต์ทันที และไม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้รายอื่นเพิ่มจากผู้ป่วยรายนี้ในประเทศไทยแต่อย่างใด
    "กรณีที่อังกฤษรายงานสายพันธุ์ C.36.3 Variant  ถูกระบุชื่อในตารางสายพันธุ์ไวรัสว่า Thailand ex Egypt  ตามหลักการจึงไม่ควรเรียกสายพันธุ์ไทย เพราะเป็นผู้ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
    ส่วน นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา  2019 หรือ ศบค.กล่าวว่า ในที่ประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันยังไม่พบเชื้อโควิค-19 กลายพันธุ์ในประเทศไทยตามที่สื่อมวลชนอังกฤษรายงานข่าว ไม่มีการส่งตัวอย่างเชื้อดังกล่าวตรวจสอบแต่อย่างใด ซึ่งการตรวจสอบการกลายพันธุ์จะต้องได้รับการยืนยันมากกว่า 1 Lab ดังนั้นข่าวที่ออกมาจึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพียงข้อสงสัยจากอังกฤษเท่านั้น  ซึ่งขั้นตอนจากนี้อังกฤษควรแจ้งมายังทางการไทยเพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำไปเผยแพร่
สธ.ยันอังกฤษไม่ใช่พันธุ์ไทย
    “สถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศไทยในขณะนี้ยังไม่เอื้อต่อการกลายพันธุ์ เนื่องจากยังพบผู้ติดเชื้อเพียง  60 คนต่อประชากร 1 แสนคน ขณะที่ปัจจัยที่เอื้อต่อการกลายพันธุ์ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 75  คนต่อประชากร 1 แสนคน และเชื้อโควิดที่ระบาดในประเทศไทยนับตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มากกว่าร้อยละ  95 เป็นเชื้อโควิดจากสายพันธุ์อังกฤษอีกด้วย” ที่ปรึกษา  ศบค.ระบุ
    ขณะที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ข้อมูลที่มีการเผยแพร่เข้าใจว่าเริ่มมาจากสื่อต่างประเทศแห่งหนึ่งในประเทศไทย และมีผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทยมาพูดเรื่องนี้ ข้อเท็จจริงคือสิ่งที่เขาขยายถึงใน Public Health England หรือหน่วยงานที่ดูแลเรื่องระบบสาธารณสุขภายในประเทศอังกฤษ ที่ได้มีการสรุปเอกสารเรื่องการกลายพันธุ์ เอกสารฉบับสุดท้ายออกวันที่ 27 พ.ค. มีการเขียน Thailand ex Egypt ทำให้คนเอามาขยายความแบบคลาดเคลื่อน
    นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือผู้ติดเชื้อรายนี้ถูกตรวจพบในประเทศไทยจริง แต่เป็นชาวอียิปต์ อายุ 33 ปี  เดินทางเข้ามาในประเทศไทย อย่างไรก็ตามผู้ป่วยรายนี้รักษาหายแล้ว ตรวจไม่พบเชื้อก็เดินทางกลับประเทศอียิปต์ไป ดังนั้นนี่เป็นการตรวจพบในสถานที่กักตัว ไม่ใช่การตรวจเจอในชุมชนในสังคมประเทศไทย และผู้ป่วยคนนี้ไม่ได้ออกมาจากสถานที่กักตัวเพื่อไปใช้ชีวิตในประเทศไทยแต่อย่างใด
    "สายพันธุ์นี้พบในหลายประเทศทั่วโลก คงไม่แฟร์  เพราะไทยก็ไม่ได้พบในชุมชนหรือจังหวัดไหนในประเทศไทย ดังนั้นเทียบเคียงกับที่ญี่ปุ่นตรวจพบสายพันธุ์บราซิล  ก็รายงานว่าเป็นสายพันธุ์บราซิล และเขียนเป็น Japan ex  Brazil เพราะฉะนั้นควรจะเรียกสายพันธุ์อียิปต์หรือไม่  เพราะสรุปไม่มีสายพันธุ์ C.36.3 ในสังคมประเทศไทยแต่อย่างใด และไม่ควรจะเรียกว่าเป็นสายพันธุ์ไทยด้วยซ้ำไป  คนที่หยิบเอกสารมาขยายผล ขอความกรุณาท่านจะทำไปด้วยวัตถุประสงค์อะไรผมไม่ทราบ แต่ไม่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย ซึ่งการถอดรหัสพันธุกรรมในไทยไม่เป็นรองใคร" อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าว     ถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบสายพันธุ์อินเดีย และสายพันธุ์แอฟริกาใต้ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า สายพันธุ์อินเดียตามที่เราตรวจพบและรายงานผลไปก่อนหน้านี้ 62 ราย ในแคมป์คนงานหลักสี่และบางส่วนในพื้นที่ชุมชน ล่าสุดโผล่ที่จังหวัดหนึ่งใกล้กับ กทม. โดยพบ 2 ราย ขอยังไม่เปิดเผยชื่อ ขอเวลาตรวจสอบเพิ่มเติม  ส่วนสายพันธุ์แอฟริกาใต้อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม  เบื้องต้นเท่าเดิมและยังจำกัดอยู่ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
    ซักว่าไวรัสมีโอกาสกลายพันธุ์ในไทยหรือไม่ นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ธรรมชาติของไวรัสมีโอกาสกลายพันธุ์อยู่แล้ว  ยิ่งมีวงรอบการติดเชื้อมากโอกาสกลายพันธุ์ก็มี และอยู่ที่ตำแหน่งของการกลายพันธุ์ว่าจะทำให้เชื้อแรงขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่อยากให้กลายพันธุ์ต้องช่วยกันลดการระบาดให้มากที่สุด
ติดเพิ่ม 3.7 พันเสียชีวิต 34 ราย
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,759 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,447 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,374 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 1,073 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 1,294  ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 18 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ติดเชื้อชาวฟิลิปปินส์ซึ่งมาจากเรือขุดเจาะน้ำมันของอินโดนีเซีย โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้ทำการรักษาอยู่บนเรือในน่านน้ำสงขลา ไม่ได้ขึ้นมาบนบกแต่อย่างใด ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 144,976 ราย หายป่วยสะสม 97,872  ราย เฉพาะวันนี้หายป่วย 4,044 ราย อยู่ระหว่างรักษา  46,150 ราย อาการหนัก 1,226 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 405  ราย
    นอกจากนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 34 ราย เป็นชาย 18 ราย หญิง 16 ราย อยู่ใน กทม. 24 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในเรือนจำ 1 ราย สมุทรปราการ 3 ราย นครศรีธรรมราช 2 ราย ชลบุรี, นครราชสีมา, ตาก, นครสวรรค์ และร้อยเอ็ด จังหวัดละ 1 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง 1 ราย หญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และมีถึง 8  รายที่เสียชีวิตในสัปดาห์เดียวหลังทราบผลว่าติดเชื้อโควิด-19 ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 954 ราย ขณะที่สถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 169,623,481 ราย เสียชีวิตสะสม 3,525,023 ราย  
    "กรมควบคุมโรคได้วิเคราะห์ลักษณะผู้เสียชีวิตจากการระบาด 3 ระลอกที่ผ่านมา โดยรอบแรก ม.ค.-14  ธ.ค.63 อัตราผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1.42% ระลอกที่สอง 15  ธ.ค.63 - มี.ค.64 อัตราผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 0.14%  และระลอกที่สาม 1 เม.ย.ถึงปัจจุบัน อัตราผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1.23%  ขณะที่ระยะเวลาเฉลี่ยตั้งแต่พบเชื้อและเข้ารับการรักษา  ระลอกแรก 6 วัน ระลอกที่สอง 4 วัน และระลอกที่สาม 1.6  วัน ส่วนระยะเวลาตั้งแต่พบเชื้อถึงเสียชีวิต  ระลอกแรก 15  วัน ระลอกที่สอง 12 วัน และระลอกที่สาม 12 วัน อย่างไรก็ตาม ระลอกล่าสุดพบผู้เสียชีวิตในวันแรกถึง 54 ราย ปัจจัยหลักยังเป็นผู้มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยติดเตียงที่ญาติอาจไม่ได้สังเกตอาการ เพราะเห็นว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่แล้ว เมื่อมีอาการเปลี่ยนแปลงจึงสังเกตยาก จึงแนะนำว่าต้องสังเกตระบบทางเดินหายใจ ซึมลง รับประทานอาการได้น้อย เหนื่อยหอบมากขึ้น ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลและเข้ารับการตรวจโควิด-19 แม้จะไม่มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อก็ตาม" พญ.อภิสมัยกล่าว
     ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าวว่า สำหรับ 5 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดวันที่ 28 พ.ค. ได้แก่ กทม. 973 ราย  เพชรบุรี 658 ราย สมุทรปราการ 221 ราย นนทบุรี 102  ราย สมุทรสาคร 55 ราย สถานการณ์ใน กทม.กราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อยังลอยสูงและพบ 3 คลัสเตอร์ใหม่คือ ตลาดมีน  เขตทุ่งครุ พบติดเชื้อ 36 ราย บริษัทเอกชน เขตบางแค พบติดเชื้อ 89 ราย และสถานเอกอัครราชทูต เขตวัฒนา 5  ราย ทั้งหมดสำนักงานเขตได้ลงพื้นที่ไปสอบสวนโรคแล้ว  ทั้งนี้ กทม.ยังคงเฝ้าระวังสูงสุด 30 คลัสเตอร์ โดยมี 4  คลัสเตอร์ที่ควบคุมได้ดีพอสมควร คือ สวนหลวง, ทวีวัฒนา, สาทร และจตุจักร
    ที่กรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรมราชทัณฑ์ (ศบค.รท.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานประจำวันว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่จำนวน 1,117 ราย รักษาหาย 1,939  ราย ทำให้มีผู้ต้องขังที่ยังติดเชื้ออยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 15,445 ราย พบผู้ติดเชื้อในเรือนจำจังหวัดตรังเพิ่ม 1 แห่ง รวมเรือนจำ/ทัณฑสถานที่ยังมีผู้ติดเชื้อจำนวน  15 แห่ง.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"