รัฐบาลเยอรมนียอมรับอย่างเป็นทางการครั้งแรกว่า ชาวเยอรมันได้ก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในนามิเบียช่วงที่ประเทศในแอฟริกาใต้แห่งนี้ตกเป็นอาณานิคมของเยอรมนี และสัญญาว่าจะให้เงินช่วยเหลือกว่า 1,000 ล้านยูโร

แฟ้มภาพ อนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเฮเรโรและนามาโดยทหารเจ้าอาณานิคมเยอรมนี ที่กรุงวินด์ฮุก ป้ายข้อความกล่าวว่า "เลือดของท่านหล่อเลี้ยงอิสรภาพของเรา" (Photo by Jürgen Bätz/picture alliance via Getty Images)

    ชาวเยอรมันที่เข้าไปในถิ่นฐานนามิเบียสังหารหมู่ชนพื้นเมืองเผ่าเฮเรโร (Herero) และเผ่านามา (Nama) หลายหมื่นคนระหว่างปี 2447-2451 (ค.ศ.1904-1908) ที่นักประวัติศาสตร์ระบุว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งแรกของศตวรรษที่ 20 ในเรื่องนี้สร้างความร้าวฉานระหว่างนามิเบียและเยอรมนีมานาน

    ก่อนหน้านี้เยอรมนียอมรับว่า ในช่วงที่นามิเบียเป็นเมืองขึ้น เจ้าหน้าที่เยอรมนีกระทำการโหดร้ายจริง แต่ยังปฏิเสธที่จะชดใช้ค่าเสียหายโดยตรง

    ไฮโก มาส รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี กล่าวในถ้อยแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคมว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนามิเบียช่วงที่เป็นอาณานิคมของเยอรมนี เราจะกล่าวถึงเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างเป็นทางการจากทัศนคติของปัจจุบันว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 

    เขากล่าวชื่นชมข้อตกลงที่เกิดขึ้นหลังจากเจรจาเรื่องนี้กับนามิเบียมามากกว่า 5 ปี สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่เยอรมนียึดครองนามิเบียในปี 2427-2458 

    มาสกล่าวว่า ตามความจริงทางประวัติศาสตร์และความรับผิดชอบทางศีลธรรมของเยอรมนี เราขอให้นามิเบียและลูกหลานของเหยื่อให้อภัยเยอรมนีที่กระทำการโหดเหี้ยม และเยอรมนีจะสนับสนุนการบูรณะและพัฒนานามิเบีย ผ่านโครงการช่วยเหลือทางการเงิน 1,100 ล้านยูโร (ราว 41,818 ล้านบาท)

    แหล่งข่าวใกล้ชิดการเจรจาเผยว่า เงินช่วยเหลือของเยอรมนีจะทยอยมอบให้ในช่วงกว่า 30 ปีเพื่อใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน, สาธารณสุข และโครงการฝึกอบรมที่เป็นประโยชน์กับลูกหลานชาวเฮเรโรและนามา

    ชนเผ่าเฮเรโรและนามาลุกขึ้นก่อกบฏในปี 2447 และถูกทหารของจักรวรรดิเยอรมันภายใต้การนำของนายพลโลธาร์ ฟอน ทรอธา สังหารอย่างเหี้ยมโหด โดยประหารหมู่, เนรเทศไปอยู่ทะเลทรายและเสียชีวิตจากการขาดน้ำ และมีการสร้างค่ายกักกันที่เกาะชาร์ก มีชาวเฮเรโรอย่างน้อย 60,000 คนและชาวนามะราว 10,000 คน ถูกสังหารระหว่างปี 2447-2451.

    ด้านโฆษกของประธานาธิบดีฮาเก เกนกอบ ของนามิเบีย กล่าวกับเอเอฟพีว่า การยอมรับของเยอรมนีว่าได้ก่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ถือเป็นก้าวแรกไปในทิศทางที่ถูกต้อง ส่วนพื้นฐานสำหรับก้าวที่ 2 ซึ่งก็คือการขอโทษนั้น จะติดตามมาด้วยการชดใช้ค่าเสียหาย.