กระทรวงการคลังบอกว่าเงินกู้ก้อนใหม่อีก 500,000 ล้านบาทจะช่วยดันให้ผลผลิตมวลรวมหรือ GDP ของประเทศขยับขึ้น 1.5-2.5%
ในความเป็นจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้
เพราะมีปัจจัยหลายด้านที่อาจจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาล
หรือหากการใช้เงินไม่ตรงเป้า ขาดประสิทธิภาพ ก็อาจจะเข้าทำนอง “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” ก็เป็นได้
ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาวะวิกฤติโควิด-19 อย่างนี้ต้องปรับกันเดือนต่อเดือนเลยทีเดียว
สัปดาห์ก่อน สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพยากรณ์ว่า พอเจอโควิดระลอก 3 การขยายตัวของจีดีพีปีนี้อาจจะเหลือเพียง 1.5-2.5% เท่านั้น
ต่อมาอีกไม่กี่วัน ศูนย์วิจัยของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งก็ทำนายว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศปีนี้อาจจะโตได้เพียง 0.8-1.6%
สำนักไหนที่เคยให้อัตราโตอยู่ระหว่าง 3-4% ก็มีอันต้องถอยร่นไปตั้งหลักใหม่
เพราะภัยคุกคามจากโควิดกำลังโหมกระหน่ำ โดยยังไม่รู้ว่าจะหนักหน่วงมากขึ้นอีกเพียงใด หรือจะยาวนานอีกเท่าไหร่
สภาพัฒน์บอกว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5-2.5 ฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากการลดลงร้อยละ 6.1 ในปี 2563
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก และแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐ รวมทั้งการปรับตัวตามฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปี 2563
ส่วนศูนย์วิจัย “กรุงไทย คอมพาส” ระบุการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 รุนแรงกว่าที่ประเมินไว้ ส่งผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ แผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงอุปสงค์ (ปริมาณความต้องการ) ในประเทศค่อนข้างมาก
ทำให้ประเมินว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสำหรับปีนี้จะลดลงเหลือ 0.8-1.6% เทียบกับที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% กรณีไม่มีการระบาดระลอก 3
โดยประเมินมูลค่าความเสียหายต่อเศรษฐกิจอาจสูงถึง 400,000-580,000 ล้านบาท
ที่ผมสนใจเป็นพิเศษคือ ข้อเสนอแนะประเด็นบริหารนโยบายเศรษฐกิจช่วงปี 2564 มีหลายข้อที่น่าสนใจ ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหนยังต้องประเมินกันทุกขั้นตอนจากนี้ไป
ข้อเสนอมีดังนี้
1.การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศเพื่อให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงและอยู่ในวงจำกัดโดยเร็ว และการป้องกันการกลับมาระบาดรุนแรงระลอกใหม่ โดยการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคและป้องกันการระบาดของภาครัฐอย่างเคร่งครัด และการเร่งรัดจัดหาและกระจายวัคซีนให้ประชาชนอย่างครอบคลุมทั่วถึง
รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพของระบบสาธารณสุขให้เพียงพอต่อการรองรับการแพร่ระบาด และการเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและชัดเจนให้แก่ประชาชนในการรับการฉีดวัคซีน
2.การดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แรงงาน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดและมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยการเร่งรัดติดตามมาตรการต่างๆ ทั้งด้านการเงินและการคลังที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ควบคู่ไปกับการพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติม และมีมาตรการช่วยเหลือภาคแรงงานผ่านมาตรการรักษาระดับการจ้างงานให้แก่ผู้ประกอบการ ควบคู่ไปกับการพิจารณามาตรการสร้างงานใหม่และมาตรการพัฒนาทักษะแรงงาน และการพิจารณาดำเนินมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไปภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายลง
3.การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าไปยังตลาดหลักที่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน และการสร้างตลาดใหม่ให้แก่สินค้าที่มีศักยภาพ และการเร่งรัดยกระดับการผลิตสินค้าเกษตร อาหาร และสินค้าอุตสาหกรรม หาทางใช้ประโยชน์จากกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ควบคู่ไปกับการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญๆ รวมทั้งการเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาและเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ๆ และ การปกป้องความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต
4.การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน ด้วยการเร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการลงทุนจริง เร่งแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการประกอบธุรกิจ ดำเนินมาตรการส่งเสริมการลงทุนเชิงรุกและอำนวยความสะดวกเพื่อดึงดูดนักลงทุน และส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) 10 จังหวัด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และขับเคลื่อนการลงทุนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งที่สำคัญๆ ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างภาคการผลิตและภาคบริการที่สำคัญๆ
5.การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ
6.การเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
7.การรักษาบรรยากาศทางการเมืองภายในประเทศ
หกข้อแรกค่อนข้างจะท้าทายสำหรับระดับนโยบาย
แต่ที่ยากที่สุดน่าจะเป็นข้อสุดท้าย
ผมไม่แน่ใจว่าสภาพัฒน์กำลังจะบอกให้ใครเป็นคนรับผิดชอบ!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |