28 พ.ค.64 - นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชีพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า เมื่อวันที่26 พ.ค. ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์มีการประชุมส.ส. ด้วยความเป็นห่วงในประเด็นงบประมาณแผ่นดินปี 65 ที่จะมีการประชุมสภาฯทั้งในประเด็นงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ งบกองทัพ งบโควิด พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาล พวกเรามีความกังวลว่าประเทศไทย จะจัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า และการกระจายงบประมาณไม่เหมาะสม 

"วันนี้การตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล VS การมีมารยาทในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องไหนสำคัญกว่ากัน การพิจารณางบประมาณปี 65 ในวาระนี้ ผมและเพื่อน ส.ส. ต้องทำงานอย่างหนัก เนื่องจากเป็นการผ่านงบประมาณแผนดินในสถานการณ์วิกฤติสุขภาพและแรงเสียดทานทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นทุกวันจากการขาดความเชื่อมั่นของประชาชน  ผมต้องขอกล่าวว่า พวกเราทุกคนเข้าใจในสถานะและหน้าที่ทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงของรัฐบาลดี แต่งบประมาณ ปี 65 นี้ เป็นเรื่องความเป็นความตายของประชาชนและธุรกิจไทย การลงมติงบประมาณและพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน ในครั้งนี้ มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการอธิปรายไม่ไว้วางใจ ในฐานะ ส.ส. และนักการเงิน เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดและต้องปฎิบัติด้วยความเป็นอิสระและโปร่งใส" นายพนิต ระบุ

นายพนิต กล่าวต่อว่า ตนขอย้ำหลักหน้าที่ของผู้แทนราษฎรในระบอบประชาธิปไตย ที่เราทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นอิสระและโปร่งใส  ต้องเป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชน และทำงานตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างชัดเจน อย่าตีตนไปก่อนไข้ งบประมาณต้องโปร่งใส

ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การโพสต์เฟซบุ๊กลักษณะนี้ เพื่อต้องการแสดงจุดยืนในการตรวจสอบรัฐบาลในเรื่องนี้ใช่หรือไม่  นายพนิต กล่าวว่า  ต้องพูดให้ชัดว่าการพิจารณางบฯปี65 จำเป็นต้องฟังคำชี้แจงของทุกกระทรวงก่อน โดยเฉพาะกระทรวงที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจภาคครัวเรือนของประชาชน รวมถึงการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ตนจะจับตามองเป็นพิเศษในส่วนของกระทรวงที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานเหล่านี้ เพราะงบประมาณปี65 จำเป็นที่ต้องใช้ในการฟื้นฟูภาคธุรกิจเอสเอ็มอีผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางรวมถึงรายย่อยที่เป็นหลักของภาคธุรกิจไทย สำหรับในวาระที่1 ตนอาจยกมือให้ในร่างพ.ร.บ.งบฯ  แต่วาระ2 จำเป็นต้องขอฟังการชี้แจง การขอตั้งงบและใช้งบฯ ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการงบฯปี65  และวาระที่3 ต้องผ่านการพิจารณาในที่ประชุมสภาฯว่า จะรับร่างพ.ร.บ.งบฯปี65 หรือไม่  ไม่ใช่การด่วนสรุปว่าจะรับร่างกฎหมายนี้ทันที เพราะยังไม่ได้มีการชี้แจง หรือการอภิปรายใดๆ เพราะ ส.ส. มีเอกสิทธิ์ในการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเช่นกัน    

นายพริต กล่าวอีกว่า ส่วน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ที่อ้างว่าต้องกู้เพราะจำเป็นต้องใช้เงินช่วยเยียวยาประชาชน และใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ทันสถานการณ์นั้นก็ต้องใช้ให้ตรงวัตถุประสงค์ ไม่ใช่ไปใช้ในโครงการขุดลอก หรือสร้างถนน สร้างงานแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ต้องใช้เยียวยาช่วยประชาชน ช่วยผู้ประกอบการธุรกิจ และดูแลสนับสนุนบุคลากรการแพทย์ที่ยังต้องสู้กับโควิด.