การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ดูเหมือนจะลากยาวและกระจายเป็นวงกว้างไปในหลายคลัสเตอร์ และสารพัดสายพันธุ์ที่เริ่มมีให้เห็นกันแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน หรือแคมป์คนงานก่อสร้าง ที่ชี้ไปตรงไหนก็มีตรงนั้น และดูเหมือนว่ายังคงทวีความรุนแรง แน่นอนว่าวัคซีนเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะสามารถบรรเทาการแพร่เชื้อได้เบาบางลง ถึงขณะนี้หลายหน่วยงานต่างก็อยู่ระหว่างดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เกิดขึ้น เช่นเดียวกับหน่วยงานของกระทรวงคมนาคมที่ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ถือว่าเป็นด่านหน้าที่มีความเสี่ยงไม่น้อย สัมผัสคนมากหน้าหลายตา
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้และผู้ให้บริการ จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับวัคซีน อย่างน้อยก็สามารถผ่อนหนักเป็นเบา ซึ่งเจ้ากระทรวงคมนาคม "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ไม่รอช้า ร่อนหนังสือถึงท่านหัวหน้าพรรค ที่นั่งเป็นหัวเรือใหญ่ที่กระทรวงสาธารณสุขและรองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ขอให้พิจารณาเร่งฉีดวัคซีนแก่พนักงานที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในระบบคมนาคมขนส่งทั้งทางบก น้ำ ราง และอากาศที่มีประมาณ 350,000 คน ซึ่งมีโอกาสเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และอาจจะแพร่ระบาดไปสู่ผู้ใช้บริการอื่นได้ และล่าสุดก็ได้ปรับสถานีกลางบางซื่อ สถานีรถไฟที่จะมาทำหน้าที่แทนสถานีรถไฟหัวลำโพง ให้เป็นศูนย์ฉีดวัคซีน โดยใช้พื้นที่ 14,294 ตร.ม. หรือ 80% ของพื้นที่ชั้นล่างของสถานี กับบางส่วนของพื้นที่ชั้นลอย แบ่งเป็น 4 จุดบริการ ได้แก่ จุดชั่งน้ำหนัก วัดความดัน รองรับได้ 1,400 ที่นั่ง, จุดลงทะเบียน เซ็นใบยินยอม 179 โต๊ะ, จุดฉีดวัคซีน 100 จุด, จุดพักรอสังเกตอาการ 30 นาที 800 ที่นั่ง และจะมีการติดสติกเกอร์แสดงสัญลักษณ์ให้ผู้ที่ฉีดแล้ว รวมถึงมีการตั้งจุดบริการครบวงจรให้ผู้ป่วยเปราะบางที่ต้องนั่งรถเข็น สุขภาพไม่แข็งแรง
งานนี้ เจ้ากระทรวงหูกวางอย่าง "ศักดิ์สยาม" ให้ข้อมูลว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อมีเป้าหมายหลักคือ เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรในสังกัดกระทรวงคมนาคม และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของกระทรวงคมนาคม ได้แก่ กลุ่มบุคคลที่ทำความสะอาดสถานที่ราชการ กลุ่มพนักงานรักษาความปลอดภัย รวมทั้งกลุ่มผู้ขับขี่รถรับจ้างสาธารณะทั่วประเทศ ซึ่งมีประมาณ 350,000 คน มีแผนการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเป้าหมายข้างต้นที่วันละประมาณ 10,000 คน โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ค.2564 ที่ผ่านมานี้เป็นวันแรกที่เปิดให้บริการ ฉีดวัคซีนได้ประมาณ 5,000 คน
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า การให้บริการของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องมาจากมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยในการลงทะเบียน แต่มีบางจุดที่อาจล่าช้าไปบ้าง คือ จุดวัดความดัน ซึ่งต้องเพิ่มจำนวนเครื่องวัดความดัน และได้รายงานให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรับทราบแล้ว สำหรับการฉีดวัคซีนเข็มแรกของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.-6 มิ.ย. จากนั้นจะเริ่มฉีดเข็มที่ 2 โดยจะใช้ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 28 วัน
หลังจากนั้น กระทรวงคมนาคมจะทำหนังสือรายงานไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรในสังกัดกระทรวงคมนาคม และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของกระทรวงคมนาคมเรียบร้อยและเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว และขอทราบนโยบายจาก ศบค.ในการดำเนินงานของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อต่อไป
ขณะที่ กลุ่มเป้าหมายที่อยู่ต่างจังหวัด ปลัดกระทรวงคมนาคมได้รายงานว่า ได้มอบให้กรมการขนส่งทางบกซึ่งมีสำนักงานขนส่งอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดจะเป็นศูนย์กลางเพื่อบูรณาการด้านข้อมูลบุคลากรของกระทรวงคมนาคม และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม และประสานงานกับทางจังหวัดและสาธารณสุขจังหวัด โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนในการดำเนินการได้ครบกลุ่มเป้าหมาย.
กัลยา ยืนยง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |