เอาเป็นว่า เดินหน้าแน่ สำหรับการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรายจ่าย 2565 แม้จะมีรายงานข่าวออกมาจากสภาเป็นระยะๆ ว่าพบผู้ติดเชื้อ อย่างเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่เจอแม่บ้านติดโควิด-19

                “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายชั้นซือแป๋รัฐบาล ระบุว่า อย่างไรเสียต้องพิจารณาให้เสร็จ เพราะตามรัฐธรรมนูญกำหนดกรอบเอาไว้ 105 วัน โดยเริ่มนับจากวันที่รัฐบาลส่งกฎหมายถึงมือสภา

            โดยรัฐบาลส่งกฎหมายงบประมาณถึงมือสภาตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม ซึ่งถือว่าเริ่มนับหนึ่งตามกรอบ 105 วันเป็นที่เรียบร้อย

            ตามกำหนดการของสภาจะมีการพิจารณากฎหมายสำคัญของประเทศระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายน เท่ากับว่าเวลาผ่านไปเฉยๆ แล้วร่วมครึ่งเดือน

            หากมีการขอให้เลื่อน ตามที่มี ส.ส.บางคนเสนอไป เพราะกังวลเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น เวลาใน 105 วันก็จะถูกนับไปเรื่อยๆ อาจทำให้ไม่เสร็จตามกรอบเวลาดังกล่าว

            ตรงนี้ “อ.วิษณุ” บอกว่า หากเลยจริง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143 บัญญัติไว้เช่นกันว่า ถ้าสภาพิจารณาไม่เสร็จภายใน 105 วัน ให้ถือว่าให้ความเห็นชอบและอนุมัติตามร่างฯ ทุกประการ เรียกว่าแก้ไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว

            พอถามว่า แล้วกังวลหรือไม่ระหว่างไปชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ แนะว่า ให้ใช้วิธีลดความแออัด เอาคนที่ไม่ได้อภิปรายไปอยู่ภายนอกห้องประชุมก็ได้ นับองค์ประชุมเมื่อไหร่ค่อยเข้ามา

            ส่วนเรื่องที่มีการอนุโลมให้คนอภิปรายถอดหน้ากากได้ “อ.วิษณุ” ชี้ว่า อาจทำให้พูดกันน้อยลง เพราะขนาดตนเองใส่หน้ากากเป็นประธานการประชุมยังเกือบจะเป็นลมตาย เพราะหายใจไม่ออก

            พร้อมกับเห็นด้วยกับแนวคิดของวุฒิสภา ที่เสนอให้ตั้งไมโครโฟนไว้ต่างหาก ไม่ให้ใช้ไมโครโฟนตรงที่นั่งประจำ เวลาใครจะอภิปรายให้เดินไปที่ไมโครโฟนที่เตรียมไว้ให้ ใช้เสร็จก็ฉีดแอลกอฮอล์ทำความสะอาด เรื่องของเรื่องเพราะเวลามีการอภิปรายทีไร มักจะมีเพื่อน ส.ส.ที่นั่งอยู่ตรงอื่น เข้ามานั่งใกล้ๆ ให้ได้ออกทีวี ซึ่งรับน้ำลายไปเต็มๆ

            งานนี้ดูแล้วไปๆ มาๆ คนเดือดร้อนสุดน่าจะเป็นพวกวอลเปเปอร์อยากออกทีวีซะม้าง ฮ่าๆ.

ฌ.เฌอ