"วิษณุ" เตือนซ้ำกรรมเป็นเครื่องแสดงเจตนา "อนาคตใหม่" พูดอะไรไปให้ระวัง คสช.จับตาประกาศนิรโทษกรรม "สมชาย" ชี้ชูคว่ำ รธน.ถึงเวลาทำจริง ระวังโดนยุบพรรค "จาตุรนต์" ป้องฉีกรัฐธรรมนูญแค่เล่นคำ ไม่ผิด กม. "เอนก" นำทีมเปิดตัว "รปช." 3 มิ.ย.
    เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันจะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 เหมือนเป็นการประกาศนโยบายว่า เคยตอบไปแล้วก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร เตือนไปแล้วเขาก็รับทราบ ดีแล้วช่วยกันเตือนให้ระมัดระวัง ตนไม่ได้บอกว่าผิดหรือไม่ผิด แค่บอกว่าให้ระวัง เพราะกรรมเป็นเครื่องแสดงเจตนา วันนี้พูดอย่างนี้ไม่นึกว่าจะนำไปสู่อะไร พอวันหนึ่งไปทำอะไรเข้า เขาเอาแพะไปชนกับแกะ แล้วจับมารวมเป็นเรื่องเดียวกัน เดี๋ยวจะมีปัญหาเท่านั้นเอง แต่ถ้าเตือนแล้วไม่ฟัง ก็ไม่ได้ว่าอะไร
    เมื่อถามว่า จากกรณีดังกล่าวมองเป็นการสะดุดขาตัวเองหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ขอตอบ เพราะจะหาว่าไปแช่ง
    นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่พูดได้ แต่ทำได้ยาก โดยเฉพาะการแก้ไขในประเด็นสำคัญต้องผ่านการทำประชามติเห็นชอบจากประชาชนก่อน ที่สำคัญการชูนโยบายที่หมิ่นเหม่ต่อการคว่ำรัฐธรรมนูญฉบับที่มาจากประชามติของประชาชน อาจเข้าข่ายมีความผิดได้ เพราะในรัฐธรรมนูญเองมีมาตราที่เขียนปกป้องรัฐธรรมนูญไว้ อย่างไรก็ตาม หากดูพฤติการณ์ขณะนี้ที่เป็นการพูดอย่างเดียว ยังไม่เข้าข่ายความผิด แต่ถ้านำไปปฏิบัติเมื่อใด อาจมีคนไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเอาผิดเรื่องการยุบพรรค เพราะเข้าข่ายความผิดฐานล้มล้างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขได้ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม แต่ไม่ควรนำมาใช้เป็นเฮตสปีชเพื่อพูดหาเสียง สร้างความแตกแยกในสังคมขึ้นมาอีก
    พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธรระบุหากเป็นรัฐบาลจะมีการนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ขัดคำสั่ง คสช.ว่า คสช.ได้ประเมินและติดตามความเคลื่อนไหว ไม่สามารถตอบได้ในเวลานี้ แต่ฝ่ายกฎหมายและส่วนงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดูว่าการออกมาชี้แจงกับสมาชิกพรรคในวันเปิดตัวมีคำพูดใดที่จะเข้าข่ายที่จะทำผิดกฎหมายหรือไม่
    ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมแล้วยกร่างใหม่ทั้งฉบับที่ทำโดยกระบวนการทางรัฐสภา ไม่ผิดกฎหมาย เคยทำมาแล้ว และหากจะทำอีกย่อมทำได้ หากจะเรียกว่านี่เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ ก็เป็นการเล่นคำที่ไม่ผิดกฎหมายอะไร ทั้งนี้ ในระบบกฎหมายของไทย หลายสิบปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน การฉีกรัฐธรรมนูญโดยการใช้กำลังอาวุธหรือกองทัพเข้ายึดอำนาจทำรัฐประหาร หากทำไม่สำเร็จจะผิดกฎหมายฐานเป็นกบฏ แต่ถ้าทำสำเร็จ แม้เป็นเรื่องเลวร้ายก็ไม่ผิดกฎหมาย เพราะระบบยุติธรรมของประเทศไทยรับรองว่าพวกนี้เป็นรัฏฐาธิปัตย์
    "พวกที่ทำเป็นฮึดฮัดจะเอาเรื่องกับคนที่ประกาศจะฉีกรัฐธรรมนูญ ทำเป็นเคารพกติกาขึ้นมาอย่างฉับพลันนั้น บ้างก็มีส่วนร่วมกับการทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญมาก่อน บ้างก็ได้ดิบได้ดีจากการเป็นสมุนบริวารของพวกที่รัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญมาจนทุกวันนี้โดยไม่ละอายเลยสักนิด" นายจาตุรนต์ระบุ
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าความหมายฉีกรัฐธรรมนูญนี้ไปไกลถึงขั้นไหน แต่เข้าใจว่าผู้พูดเรื่องนี้คงไม่ได้หมายถึงว่าจะเป็นผู้นำการรัฐประหารแล้วฉีกรัฐธรรมนูญ คงไม่ใช่อย่างนั้น คงต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมากกว่า ซึ่งการเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง แก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นสิทธิ์ของประชาชนคนไทยด้วย ไม่ใช่แค่สิทธิ์ของนักการเมือง เพราะประชาชนคนไทย 5 หมื่นคน ถ้าเข้าชื่อรวมกันก็มีสิทธิ์ที่จะยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้อยู่แล้ว ส่วน ส.ส.หรือ ส.ว.มีสิทธิ์ที่จะยื่นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เช่นกัน 
    นายองอาจยังกล่าวถึงกรณีที่มีอดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมกับพรรคที่ตั้งใหม่ อย่างพรรคร่วมพลังประชาชาติไทยว่า ถือว่ามีจำนวนไม่มาก และอดีตส.ส.เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ยังอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอดีตแกนนำ กปปส.ที่ตั้งใจจะลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนอดีต ส.ส.อื่นที่ไม่ใช่แกนนำ กปปส.เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ยืนยันเป็นสมาชิกพรรค แม้มีบางคนที่ยังไม่มาเพราะติดเรื่องไปบวช แต่เมื่อมีการปลดล็อกทางการเมืองแล้ว คนเหล่านี้ก็จะกลับมาเป็นสมาชิกพรรค โดยภาพรวมไม่มีอะไรน่าหนักใจ 
    สำหรับพรรคต้องเตรียมรับมือสำหรับการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ โดย 1.ต้องหาบุคลากรที่มีความเหมาะสมลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตนั้นๆ 2.สร้างความเข้าใจกับสมาชิกที่อาจจะเอนเอียงไปกับอดีต ส.ส.ที่ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ ว่าทำอย่างไรเขาควรจะให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ซึ่งเท่าที่ดูแล้วสมาชิกพรรคส่วนมากจะเข้าใจ และยังยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป 3.ย้ำเตือนสมาชิกอยู่ตลอดเวลาว่าเราต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อมีพรรคใหม่เกิดขึ้น คนมีทางเลือกเพิ่มขึ้น หากเราไม่ทำงานหนัก โอกาสจะไม่เพิ่มขึ้น และ 4.เราต้องเสนอความหวัง ทางออกให้กับประชาชนให้มีความชัดเจน ตอบโจทย์ปัญหาพี่น้องประชาชนได้  
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) จะมีการนัดประชุมผู้ก่อตั้งและผู้สนับสนุน ในวันที่ 3 มิ.ย.2561 เวลา 09.00 น. ที่ศาลาดนตรี (อาคารสุริยเทพ) มหาวิทยาลังรังสิต รวมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนที่ต้องการเป็นสมาชิกพรรคร่วมงานในวันดังกล่าวด้วย โดยจะมีการเปิดตัวผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ชี้แจงแนวทาง ขั้นตอนการดำเนินงานเพื่อการจัดตั้งพรรค และตอบคำถามสื่อมวลชน
    นายประสาร มฤคพิทักษ์ ในฐานะผู้ก่อตั้ง เปิดเผยว่า จะมีการแถลงอุดมการณ์พรรค จัดตั้งคณะทำงานเพื่อจัดตั้งพรรคการเมือง จัดตั้งคณะทำงานเพื่อยกร่างข้อบังคับ วินัย และจริยธรรม ที่สำคัญจะมีการชี้แจงเหตุผลในการตั้งพรรค โดยมีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นปฐมกถา
     ขณะที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงกรณีพรรครวมพลังประชาชาติไทยออกหนังสือเชิญประชุมผู้ร่วมก่อตั้งพรรค และเปิดตัวพรรคในวันที่ 3 มิ.ย. ที่มหาวิทยาลัยรังสิต หลังจากเพิ่งยื่นขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคต่อ กกต.ไปเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า กกต.เป็นเพียงผู้ที่นำหนังสือขออนุญาตจัดประชุมของกลุ่มการเมืองยื่นไปให้ คสช.พิจารณาเท่านั้น อำนาจในการพิจารณาอนุญาตอยู่ที่คสช. โดยหลักการหากหนังสือขออนุญาตของกลุ่มการเมืองระบุข้อมูลวันเวลา สถานที่ และวัตถุประสงค์ในการจัดประชุมชัดเจน ส่วนใหญ่จะได้รับการอนุญาตจากคสช.ให้จัดประชุมอยู่แล้ว 
    วันเดียวกัน นายสิระ พิมพ์กลาง แกนนำคนเสื้อแดงสกลนคร เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันที่ 8 มิ.ย. จะเดินทางสำนักงาน กกต. เพื่อยื่นจดแจ้งตั้งพรรคเพื่อนไทย มีวัตถุประสงค์ทำให้คนไทยเกิดความสามัคคี แก้ไขความขัดแย้ง สีสัญลักษณ์เพื่อความปรองดองมีทั้งสีแดง สีเหลือง ซึ่งพรรคเพื่อนไทยจะไม่เป็นศัตรูกับใคร นำพาประเทศออกจากความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ทหาร ประชาธิปัตย์ สามารถร่วมงานได้กับทุกฝ่ายเพื่อให้บ้านเมืองสงบ แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือ ไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอก เว้นแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาลงสมัครรับเลือกตั้ง.