รัฐบาลนี่ เขาก็ดีนะ
กลัว "แก๊งล้มนายกฯ ตู่" จะหมดเรื่องไล่ ก็ขยัน "สร้างเหตุ-สร้างประเด็น" ป้อนให้เป็นระยะ
"หมอพร้อม" แทบจะไปตลบมุ้งลากชาวบ้านมาลงทะเบียน
มาวันนี้ "เบรก" ซะแล้ว อ้างปูเสื่อใหม่!
ผมน่ะ ไม่ว่าอะไรหรอก .....
ชาวบ้านน่ะซี ไม่ตายเพราะโควิด แต่จะเวียนหัวตาย กับการชักเข้า-ชักออกของรัฐบาลนี่แหละ ด้วยไม่รู้ว่า ตกลงแล้ว จะเอายังไงกัน?
มีอะไร ติดขัดตรงไหน ก็พูด-ก็บอกชาวบ้านให้มันตรงๆ ชัดๆ ไปเลยได้ไหม
ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน เกิดจากอะไร ไม่ใช่ออกมาพูดเป็นอาจารย์ใบ้หวย ให้ไปตีความกันเอง
การเหยียบคันเร่งพรืด แล้วกระทืบเบรกพรวดนั่นน่ะ
หมาวิ่งตัดหน้า หรือว่าลืมปลดเบรกมือ?
เอาให้มันชัด....
คนโดยสารจะได้ตั้งสติและตัดสินใจได้ว่า จะไปต่อกับรถคันนี้ หรือเปลี่ยนถ่ายรถคันใหม่ดีกว่า
"เราพร้อม-หมอพร้อม"
เหตุเพราะ วัคซีนที่ว่าจะมาวันนั้น-วันนี้้ "ไม่พร้อม" หรืออย่างไร?
และที่ไม่พร้อม เป็นส่วนที่ไปเร่งให้เขาส่งมาฉีดเอาหน้าปลายพฤษภา.นี้ หรือเป็นล็อตตามตารางนัดหมายที่แอสตร้า เซนเนก้า จะส่งให้เดือนมิถุนา.?
หรือเดือนมิถุนา.ตามนัดหมาย ๗ มิถุนา.ว่าปูพรมฉีด ที่ลงทะเบียนกันไว้แล้วนั้น ก็ยังไม่แน่
อาจต้องพับเพียบรอก่อน หรือที่นัด "ก็เป็นนัด" วันไหนไปฉีดได้วันนั้นตามนัด? ที่สับสน-รวนเร หาคำตอบชัดเจนไม่ได้เช่นนี้ ผมว่าปัญหาส่วนหนึ่ง มันมาจากด้าน "บริหาร-จัดการ" ที่แย่งกันเป็น "พระเอกหนังข่าว" ด้วยละ?
พอหนังข่าว กลายเป็นหนังการ์ตูน ก็พูดกันแบบอู้อี้เหมือนผีอำ จับความไม่ได้ ปัดไป-ปัดมา ลงท้าย สรุปว่า
"สื่อออกข่าวมั่ว"!?
เรื่องวัคซีนน่ะ.......
นายกฯ บอก "ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่ผู้เดียว" มิใช่หรือ เห็นเรียกอำนาจกระทรวงโน้น-นี้ไปสั่งการที่ท่านคนเดียว
แต่ทำไมการสื่อสารถึงชาวบ้านถึงได้มั่วตั้งแต่ต้นม้วนยันปลายม้วนขนาดนี้ล่ะ?
"มาช้า-มาเร็ว" เป็นเรื่องทำความเข้าใจกันได้
แต่ที่สร้างหงุดหงิดสะสมในผู้คนมาเรื่อยๆ ก็เรื่องแย่งกันพูด-แย่งกันแถลง สับสนปนเปจนพัดลมส่ายหน้าแล้วรู้มั้ย?
แล้วพอถึงตาของจริง...
ก็ยังหา "ข่าวสารจริง" ในความไม่แน่นอนนั้นไม่ได้
มัน "เสียเซลฟ์" รู้มั้ย?
อันที่จริง ก็เข้าใจปัญหาวัคซีน ทั้่งคนผลิต "ฝ่ายซัพพลาย" มันมีไม่กี่เจ้า ส่วนคนรอใช้ "ฝ่ายดีมานด์" มีทั้งโลก
ในภาวะฉุกเฉิน-เร่งด่วน
การ "ได้ช้า-ได้เร็ว" มันเป็นเรื่อง "เหนือการควบคุม" ของรัฐบาล
สิ่งเดียวที่รัฐบาลทำได้และควรทำ คือ......
เอาเรื่องจริง "บอกให้ตรง-บอกให้ชัด" กับประชาชน คือรัฐบาลกับประชาชน ต้อง "จูนคลื่น" ให้ตรงกัน
ภาวะอย่างนี้ รอได้-รอไม่ได้ มันก็ต้องรอ
ทุกคนรู้โดยอัตโนมัติว่า ยังไงๆ ลงท้าย ก็ต้องได้ฉีดกันวันยังค่ำ-คืนยังรุ่ง (เว้นแต่ไม่อยากฉีดเอง)
ตอนนี้ พระเอกหนังข่าวและพระเอกหน้าเฟซ อย่ากระสันมาก ไปนอนหลังกองถ่ายก่อนก็ได้
ให้เป็นคิวคนมีหน้าที่จริงเขาได้ "เข้ากล้อง" ออกข่าวสารทิศทางเดียว "ตรงๆ-ชัดๆ" เถอะ!
แม่ทัพน่ะ ทำหน้าที่บัญชาการทัพ
ไม่ใช่เอาก้านมะพร้าวผูกหางม้าขี่ออกรบให้ฝุ่นตลบเองทุกวัน
แล้วคอยดูเถอะ เรื่องเดินหน้าหมอพร้อม จู่ๆ ออกมาเบรก แถมไม่บอกเหตุให้ชัด
พวกเดินสายไล่นายกฯ ต้องแตกสาย-แตกไลน์ ไล่กันอุตลุดอีก เพราะมันเข้าทาง
เออ...ก็พูดมากไป เดี๋ยวคนจะว่าหนุ่มๆ แน่นๆ แต่บ่นเป็นคนแก่ งั้นเปลี่ยนเรื่องดีกว่า
ใครที่ว่า "เหี้่ย" หรือ "ตัวเงินตัวทอง" ไม่ดี ไม่มีประโยชน์ ฟังทางนี้ เพื่อความเป็นมิตรที่ดีกับเหี้่ยต่อไป
"เหี้ย" กำลังกลายเป็น "สัตว์ผู้มีพระคุณ" กับมนุษยชาติแล้วรู้มั้ย ผมเพิ่งอ่านข่าว จาก FM91BKK.COM เมื่อวานนี้เอง
มันคือยังไง ผมจะเก็บความจากข่าวเป็นตอนๆ มาให้อ่านละกัน ก็ประมาณนี้
"............ท่ามกลางความพยายามผลิตวัคซีนจากภูมิคุ้มกัน (Antibody) ของมนุษย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส COVID-19 กันอย่างแพร่หลาย
"รองศาสตราจารย์ ดร.นายสัตวแพทย์จิตรกมล ธนศักดิ์" อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ได้มีความพยายามที่จะวิจัยศึกษาคุณสมบัติทางยาจากเลือด "ตัวเงินตัวทอง" (Varanus salvator)
เพื่อดูฤทธิ์การยับยั้งเซลล์มะเร็ง แบคทีเรีย และไวรัสก่อโรคอุบัติใหม่ รวมทั้ง COVID-19
หากบรรลุผลตามเป้าหมาย จะกลายเป็นรายแรกของโลก จากสมมุติฐานที่ว่า
ทำไม "ตัวเงินตัวทอง" ถึงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้จากการกินซากสิ่งมีชีวิต และแม้ในน้ำเน่าเสีย?
"รองศาสตราจารย์ ดร.นายสัตวแพทย์จิตรกมล" จึงเกิดความคิดริเริ่มศึกษาถึงระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของสัตว์เลื้อยคลาน
ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเลือดจาก "ตัวเงินตัวทอง" ที่สมบูรณ์มาศึกษาทางโปรตีน (Proteomics) ในห้องปฏิบัติการ
โดยใช้ "เลือดตัวอย่าง" เพียงเล็กน้อย
เบื้องต้นพบว่ามีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ตลอดจนเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
รวมถึงอาจต่อยอดเพื่อศึกษาการยับยั้งเชื้อไวรัสซึ่งรวมถึง COVID-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ได้อีกด้วย
หากทำได้....
จะส่งผลดีต่อการวิจัยเพื่อพัฒนายาจากเลือด "ตัวเงินตัวทอง" ต่อไป
"ตัวเงินตัวทอง" ที่อยู่ในธรรมชาติ กับ "ตัวเงินตัวทอง" ในระบบฟาร์ม ลักษณะความเป็นอยู่ต่างกัน
ก็พบว่า ตัวเงินตัวทองเพาะพันธุ์ใน "ระบบฟาร์ม" จะตรงเป้าหมายและเหมาะสมกว่ามาก ตัวเงินตัวทอง "เป็นอยู่ตามธรรมชาติ"
เรื่่องการจดสิทธิบัตรนั้น ตั้งเป้าจะให้แล้วเสร็จในเบื้องต้นภายในปลายปี ๒๕๖๔
ก่อนเดินหน้าศึกษาวิจัยต่อยอดเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านไวรัสที่ครอบคลุม ๓ สายพันธุ์ ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่
โดยเริ่มจากไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก และ COVID-19 ต่อไป
น่าตื่นเต้นใช่มั้ยครับ!
แม้เป็นขั้น "ศึกษา-วิจัย" ถึงคุณสมบัติทางยาเป็นเบื้องต้นก็เถอะ
แต่การที่ท่านสัตวแพทย์จิตรกมล สังเกตวงจรชีวิตตัวเงินตัวทองแล้วเกิดมุมคิดประยุกต์ สู่การพัฒนาตัวยาจากเลือดตัวเงินตัวทอง
ต้องยกย่อง เชิดชูเกียรติท่านจริงๆ!
เห็นในสิ่งที่ทุกคนเห็น แต่คิดในด้านที่ทุกคนไม่คิด ถึงคิดก็คิดไม่ถึง
คิดเช่นนี้ คือ "ต้นคิด" ศึกษา-วิจัย-พัฒนาสู่ "นวัตกรรม" สร้างโลก-สร้างประวัติศาสตร์ เพื่อมนุษยชาติ
อย่างที่ปรากฏในข่าว นั่นแหละ "ชีววัตถุ" ประเภทโปรตีนจากกระบวนการเทคโนโลยีชีวภาพ อย่างที่คุยถึงเรื่อง Life Sciences ไปวันก่อน
ตามที่ ปตท.กำลังมุ่งวิจัย-พัฒนา เป็นนวัตกรรมทางธุรกิจอุตสาหกรรมด้านนั้น สร้างความมั่นคงทางยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ประเทศ
ผลิตภัณฑ์ยา "ชีววัตถุคล้ายคลึง" ที่เรียก biosimilars กำลังเป็นเทรนด์โลก "มาแรง" กระทั่งในยุโรปเองก็เพิ่งตื่นตัว
เราให้ความสนใจเรื่องอย่างนี้ดีกว่า .......
เพราะอย่างนี้แหละที่มีค่านำชาติ-นำประชาชนไปสู่อนาคตที่แจ่มใสและภาคภูมิใจในอนาคต "ของจริง"
ส่วน "การเมือง-การหมอ-การข่าว" ว่าด้วยการแย่งวัคซีนพวกมึง-พวกกูอะไรนั่น
ฟังเอาไว้ปลง....
อย่าเอาไปจริงจังเรื่อง "สร้างชาติ" กับการเมือง "นักเลือกตั้ง" ให้ปวดหมองเลย!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |