ดูเหมือน “ไวรัสมรณะ” รอบ 3 ของพี่ไทยครานี้เล่นเอา “รัฐนาวาแป๊ะ” เป๋ไปเป๋มาอย่างน่าใจหาย ซึ่งจะโทษใครก็ไม่ได้  เพราะ “ซูเปอร์แมนตู่” ดันกลัวเสียฟอร์มตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะตั้งแต่ครานั้นหากใช้ “ยาแรง”  เช่นการล็อกดาวน์หรือเคอร์ฟิว ปัญหาก็คงไม่ลุกลามมาถึงทุกวันนี้...๐ ยิ่งตัวเลขล่าสุดของพี่ไทยที่เพิ่มขึ้นอีก  2,455 ราย และเสียชีวิตทำสถิติใหม่ไม่น่าจดจำอีก 41 ราย  ก็ยิ่งเชื่อว่า “ระลอก 3” ครั้งนี้จะไม่จบลงง่ายๆ เสียแล้ว  โดยในอันดับโลกนั้นไทยอยู่ที่ 84 แต่ด้วยอัตราเร่งแบบนี้ต่อไปก็เชื่อว่าอันดับ 83 อย่าง “เมียนมา” ก็อาจถูกแซงได้ในสิ้นเดือนนี้ เพราะไทยมียอดสะสมอยู่ที่ 137,894 ราย ในขณะที่ “เมียนมา” มียอดอยู่ที่ 143,296 ราย ซึ่งก่อนเกิดระลอก 3 นั้นต้องเรียกว่า “ไทย” แทบไม่เคยคิดว่าจะมียอดผู้ติดเชื้อเกินแสนรายเลย ที่สำคัญในอาเซียนก็ยังเป็นประเทศแถบท้ายๆ ด้วยซ้ำ แต่ ณ  ปัจจุบันอันดับกลับขยับพรวดพราด โดยในอาเซียนนั้นก็อยู่อันดับ 5 โดยอันดับหนึ่งของอาเซียนยังคงเป็น “อินโดนีเซีย” ตามมาด้วย  “ฟิลิปปินส์” มาเลเซีย และเมียนมา...๐

“นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษก ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวันโควิด-19  ไว้หลายเรื่องที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่ที่มีเพียง 16 จังหวัด ซึ่งหมอทวีศิลป์ก็ยอมรับว่าลดลง!!! แสดงให้เห็นว่าแม้พื้นที่ที่ไม่มีการระบาดก็ยังระบาดเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมี “คลัสเตอร์” ใหม่ๆ เกิดขึ้นแทบทุกวี่วัน ซึ่ง น่าสังเกตว่า “คลัสเตอร์” ต่างๆ นั้นมีจุดร่วมที่แน่ชัดคือการรวมตัวของคนหมู่มาก และไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคมตามกระแส “นิวนอร์มอล” แต่ประการใด ซึ่งก็เป็นดั่งนิสัย “พี่ไทย” นั่นแล ที่แรกๆ  อาจกระตือรือร้น ต่อมาก็เริ่มปล่อยปละละเลย จึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินคลัสเตอร์หมูกระทะเอย คลัสเตอร์ผับ คลัสเตอร์คอนโดฯ คลัสเตอร์สารพัดโรงงาน หรือแม้แต่คลัสเตอร์ตลาด...๐

แต่ประเด็นร้อนของวันนี้ของ “หมอทวีศิลป์” รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.ที่รวบอำนาจกฎหมายของรัฐมนตรี 31 ฉบับไว้ในมือ นั่นคือ การชะลอการลงทะเบียน “หมอพร้อม” งานนี้พระเจ้าจอร์จได้แต่มึนหัวกันเลยทีเดียว อุตส่าห์โปรโมตทุกเมื่อเชื่อวัน แต่วันดีคืนดีกลับมาบอกให้ชะลอซะแล้ว การกลับไปกลับมาแบบนี้นี่เองก็เชื่อว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเวลาอันใกล้ “ลุงตู่” คงต้องตอบคำถามทั้งต่อสภาและต่อสังคมว่าทำเพื่ออะไร...๐

ขนาด “หมอพร้อม” ที่ลงทุนลงแรงไปมากมายยังมีการชะลอ ทำให้ไพล่คิดไปว่า “วอล์กอิน” ที่เคยถูกพับเก็บไปแล้ว วันดีคืนดีก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะรื้อออกมาใช้ เพราะหากดูตัวอย่าง “ฮ่องกง” ที่มีวัคซีนล้นทะลัก แต่ไม่มีผู้ต้องการฉีดจนถึงขั้นต้องจ้างกันมาฉีด เพราะไม่อย่างนั้นวัคซีนจะ “หมดอายุ” ได้ ก็อาจเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับไทยในอนาคตก็เป็นได้ เพราะดูเหมือน “วัคซีน” จะเริ่มทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องในเดือนที่หกที่จะถึงนี้...๐ ล่าสุด “นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์”  อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็ระบุว่าได้รับตัวอย่างวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ารุ่นที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอโซเอนซ์ จำนวน 9 ล็อตเข้ามาตรวจสอบคุณภาพแล้ว ซึ่งก็เป็นการตอกย้ำว่า “วัคซีน” ไทยไม่ขาดแคลนแน่!!! แต่ทำไมถึงต้องมีการชะลอการลงทะเบียนหมอพร้อม...๐

เมื่อกลับไปพินิจพิเคราะห์ก็จะเห็นได้ว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการลงทะเบียนหมอพร้อมทุกวันนี้ที่ให้ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี และผู้ป่วย 7 โรคร้ายแรงนั้นมีแต่ตัวเลขลงทะเบียนเท่านั้น แต่ผู้ฉีดที่แท้จริงแทบจะไม่มีกลุ่มดังกล่าวเลย เพราะเล่นนัดไปกลางเดือน มิ.ย.ถึงต้น ก.ค.ซะเป็นส่วนใหญ่ งานนี้ขาเมาธ์เลยสงสัยว่าแล้วที่ฉีดๆ กันทุกวันนี้จำนวนเป็นล้านๆ โดสนั้นฉีดใครที่ไหน แล้วที่บอกว่าจะดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคก่อนนั้นก็แค่ “ปาหี่”  สร้างภาพหรือไม่อย่างไร...๐ แล้วที่น่าอนาถเข้าไปอีก เพราะดูเหมือนภาครัฐบาล หรือแม้แต่องค์กรเอกชนหรือเอ็นจีโอทั้งหลายก็ไม่เคยเอ่ยถึงในเรื่องการฉีด “วัคซีน” นั่นก็คือกลุ่มคนไร้บ้าน หรือบรรดาคนเร่ร่อน คนชายขอบทั้งหลาย  ซึ่งต้องบอกว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มแพร่เชื้อได้ง่ายอย่างยิ่ง ขนาดนักโทษในกรมราชทัณฑ์ยังได้รับการดูแลที่ดีกว่ากลุ่มคนเหล่านี้ด้วยซ้ำไป...๐

ทิ้งท้ายด้วยการเมืองกันบ้าง เพราะดูเหมือนช่วงนี้บรรดาผู้หิวแสงเริ่มออกมาถี่มากขึ้น สัปดาห์ที่แล้วก็ลุงโทนี่ พร้อมนายกฯ แคตวอล์กอย่าง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มาสัปดาห์นี้ก็ถึงคิว “พานทองแท้ ชินวัตร” ที่โผล่ออกมา แหม! สงสัยกลัวโลกจะลืมกันล่ะสิว่ายังมีตัวตนอยู่ งานนี้ก็ไม่รู้ “พ่อฟ้า” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าที่ช่วงนี้ก็เงียบหายไป จะโดดมาหาแสงแฟลชทางสังคมทั้งในโลกออนไลน์และโลกความจริงเมื่อใด แต่เชื่อว่าคงอีกไม่นานแน่ๆ คนพรรค์นี้...๐.

...ท.ศักดิ์