ตลกหน้านิ่ง “ปลาคาร์ฟ เชิญยิ้ม” ฮาไม่ออกเพราะงานหดเงินหายมากว่า2 ปี เครียดหนักมากต้องคืนบ้านคืนรถล่าสุดออกมาเปิดใจผ่านรายการคุยแซ่บSHOW ทางช่องone31
โดนพิษโควิดหนักมาก
ปลาคาร์ฟ: ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกผมว่าโดนกันทุกคน แต่ใครจะหนักมากกว่ากันใครมีทุนเยอะก็อยู่ได้นานหน่อย คือเราก็สู้มาตั้งแต่คาเฟ่ปิดมาได้10 ปีคือตอนนั้นเราไม่มีงานคาเฟ่เราก็ยังมีงานที่ต่างจังหวัดเดือนหนึ่งก็ 2-3 งาน มีงานขายเครื่องดนตรีไทยคือเราก็เป็นเหมือนนายหน้ารับเครื่องดนตรีมาขายต่ออีกที แต่หลังๆเลิกแล้วเพราะร้านทำเครื่องดนตรีเขาก็ทำขายเองฝ่านเฟซบุ๊กคนก็ไปซื้อตรงเพราะได้ราคาถูกกว่า และก็รับงานทำขวัญนาค จนปี2562 งานก็เริ่มซา ผมก็พยายามกัดฟันสู้ผ่อนบ้านผ่อนรถ จนมาระยะหลังๆเจอพิษโควิดเงินเราเริ่มร่อยหรอ ขายของก็ไม่ค่อยได้งานตลกก็ไม่มีวันหนึ่งมีเสียงโทรศัพท์ดังมาหนึ่งสายปรากฎว่าเขาโทรมาแจ้งว่าเราค้างค่ารถ2 งวด หลังจากนั้น คุณแจ๊ค ธนพล ก็โทรมาชวนไปอยู่วงดนตรีช่วงปลายปี2562 เพราะเขาทำวงมีนักดนตรีไปพร้อมเลยในทีมมี12 คน ก็รับงานกันปรากฎว่าโควิดมางานที่รับไว้ก็หยุด พอโควิดระรอก2 ระรอก3 มางานก็หยุดนิ่งแต่เรายังมีภาระผ่อนบ้านผ่อนรถเราก็ไม่ไหว เราก็เลยต้องคืนเขาตอนนี้ก็ไม่มีทั้งบ้านทั้งรถ
แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน
ปลาคาร์ฟ: ผมไปอยู่บ้านพี่สาวแถวบางบัวทอง คือพี่สาวเขาติดป้ายขายบ้านแล้วกลับไปอยู่ต่างจังหวัด คือเขาปิดป้ายขายบ้านเป็นปีก็ไม่มีใครมาซื้อเพราะว่าไม่มีกำลังไม่มีตังค์เขาก็เลยให้เราไปอยู่บ้านเขาก่อน คืออยู่ฟรีเราก็จ่ายค่าน้ำค่าไฟปกติ แต่ว่าที่ผ่านมาเราไม่มีรายรับเรามีแต่รายจ่ายเราก็รับสภาพไม่ไหวผมก็ตั้งใจจะสู้แค่สิ้นปีนี้ ถ้าสิ้นปีนี้ไม่มีอะไรดีขึ้นผมก็จะกลับบ้านที่ลพบุรี
กับข่าวที่ออกมาเป็นอย่างไร
ปลาคาร์ฟ: คือก่อนหน้านี้มีนักข่าวโทรเข้ามาว่าขอคุยได้ไหมผมก็ตกลง พอเขามาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเราเขาก็ถามก็คุยกันเรื่องชีวิตตอนนี้เราก็พูดเรื่องจริงเรื่องบ้านเรื่องรถตั้งแต่คาเฟ่ปิดจนปัจจุบันเรื่องรถที่เราต้องคืนเพราะเราไม่ไหว คือเราก็พูดความจริงเราไม่ได้คิดอะไรเพราะเราจากบ้านมาเราก็มาแต่ตัว แล้วเราไม่คิดว่าเขาจะเอาสิ่งที่เราพูดไปเขียนเป็นข่าว มันก็เลยเป็นกระแสขึ้นมา ถามว่าเราโกรธไหมที่เขาเอาไปเขียนเป็นข่าวไม่โกรธเลยเพราะเราพูดเรื่องจริง
วันนั้นที่ตอบนักข่าวว่าเหลือเงินไม่ถึงพันวันนี้เราเหลือถึงพันไหม
ปลาคาร์ฟ: ตอนนี้ก็มีคนที่ดูข่าวที่เข้ามาช่วยเหลือ แต่มีดาราที่เราไม่เคยร่วมงานกับเขาเลยเขาโทรมาเป็นคนแรกบอกว่าพี่นี่นุ๊กนะ (สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา) เขาก็ถามว่าเราเป็นอย่างไรเขาบอกว่าอยากช่วย คือเขาบอกเราว่าเราเป็นตลกที่เขาชื่นชอบเราอยากช่วยเรา
(พิธีกรต่อสายตรงคุยกับ นุ๊ก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา)
ทำไมตอนนนั้นถึงช่วยพี่ปลาคาร์ฟ
นุ๊ก: คือเขาเป็นคนที่เราชื่นชอบ ที่ผ่านมาเราก็โอกาสได้ช่วยเหลือหลายๆท่านแต่เราไม่ได้โพสต์หรือบอกใคร ของพี่ปลาคาร์ฟเป็นกรณีพิเศษมากๆเพราะไม่ใช่แค่นุ๊กให้พี่ปลาคาร์ฟแต่พี่เขาก็ให้นุ๊กกลับ คือนุ๊กเห็นความเป็นนักสู้ของเขาเวลาเห็นสัมภาษณ์ เราเห็นว่าเขามีทั้งความเป็นนักสู้มีความสมถะและมีศักดิ์ศรี ซึ่งตอนที่นุ๊กโทรไปนุ๊กคิดนานเหมือนกันว่าเราจะพูดอย่างไรเพราะค่อนข้างลำบากใจกับการที่จะคุยกับเขา เพราะเราเห็นความเป็นนักสู้ความมีศักดิ์ศรีของเขา แล้วเขาก็พูดทิ้งท้ายว่าเขาไม่ได้รับบริจาค เราก็ต้องคิดว่าเราจะพูดอย่างไรให้เขารู้สึกดี
ตอนที่นุ๊กโทรไปเรารู้สึกอย่างไร
ปลาคาร์ฟ: ตอนนั้นเรารู้สึกว่าทุกคนลำบากหมดไม่อยากรบกวนใคร เขาบอกว่าให้เอาเลยบัญชีมาก่อนค่อยว่ากันผมก็ให้เลขบัญชีเขาเขาก็ให้เยอะ ผมบอกเขาว่ามันเยอะไป ผมจะคืนเขา
ทำบ่อยไหม
นุ๊ก: ก็เกือบทุกคนที่ออกมาแต่เรามองว่าเป็นเงินเล็กน้อย ไม่ต้องออกสื่ออะไร
แล้วตอนนี้โอเคหรือยังเรื่องบ้าน
นุ๊ก: ก็ต้องสู้กันต่อไป นุ๊กเห็นพี่ปลาคาร์ฟแล้วนุ๊กรู้สึกเห็นตัวเองนุ๊กรู้ว่าพี่ปลาคาร์ฟก็เป็นนักสู้คนหนึ่ง อย่างทุกวันนี้ที่เรามีกินมีใช้ก็เพราะเราหาด้วยตัวเองแน่นอนว่าบางครั้งเราอาจจะมีเหนื่อยบ้างอะไรบ้างและก็ขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิตของคนเรา
อยากบอกอะไรกับคุณนุ๊ก
ปลาคาร์ฟ: คนที่ช่วยเราตอนนที่เราลำบากเราก็จะจดจำไปชั่วชีวิต ซึ่งไม่ได้มีแค่น้องนุ๊กคนเดียวแต่ยังมีเพื่อนๆที่เป็นห่วงเรา ก็ต้องขอบคุณน้องนุ๊กตรงนี้ ถ้าชีวิตผมร่ำรวยเมื่อไหร่ผมจะไปคาระวะถึงบ้านเลย
นุ๊ก: ก็ต้องขอบคุณพี่ปลาคาร์ฟมาก เพราะเวลาที่เราดูพี่เราก็มีแรงที่จะต่อสู้ต่อไปและใช้ชีวิตอย่างสมถะเรียบง่ายในสไตล์แบบพี่เหมือนกัน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |