26 พ.ค.64 - ที่ห้องประชุมไทยไม่ทน สถานีพีซทีวี ยังคงมีการจัดปราศรัยออนไลน์ขับไล่รัฐบาลประยุทธ์ โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ในนามกลุ่มไทยไม่ทน กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานักการเมืองคงจะมองเห็นว่า จะไปดูถูกดูแคลนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นทหารคิดไม่เป็นนั้น พล.อ.ประยุทธ์คิดเป็น เรื่องการได้มาซึ่งอำนาจ รักษาอำนาจ แต่คิดไม่เป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาชาติ ยึดอำนาจรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับโควิดทุกกระทรวง นักการเมืองก็ไม่หือไม่อือ แต่ในทางปฏิบัติล้วนแต่ แตกยับกันทั้งนั้น ไม่ว่าในพรรคการเมืองพรรคหลักของรัฐบาล วันนี้ก็แตกกันยับเยิน ระหว่างพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ในประชาธิปัตย์ก็เป็นปัญหา แต่ความขัดแย้งของนักการเมืองอยู่กันได้ด้วยผลประโยชน์ 

นายจตุพร กล่าวว่าวันนี้ได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติได้ ทุกเรื่องที่รับปาก สัญญาประชาคม ล้วนแต่ตระบัดสัตย์ พรรคการเมืองที่เข้าร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ ร่วมตระบัดสัตย์ มันจึงกลายเป็นโคตรตระบัดสัตย์มารวมกัน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีอะไรที่จะพิสูจน์ได้เลย ถึงความสำเร็จจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งเรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เรื่องการปฏิรูปประเทศ เรื่องการปราบปรามการทุจริตล้มเหลว มิหนำซ้ำยังตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็พาประเทศพังหนักเข้าไปใหญ่  

นายจตุพร กล่าวต่อว่า เวทีไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยนั้น จะเป็นเวทีที่เปิดกว้างให้กับพี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพที่มีความเดือดร้อน วันที่ 26 พ.ค. เวลา16.00 น.คณะไทยไม่ทน จะเดินทางไปที่พรรคภูมิใจไทย เพื่อยื่น หนังสือขอให้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล 

วันที่ 27พ.ค. จะไปกองทัพบก วันที่ 28 พ.ค.จะไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สัปดาห์ต่อไป ก็จะไปตามกองทัพต่างๆ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 มีความพิกลพิการประหลาดที่สุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่เป็นวุฒิสภาโดยตำแหน่ง มาคุมรัฐบาล  มาคุมตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รวมกระทั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในทางปฏิบัติ มันย้อนแย้งกับหลักการ พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน และมิหนำซ้ำ ในเวลาทำการ 5 วันก็ถูกเบียดเบียนไป 2 วัน แล้วก็ไม่ได้ไปพูดไปทำอะไร งานกองทัพก็ไม่มีอะไรที่จะประสบความสำเร็จ  งานของสภาก็มีหน้าที่ค้ำบัลลังก์ให้กับพลเอกประยุทธ์ 

ผู้ก่อตั้งกลุ่มไทยไม่ทน กล่าวว่า พ.ร.ก. เงินกู้5 แสนล้านบาท โดยกล่าวอ้างสถานการณ์โควิด แต่ไม่มีใครรู้รายละเอียดว่าเอาไปทำอะไรบ้าง มีการคาดการณ์กันว่าจะเอาเงิน 5 แสนล้านบาทนี้ ไปหว่าน แล้วก็จะยุบสภา จะได้เปรียบในการเลือกตั้ง ชนะแล้วก็กลับมาใหม่ คือคิดยิ่งกว่านักเลือกตั้งสามานย์ปกติเสียอีก

"ใช้เงิน 5 แสนล้านบาท หว่านลงไป การเลือกตั้งไม่ทอดยาว เพราะหากทอดยาวจะหาเงินมาแจกอีกไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ใช้เงินกู้ เอาเงินประชาชนมาแจกประชาชนแล้วเอาบุญคุณกับประชาชน คิดกันได้เท่านี้ ไม่ได้คิดว่าระยะยาวประชาชนจะพ้นจากความอดตายได้อย่างไร จะพ้นจากสถานการณ์โควิด ได้อย่างไร ทุกอย่างกลายเป็นปัญหาทั้งหมด แล้วใน ปัญหาทั้งหมดนั้น พลเอกประยุทธ์ คือศูนย์กลางของปัญหา ถ้าเป็นคนที่มีศักยภาพ เรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกิด การที่เป็นนายกรัฐมนตรีมาจาก 7 ปี แล้วบ่มีไก๊เลย อธิบายมุมใดที่ประสบความสำเร็จก็ไม่ได้แม้แต่เพียงมุมเดียว"

นายจตุพร ย้ำว่าสำคัญที่สุดคนยิ่งมาจากการ เป็นผู้บัญชาการทหารบก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาสัจจะวาจา ดังนั้นทุกเรื่องราวที่มีการพูดไม่เคยรักษาคำพูด7 ปีนี้ ยังไม่พออีกหรือ ประเทศไทยได้ให้อะไรกับพล.อ.ประยุทธ์มากมาย ได้เวลาหรือยังที่จะคืนความสุขให้กับประเทศไทยบ้าง โดยข้อเท็จจริงนั้นตลอดระยะเวลาที่บอกว่าคืนความสุขให้ประเทศไทย แต่ไม่เคยมีวันใดที่ประชาชนคนไทยจะมีความสุขแม้แต่เพียงคนเดียว 

“หลังพ้นโควิด คิดว่า ถ้าชุมนุมใส่หน้ากากกัน ก็ต้องทำ ถ้ามันมีความจำเป็น วันนี้ทุกฝ่ายควรเสียสละ แม่ทัพนายกองลาออกจากสว. พรรคการเมืองก็ต้องเสียสละ ไม่เช่นนั้น ไม่มีทางจัดการกับเผด็จการ การสืบทอดอำนาจ อำนาจที่แท้จริงควรเป็นของประชาชน ขอเชิญชวนทุกฝ่าย ด้วยความวาดหวังว่า การสามัคคีประชาชน จะนำพาซึ่งความสำเร็จ เราต้องส่งมรดกให้รุ่นลูก รุ่นหลาน ที่ไม่ต้องมาต่อสู้เหมือนพวกเรา วาดหวังว่า บ้านเมืองนี้อะไรก็เกิดได้ ขอเพียงมีความมุ่งมั่น มีความฝัน วันนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้ามีความศรัทธา ความเชื่อมั่นในประชาชน ไม่เช่นนั้น ก็มีแต่ขุนศึกกับทุนที่ผูกขาด ทุนเดียวจ่ายทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน เราต้องจัดการทั้งรัฐบาลสืบทอดอำนาจและทุนผูกขาด”นายจตุพรกล่าว.