เที่ยวปีนัง เมืองมรดกโลก


เพิ่มเพื่อน    

นั่งสามล้อยลสถาปัตยกรรมสวยงามและงานศิลปะในเมืองปีนัง

ใครที่อยากพาครอบครัวแบ็กแพ็กไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกแล้วยังคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี เราแนะนำที่ 'ปีนัง' ประเทศมาเลเซีย เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังใกล้ๆ ประเทศไทยนี่แหละเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะใช้งบไม่เยอะ และได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ นับเป็นการเปิดหูเปิดตาที่ไม่เลว

ดื่มด่ำสถาปัตยกรรมงดงามทรงคุณค่า

ปีนังหรือจอร์จทาวน์ ชื่อนี้คุ้นหูสำหรับเราๆ คนไทย ตั้งอยู่ในคาบสมุทรมลายู มีภูมิสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่ไม่ซ้ำใคร ทั้งในตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2551 นอกจากเขตเมืองเก่าจอร์จทาวน์ที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเดินทางมาตลอดทั้งปี ปีนังยังเต็มไปด้วยสีสันแห่งศิลปะสตรีทอาร์ตที่มีให้ชมและเช็กอินทั่วเมือง รวมทั้งยังโดดเด่นเรื่องอาหารการกิน เมนูมีทั้งจีน อินเดีย เครื่องเทศจัดๆ และอาหารพื้นเมือง สตรีทฟู้ดก็มีให้เลือกมากมาย อร่อยแถมราคาสบายกระเป๋าพอกับบ้านเรา

ถ่ายรูปฮิปๆ กับภาพวาดสตรีทอาร์ต 'Brother And Sister On Swing'

บินไปปีนังใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ทริปนี้มีตั๋วโปรฯ ไป-กลับราคาไม่ถึง 3,000 บาท จากสนามบินเราใช้บริการเรียก Grab Taxi เข้าเขต Core Zone เป็นโซนหลักของเมืองจอร์จทาวน์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ลงรถที่บริเวณสี่แยกถนน Armenian ซึ่งเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวนานาชาติ จะมีกลุ่มสามล้อที่มารอบริการนักท่องเที่ยวชมเมือง บรรยากาศคึกคักทั้งวัน บริเวณใกล้แยกเป็นที่ตั้งของวัด Yap Temple เป็นวัดของชาวจีนตระกูลแซ่ Yap ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในปีนัง

เที่ยวปีนัง ดื่มด่ำสีสันแห่งศิลปะสตรีทอาร์ต

เราเลือกพักแถวถนน Lebuh Armenin แนวถนนนี้มีที่พักให้เลือกมากมายตามงบประมาณ สำหรับ Armenian suite Hotel ที่เราพักเก๋มากๆ เลย เป็นอาคารเก่าสวยงาม มีสถาปัตยกรรมจีนผสมยุโรป และไม่ไกลจากย่านสตรีทอาร์ตด้วย เก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องออกค้นหาสตรีทอาร์ตยอดฮิตที่มีมากมายสองข้างทาง

แค่ก้าวออกจากประตูโรงแรมก็มีภาพวาดสตรีทอาร์ตบนผนังตึกรูปหนุ่มน้อยยกมือป้องปากกระซิบสีม่วงสดใส ข้างๆ กันมีประติมากรรมเหล็กดัด อีกสัญลักษณ์อาร์ตๆ ของปีนัง ชื่อ 'Too Naroow' เป็นรูปคนลากรถเจ๊ก ยุคหนึ่งรถลากเหล่านี้เคยครองถนน สำหรับงานสร้างสรรค์ศิลปะเหล็กดัดที่มีชีวิตชีวา มีถึง 51 จุดแทรกตามผนังตึก บ้านเรือนเก่าแก่ เป็นฝีมือของศิลปินมาเลย์ ทั้งนักวาดการ์ตูน นักแอนิเมชั่น งานศิลป์นี้ไม่เพียงบอกเรื่องราวสถานที่ แต่ช่วยแนะนำประเพณี ความเชื่อ ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของเมืองมรดกโลก ส่วนด้านหน้าตึกมีรูป 'Lion Dance' ร้านเช่าจักรยาน ถัดไปยังมีภาพวาดบนประตูร้านจักรยาน

บรรยากาศอาร์ตๆ ความงดงามและมนต์เสน่ห์บ้านเรือนเก่าโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมจีนผสมยุโรป ทำให้การเดินเที่ยวสำรวจงานศิลปะเจ๋งๆ ของศิลปินบนผนังเก่าๆ มีแต่ความรื่นรมย์ ช่วงที่ไปเข้าหน้าฝนพอดี แต่ไม่เจอฝน ถือว่าโชคดีมากๆ กางแผนที่ท่องเที่ยวแล้วไปต่อ เป็นภาพ 'Kids On Bicycle' เป็นหนึ่งในภาพวาดสตรีทอาร์ตที่โด่งดังบนเกาะปีนัง ภาพนี้มีคนเข้าคิวรอถ่ายรูปตลอดวัน จากนั้นเป็นภาพวาดแมวตัวใหญ่ 'Skippy' ภาพนี้จะมีรถมาจอดบังประจำ หามุมโล่งๆ ถ่ายยากอยู่ ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านกาแฟฮิปๆ ปรับจากโกดังเก็บของ ชื่อ 'Gudang Cafe' ร้านเปิด 11 โมงถึงดึกดื่น เข้าไปเติมกาเฟอีนกันได้

  

ต่อด้วยภาพวาด 'I Want Pau' น่ารักสุดๆ เด็กน้อยหญิงชายพยายามเอื้อมมือลอดลูกกรงหน้าต่างมาหยิบซาลาเปาในเข่งบนรถจักรยานคันนี้ เป็นอีกภาพดังสุดๆ ทำให้เราต้องปีนขึ้นจักรยานเพื่อเก็บภาพความทรงจำ จุดนี้มีร้านขนมที่พลาดไม่ได้เลยในปีนัง คือ ร้าน Ming Xiang Tai ร้านขนมเก่าแก่ เปิดมาตั้งแต่ปี 2522 มีถึง 5 สาขาในปีนัง แต่สาขาที่เราไปอยู่บนถนน Amenian Street Ghaut ความโดดเด่นของขนมร้านนี้คือ ขนมเปี๊ยะ พัฟ และทาร์ตไข่ เป็นสูตรดั้งเดิม Signature ของร้านคือ ขนมเปี๊ยะไส้สังขยามะพร้าว พัฟสังขยา และทาร์ตไข่ลูกโตๆ ไส้แน่นๆ รสชาติไม่หวานมาก กำลังอร่อย ร้านอบใหม่ตลอดทั้งวัน ราคาตกชิ้นละ 2.2-2.5 มาเลเซียริงกิต (RM) ห้ามพลาดที่จะชิมกัน หรือซื้อกลับเป็นของฝากก็บรรจุในแพ็กเกจสวยงาม ร้านนี้ยังเอาใจนักท่องเที่ยวเอเชียเพิ่มด้วยการทำขนมเปี๊ยะไส้ทุเรียน สับปะรด ไก่หยอง ชาเขียว และอีกสารพัดไส้

ภาพสตรีทอาร์ต "I Want Pau" 

ถ้าเดินเข้ามาจากหลังร้านนี้ จุดที่มีภาพ "I Want Pau" จะได้กลิ่นหอมๆ ของเครื่องยาจีนบักกุ๊ดเต๋ ไม่ต้องแปลกใจ ที่นี่มีบักกุ๊ดเต๋กระดูกหมูชิ้นยาวๆ สูตรมาเลย์ (บักกุ๊ดเต๋น้ำดำ) อร่อยเข้มข้นมากๆ ถ้าจะซื้อเครื่องบักกุ๊ดเต๋ (ห่อละ 18 RM) กลับไปทำที่บ้านก็ไม่ใช่เรื่องยาก

เที่ยวชุมชนประมง Chew Jetty รอชมพระอาทิตย์ตก

เย็นวันนั้นเราเดินเล่นไปจนสุดถนน Armenian แล้วข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เที่ยวต่อที่ Chew Jetty อีกสถานที่ท่องเที่ยวของปีนังที่น่าสนใจเป็นชุมชนประมงเก่าแก่ เกาะปีนังล้อมรอบด้วยทะเล อดีตคนพื้นเมืองยึดอาชีพประมง ที่นี่มีความคลาสสิก เดินผ่านบ้านไม้เก่าหลายบ้านปรับเป็นร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว และบางหลังทำเป็นโฮมสเตย์ริมน้ำ สุดทางเดินก็ได้เห็นบรรยากาศท้องทะเลสวยๆ ทุกวันมีนักท่องเที่ยวมารอชมพระอาทิตย์ตกและขึ้น

เช้าวันรุ่งขึ้นเราไปเที่ยวปีนังฮิลล์ Penang Hill จากจอร์จทาวน์ เดินทางไปโดย Grab Taxi เหมือนเดิม ค่าขึ้นชมปีนังฮิลล์โดยรถรางคนละ 30 RM เกือบ 300 บาท ก็ไม่แพงเพราะได้ขึ้นเขาเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองที่ติดชายทะเล ชมทะเลหมอกของปีนัง สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ที่นี่มีทั้งจุดชมวิว 360 องศา เส้นทางศึกษาความงดงามของธรรมชาติ มัสยิด วัดแขก บ้านตากอากาศเก่าแก่ ตู้ไปรษณีย์สีแดงสมัยควีนวิกตอเรีย สถานที่คล้องกุญแจรัก Love Lock และพิพิธภัณฑ์ เข้าชมได้ บางจุดมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อีกไฮไลต์ที่นี่เป็นร้านกาแฟกลางป่าชื่อ Kopi Hutan เราได้นั่งจิบกาแฟร้อนกับบลูเบอร์รีชีสเค้กเข้ากัน

ตื่นตากับทิวทัศน์ 360 องศาที่ปีนังฮิลล์

หลังจากเที่ยวชมธรรมชาติกันแบบเต็มอิ่ม มาต่อกันที่วัดเก็กลกสี่ หรือ Temple of Supreme Bliss เป็นวัดพุทธลัทธิเต๋าที่มีชื่อเสียงมากสุดในปีนัง และเป็นวัดพุทธที่ยิ่งใหญ่อลังการ ตั้งอยู่บนเนินเขา Air Itam มีความสวยงามโดดเด่นที่หอสวดมนต์ เจดีย์ หอระฆัง ภายในวัดเงียบสงบและสามารถเดินเล่นได้หลายชั่วโมง ครอบครัวได้ทำบุญเสริมสิริมงคลที่นี่กันด้วย ขากลับจอร์จทาวน์ รถผ่านป้อมปราการเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ชื่อ Cornwallis ตกเย็นเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวชมเมือง โดยส่งพ่อแม่ฮิปเตอร์นั่งสามล้อยลเมืองเก่าเคล้างานศิลปะ สนนราคา 250 บาท ราว 40 นาที แต่ใครอยากแวะจอดถ่ายรูปตามจุด ราคาจะเพิ่มเป็น 400-500 บาท ประมาณ 1 ชั่วโมง ราคาตกลงกับคนถีบสามล้อเอาเลย หรือใครจะปั่นชมเมืองก็ฮิปๆ

วัดเก็กลกสี่ ยิ่งใหญ่ อีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาด

ส่วนสองพี่น้องเดินตามตรอกซอกซอยกับถนนเส้นต่างๆ เก็บภาพสตรีทอาร์ตที่เป็นแลนมาร์คของปีนังอีกหลายชิ้น รอช้าอยู่ทำไม ไปกันเลย ทั้งภาพ ' Brother And Sister On Swing' ภาพ 'Children Playing Basketball' ภาพวาด 'Old Motocycle' สุดเท่ แล้วก็ภาพ 'Boy On Chair' ใครมาก็ต้องถ่าย ภาพสตรีทอาร์ตเป็นผลงานของศิลปินหลากหลายชาติ วันนี้ยังลองไปเที่ยวย่าน little India ในปีนังด้วย ไม่ไกลกัน 

เดินเล่นย่าน little India ในปีนัง

มาปีนังต้องไม่พลาดอาหารอร่อยที่ถนน Chulia เป็นศูนย์รวมอาหารแนวสตรีทฟู้ด ได้ลองชิม Wonton Mee คล้ายบะหมี่หมูแดงบ้านเรา รสชาติถูกปาก ใกล้ๆ กันมีร้านไก่สะเต๊ะฟินมากๆ ส่วนอาหารมื้อเช้าจัดเมนูติ่มซำที่ร้าน Tho Yuen Restaurant อีกร้านเก่าแก่ ดีงามไม่น้อยกว่าร้านดัง Tai tong ติ่มซำ ฮะเก๋า ซาลาเปา และของทอดกินคู่กับน้ำชาเก๊กฮวย อิ่มจนจุก

ทริปเดียวเที่ยวให้คุ้ม ปิดท้ายก่อนติดปีกบินกลับไทย ไปเที่ยวทะเลสวยๆ กันที่ Batu Ferringhi beach ห่างจากตัวเมืองราว 40 นาที แม้จะเจอฝนพรำแต่ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ ทะเลที่นี่สงบ ไม่วุ่นวาย อยากให้มาเที่ยวกัน 3 วัน 2 คืน ที่สนุกสนานและอบอุ่น ได้เที่ยวสถาปัตยกรรมจีนกลิ่นอายยุโรป เห็นทั้งภูเขา ทะเล รวมไปถึงงานศิลปะ เชื่อเลยว่าใครมาก็ต้องประทับใจแน่นอน ว่าแล้วอย่ารอช้า หาวันเวลาพาครอบครัวคนที่เรารักมาที่ปีนังกันได้เลย   

สถาปัตยกรรมมีคุณค่ายังคงรักษาไว้ในเมืองมรดกโลกปีนัง    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"