ไทยไม่ทนยังคึก "จตุพร"  นัดเดินสาย 4 วันติด เรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว-บิ๊กตู่ลาออก โวลั่นนัดชุมนุมใหญ่คนจะมาร่วมยิ่งกว่าเขื่อนแตก  ขู่พร้อมยกระดับการเคลื่อนไหว "หมู่อาร์ม" แฉกองทัพทำบัญชีปลอม ใส่ชื่อนักเรียนเบิกงบอบรมต้านยาเสพติด สุดท้าย อมเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง

    เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่ห้องประชุมไทยไม่ทน สถานีโทรทัศน์พีซทีวี ย่านรามอินทรา ยังคงมีการจัดปราศรัยออนไลน์เพื่อวิพากษ์วิจารณ์การบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ยังเหมือนหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คือเน้นโจมตีการบริหารประเทศมายาวนานกว่า 7 ปี แต่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เกิดความเสียทางเศรษฐกิจ รวมทั้งบริหารจัดการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ล้มเหลวอย่างไร้ประสิทธิภาพ  
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.และแกนนำกลุ่มไทยไม่ทน กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.เป็นต้นไป กลุ่มไทยไม่ทนฯ นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์, นายวีระ สมความคิด, นายไทกร พลสุวรรณ และตน จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงหน่วยงานและบุคคลต่างๆ โดยวันจันทร์ที่ 24 พ.ค. เวลา 10.00 น. ยื่นหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) ที่กระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากก่อนการเลือกตั้งพรรค ปชป.เคยประกาศจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่ภายหลังเลือกตั้งกลับตระบัดสัตย์ ทรยศการตัดสินใจประชาชน จึงต้องไปเรียกร้องให้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล จากนั้นวันอังคารที่ 25 พ.ค. เวลา 10.00 น. ไปยังทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่ง
    นายจตุพรกล่าวอีกว่า จากนั้นวันที่พุธ 26 พ.ค. เวลา 10.00 น. ไปพรรคภูมิใจไทย เรียกร้องให้ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล วันพฤหัสบดี 27 พ.ค. เวลา 10.00 น. ไปกองบัญชาการทหารบก ยื่นหนังสือให้ผู้บัญชาการทหารทำหน้าที่ทหาร อย่าทำหน้าที่นักการเมือง เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ไม่ควรมาค้ำบัลลังก์ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งการไปยื่นหนังสือถึงหน่วยงาน บุคคลต่างๆ เพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่าด้วยสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรอยู่ในตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ฉลาดในการรักษาอำนาจ แต่โง่ในการแก้ไขปัญหา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ใช้งบประมาณมากที่สุด กู้มากที่สุด คนเดือดร้อนมากที่สุด แก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองไม่ได้ เราจึงต้องลุกมาจัดการจัดการรัฐบาลตระบัดสัตย์ ไม่ทำตามคำมั่นสัญญา
    "ไม่ใช่การเปลี่ยนม้ากลางศึก เมื่อม้าใช้ไม่ได้ ต้องเอาไปรักษา เอาไปรบไม่ได้ ไม่เช่นนั้นประเทศก็จะเสียดินแดน หากพล.อ.ประยุทธ์เป็นม้าสมบูรณ์ คล่องแคล่ว ไปเปลี่ยน ไอ้นั่นเรียกว่าเปลี่ยนม้ากลางศึก แต่ในวันนี้ม้าขาขาด จึงต้องเปลี่ยน ที่ถามไม่เอาประยุทธ์เอาใคร ก็ต้องบอกว่าใครก็ได้ที่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่าหากวันหนึ่งพอจะออกไปชุมนุมกันได้ เชื่อว่าจะยิ่งกว่าเขื่อนแตก อย่างไรก็ดี สิ่งที่พวกเราเริ่มต้นมา ได้รับการขานรับเป็นอย่างดี นับจากวันจันทร์เป็นต้นไป จะเริ่มยกระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าประยุทธ์จะออกไป" นายจตุพรกล่าวย้ำ
    จากนั้น นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวเช่นกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งนิสัย พฤติกรรม คล้ายกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เข้าไปทุกที ควรไปพบจิตแพทย์บ้าง ไม่ใช่คำกล่าวหา แต่เป็นความหวังดี หลังจากเลือกตั้ง เป็นที่ชัดแจ้งแล้วว่าแก้ปัญหาอะไรได้ เราไม่อยากให้ประเทศฉิบหายไปพร้อมกับพล.อ.ประยุทธ์ ถึงเวลากดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกไป
    ด้าน ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี อดีตนายทหารผู้มาเปิดโปงการทุจริตในกองทัพ  หรือหมู่อาร์ม กล่าวว่า มีการทุจริตเบี้ยเลี้ยงเกี่ยวกับงบยาเสพติด มีการนำรายชื่อเด็กนักเรียนทั้งชายหญิงอายุไม่ถึง 15ปี นำมาใส่เพื่อเป็นข้อมูลขอเบิกเงินที่เป็นภาษีประชาชน โดยที่เด็กนักเรียนเหล่านั้น ไม่รู้เรื่องด้วย ซึ่งอาจจะมีการปลอมแปลงลายเซ็นนักเรียนในภายหลังเพื่อขอเบิกเงิน โดยเรื่องนี้ทางฝ่าย ป.ป.ช.ไต่สวนเบื้องต้น ระบุมีการทุจริตจริง กรณีนี้ไม่รู้ว่าทหารนำรายชื่อมาได้อย่างไร หากโรงเรียน-กองทัพไม่ฮั้วกัน จะเกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อนำมาเบิกเงินค่าอาหารในการจัดโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เยาวชนต่อต้านยาเสพติด ทั้งที่ไม่ได้อบรมจริง แต่อาศัยชื่อเด็กเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
    "เป็นการกระทำเลวมากของชายชาติทหาร โดยการเบิกเงิน แม้มีใบเสร็จ ก็ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาออกมา พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน คือการเอื้อประโยชน์ การให้ผู้ใต้บังคับบัญชาออกใบเสร็จ ถ้าไม่ยินยอม ก็เท่ากับทำผิดวินัยทหารข้อที่ 1  ไม่ปฏิบัติตามผู้บังคับบัญชา" หมู่อาร์มกล่าว.