ชัดเจนแล้วว่า มิน อ่อง หล่าย กำลังจะหักดิบกับผู้นำอาเซียนอีก 9 ประเทศหน้าตาเฉย
หากข่าวของสื่อท้องถิ่นเมียนมาเป็นจริง แกต่ออายุตัวเองเรียบร้อยแล้ว
และเตรียมจะยุบพรรค NLD ของอองซาน ซูจี
นั่นแปลว่ารัฐบาลทหารที่มาจากการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์นั้น ไม่มีความตั้งใจที่จะทำตามฉันทามติ 5 ข้อที่ตกลงกันในการประชุมผู้นำอาเซียนที่กรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมาเลย
สองข่าวที่มาใกล้ๆ กันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจึงตอกย้ำว่าเรายังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แม้แต่น้อย
นั่นแปลว่าเพื่อนทางตะวันตกของเรากำลังจะกลับไปสู่ยุคมืดของการปกครองแบบเผด็จการทหารเต็มตัวอีกครั้งหนึ่ง
อาจจะมีการจัดฉากว่ามีการเลือกตั้ง แต่เป็นการหย่อนบัตรที่อยู่ภายใต้การกำกับสั่งการของกองทัพในทุกรายละเอียด
สื่อท้องถิ่นเมียนมาและสื่อต่างประเทศรายงานตรงกันว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งเมียนมา (UEC) ที่แต่งตั้งโดยสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) หน่วยงานที่จัดตั้งขึ้น โดยกองทัพเตรียมยุบพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของอองซาน ซูจี
กกต.พม่าอ้างว่ามีการทุจริตอย่างกว้างขวางในการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา จนพรรคของอองซาน ซูจี ได้รับชัยชนะเหนือผู้สมัครจากกองทัพเมียนมาอย่างท่วมท้น
"การกระทำของพรรค NLD ช่วงการเลือกตั้งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ดังนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องยุบพรรคนี้
สิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไปเป็นการทรยศชาติต่อชาติ"
ถึงวันนี้อองซาน ซูจี ยังถูกควบคุมตัวโดยกองทัพหลังรัฐประหารผ่านมานานเกือบ 4 เดือนแล้ว
แต่น่าสังเกตว่ามติของ กกต.เมียนมาตรงกันข้ามกับรายงานของผู้สังเกตการณ์อิสระอย่างเครือข่ายเพื่อการเลือกตั้งเสรีในเอเชีย (ANFREL)
ที่ระบุว่าไม่พบหลักฐานการทุจริตในการเลือกตั้ง ของเมียนมาในปี 2020 ที่กองทัพใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ
ANFREL ส่งทีมเฝ้าติดตามและสังเกตการณ์กว่า 400 หน่วยเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา และรายงานว่าพบความไม่ปกติในการจัดการเลือกตั้งอยู่บ้าง ส่วนหนึ่งเกี่ยวโยงกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
อีกทั้งมีประเด็นความขัดแย้งภายในประเทศอย่างอื่น
แต่ผลการเลือกตั้งก็ยังคงสะท้อนเจตจำนงของประชาชนชาวเมียนมา
อีกด้านหนึ่ง หลายสำนักข่าวรายงานตรงกันว่า พลโทเมียว ซอ เต็ง ได้ลงนามยกเลิกการจำกัดอายุราชการผู้บัญชาการทหารบกและรองผู้บัญชาการทหารบกไว้ที่ 65 ปี
แต่ไม่ได้ประกาศว่าอายุเกษียณราชการใหม่คืออะไร
นั่นแปลว่า พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย สามารถดำรงตำแหน่งในกองทัพต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะแต่งตั้งคนอื่นขึ้นมาแทน
หรือเมื่อตนยินยอมลงจากตำแหน่งเอง
สำนักข่าวอิรวดีบอกว่า ความจริงคำสั่งนี้มีการลงนามตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
หรือเพียง 3 วันหลังการยึดอำนาจ 1 กุมภาพันธ์ 2021 เท่านั้น
คำประกาศลงในหนังสือราชการเรียบร้อยแล้วและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2021
นั่นคือก่อนวันที่มิน อ่อง หล่าย จะอายุครบรอบ 65 ปี เดือนเศษๆ เท่านั้นเอง
ก่อนหน้านี้ กฎหมายกำหนดให้ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ ต้องเกษียณอายุราชการที่ 65 ปี หรือหลังจากดำรงตำแหน่งนั้นๆ นาน 4 ปี
แต่ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ทำให้พวกเขาสามารถดำรงตำแหน่งเหล่านี้ได้เพิ่มอีก 2 ปี “หากมีความจำเป็น”
ยุคสมัยที่เมียนมายังคงเป็นเผด็จการเต็มรูปแบบนั้น ณ ปี 1973 สภากลาโหมสมัยนั้นอนุญาตให้นายทหารสามารถปฏิบัติหน้าที่ยาวนานเท่าใดก็ได้ตามที่มีความจำเป็น
แต่เมื่อประเทศเปลี่ยนผ่านทางการเมือง มีการเลือกตั้งปี 2015 อันมีผลให้พรรค NLD ของอองซาน ซูจี ได้รับอาณัติจากประชาชนด้วยเสียงท่วมท้น ก็มีการแก้ไขกฎหมายให้จำกัดอายุเกษียณไว้ที่ 65
จึงเห็นได้ว่าที่มิน อ่อง หล่าย ตัดสินใจยึดอำนาจนั้นมิได้เพราะมีหลักฐานการ “ทุจริตการเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง” อย่างที่ใช้กล่าวอ้างอย่างเป็นทางการ
หากแต่มีเหตุผลที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของตัวมิน อ่อง หล่าย และกองทัพเมียนมาที่ไม่ยอมให้อำนาจบารมีของตนหดหาย เพราะประชาชนเริ่มจะมีสิทธิ์มีเสียงในการปกครองบ้านเมืองมากขึ้นตามลำดับ
การถอยหลังเข้าคลองของการเมืองเมียนมาครั้งนี้ย่อมหมายถึงความยุ่งเหยิงสับสนและล่มสลายของสังคมเมียนมาในเกือบทุกๆ ด้าน
ยกเว้นเสียแต่ว่าจะมีความพยายามของนานาชาติที่จะเข้ามากดดันมิน อ่อง หล่าย และกองทัพเมียนมาอย่างเป็นรูปธรรมเท่านั้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |