31 พ.ค.61- สภาพร้านค้า – อาหารพาณิชย์- ตึกแถวที่พักอาศัยกว่า  30 คูหา รายรอบสนามมวยราชดำเนิน  เงียบเหงา ประตูเหล็กปิดตายมาพักใหญ่ เหลือเพียงร้านกาแฟสดที่กำลังจะปิดตัวลงในไม่กี่วัน เนื่องจากเจ้าของสนามมวยราชดำเนินฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อให้พ้นจากบริเวณดังกล่าว เพื่อนำที่ดินไปสร้างศูนย์อาหาร และ ร้านค้า ในรูปแบบ คอมมูนิตี้ มอลล์  แต่จากการบอกเล่าของชาวบานย่านนั้น ระบุว่า “แบบไม่ผ่าน “ 

สนามมวยราชดำเนิน ถือว่า เป็นสนามเก่าแก่อยู่ในวิถีคนไทย ที่ชอบการต่อสู้ในรูปแบบมวยไทย และ แหล่งศูนย์การเสี่ยงโชค วัดดวง รวมไปถึง ชาวต่างชาติที่นิยมเข้าชมศิลปะมวยไทย แบบต่อยจริง เจ็บจริง ไม่มีโชว์แบบมวยปล้ำ

ร้านค้าที่โด่งดังที่อยู่ติดกับสนามมวยที่ถือเป็น ดงส้มตำติดแอร์ในยุค 20 ปีที่แล้ว  ไล่ตั้งแต่ ลิขิตไก่ย่าง ส.โภชนา เจริญผล และไนต์คลับเล็กๆ ที่ “นักเล่น” มักจะเข้าไปพักผ่อนหลังมวยเลิก ล้วนต่างก็ปิดกิจการไปหมดแล้ว  จะมีแต่ ลิขิตไก่ย่าง ที่ยังมีอาคารพาณิชย์อีกหนึ่งคูหาด้านหลังซึ่งก็ยังเปิดขายอยู่ แต่น่าจะคนละครัวกับร้านต้นตำรับ    

ชาวบ้านเล่าว่า ข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านที่ถูกไล่ที่จากสนามมวยราชดำเนิน ต่างไปขอความเป็นธรรมจากหลายองค์กรและมีการถวายฎีกา แต่ไม่เป็นผล เพราะกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของวัด และมอบให้หน่วยงานหนึ่งเข้ามาบริหาร โดยเจ้าของสนามมวยได้เช่าสิทธิ์มาอีกที ผู้อาศัยที่อยู่รอสนามมวยที่อาศัยกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ ย่าตา ยาย ถูกฟ้องร้องให้ออกจากที่ดินดังกล่าวโดยอ้างสิทธิ์การเช่าของผู้ประกอบการสนามมวยซึ่งเป็นรุ่นลูกหลานที่มารับช่วงต่อกิจการ 

“แต่ก่อนหน้านี้  มีการเรียกเก็บค่าเสียหาย บางรายต้องกู้เงินมาถึง 5 แสนบาท เพื่อเอาไปจ่าย แต่อยู่ได้ปีเดียวก็ต้องออก  ออกไปก็ไม่มีค่าชดเชย  ป้าขายข้าวแกงตรงริมถนนติดกับ ลิขิตไก่ย่าง ที่ขายมาเป็นสิบปี เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ของสนามมวย ก็ต้องไป ญาติบอกว่าแกเสียใจมาก ตอนนี้แกเสียชีวิตไปแล้ว” ชาวบ้านในบริเวณนั้นระบุ   

ทั้งนี้ สนามมวยราชดำเนินในปัจจุบัน เปลี่ยนมือไปยังผู้บริหารรุ่นลูก ตัวเลขผลประกอบการในช่วง 4 ปีหลังถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เนื่องจาก มีการย้ายสนามมวยลุมพินีไปอยู่ที่ รามอินทรา ซึ่งผู้ชมมวยเห็นว่าเดินทางไกลและราคาตั๋วแพงกว่าราชดำเนิน จึงต่างไหลมารวมที่นี่ และ สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองบนถนนราชดำเนินไม่มีแล้ว ทำให้ตารางมวยเป็นไปตามกำหนด