22 พ.ค.64 - มีรายงานว่า ในวันที่ 24 พ.ค.นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสกัดกั้นต่างด้าวลักลอบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายประชุมเพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในระลอก3 มีการจับกุมแรงงานต่างด้าวได้ที่บริเวณชายแดน ช่องทางธรรมชาติจำนวนมาก จากการนำพาของนายหน้าส่งไปยังผู้ประกอบการในโรงงาน และ กิจการต่างๆ ในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และ หลายจังหวัดทั่วประเทศ หลังจากมาตรการของฝ่ายมั่นคงที่ได้เฝ้าตรวจชายแดนด้วยบุคคลากร เครื่องมือต่างๆ อย่างเต็มที่ในการสกัดเชื้อสายพันธ์อินเดีย และ แอฟริกา โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนตะวันตก และ ชายแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่ก็ยังมีเชื้อสายพันธ์อินเดียเข้ามาได้ และพบแรงงานในแค้มป์คนงานหลักสี่ติดเชื้อ

มีรายงานด้วยว่า ในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเพื่อหาต้นทางที่นำเชื้อสายพันธ์อินเดียเข้ามา เพื่อเร่งควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีการแพร่กระจายออกไป นอกจากการตรวจสอบใบอนุญาตของแรงงานทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่แล้ว ต้องดูการออกไปสัมผัสใกล้ชิดกับต่างด้าวนอกพื้นที่ หรือ นัดกันเข้ามาพูดคุย สังสรรค์ รับประทานอาหารกันในแคมป์ เนื่องจากแรงงานที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ มักมีความใกล้ชิดกัน เป็นญาติ เพื่อนฝูง ที่กระจายอยู่ในกิจการต่างๆ เมื่อวันหยุดพักก็จะนัดพบกัน โดยต้องสืบสวนต่อไปว่า แรงงานที่เชื่อมโยงกันนั้นเข้าเมื่องอย่างถูกกฎหมายหรือไม่

แหล่งข่าว ระบุว่า ลักษณะแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายยังคงลักลอบเข้ามาทางชายแดนธรรมชาติ ไม่ใช่การทะลักหนีตายเข้ามาเพราะความไม่ปลอดภัยภายในประเทศ หรือ ปัญหาภาพรวมเศรษฐกิจแบบ“โรบินฮู้ด” แต่เป็นลักษณะของการเตรียมการ นัดแนะ โดยมีผู้นำพาอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ระยะทางชายแดนไทย-เมียนมาร์ กว่า 2,000 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่สามารถข้ามไปมาได้ประมาณ 1,000 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ระดมกำลังเฝ้าตรวจตลอด 24 ชม. และจับกุมได้รายวันโดยอาศัยทั้งการลาดตระเวน กล้องวงจรปิด โดรน  จากงานด้านการข่าว แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่สามารถอุดรูรั่วเหล่านั้นได้ 100 เปอร์เซ็นต์

สำหรับข้อมูลของฝ่ายความมั่นคง พบว่าในการสอบสวนผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่มีปลายทางชัดเจนทั้งชื่อบริษัท เขต จังหวัดที่จะไป จากการประสานงานจากเอเย่นต์ฝั่งไทยกับพม่า ในการขนส่งเข้าพื้นที่ชั้นในให้ได้ ซึ่งข้อมูลในการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถทราบได้ว่าผู้ประกอบการรายใด ออร์เดอร์แรงงานต่างด้าวนั้นเข้ามาซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งเข้าไปตรวจสอบ