เรียนๆเล่นๆอยู่บ้านแบบฉลาด พ่อแม่สวมบท"ครูพร้อม"จำเป็น


เพิ่มเพื่อน    

 ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดนั้น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณน้องๆ หนูๆ หยุดเรียนบ่อยๆ และการเรียนออนไลน์จึงเข้ามาแทนที่การเรียนกับคุณครูหน้าชั้นเรียน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

            จึงเกิดคำถามว่า ภาวะเรียนออนไลน์ที่บ้านจะส่งผลต่อพัฒนาการสมองตามวัย รวมถึงพัฒนาการด้านร่างกาย อีกทั้งการเข้าสังคมของเด็กๆ หรือไม่ อย่างไร เพราะครูบาอาจารย์ไม่อาจตามไปกำกับดูแลพฤติกรรมการเรียนของเด็กๆ นอกจากนั้นแล้ว มองข้ามชีวิตจริงไม่ได้ว่า การที่เด็กหยุดเรียนบ่อยๆ นั้น โอกาสที่เด็กจะเฝ้าหน้าจอและเล่นเกมออนไลน์ กระทั่งติดการแชตกับเพื่อนๆ ผ่านโซเชียลมีค่อนข้างสูง

            เพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้เชี่ยวด้านเด็ก ผู้ปกครอง คุณครู ร่วมกันดูแลเด็กในวัยเรียนให้มีพัฒนาการทางด้านสมองและร่างกายเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ท่ามกลางโรคระบาดดังกล่าว มีผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาสะท้อนมุมมอง และแนะทางออกของปัญหาที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องสวมบท "ครูพร้อม" จำเป็น ไว้อย่างน่าคิดและน่าสนใจ นำไปประยุกต์ใช้ในวิถีเรียนๆ เล่นๆ อยู่กับบ้านวันนี้

                พญ.อดิศร์สุดา เฟื่องฟู หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทาง พัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า “อันที่จริงแล้วการที่เด็กหยุด เรียนออนไลน์และเล่นอยู่บ้านในช่วงที่มีโรคโควิด-19 ระบาดนั้น ย่อมมีผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กอยู่แล้ว เพราะเด็กจำเป็นจะต้องมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเมื่อไรที่เด็กเรียนไม่ต่อเนื่องก็ย่อมจะทำให้การเรียนรู้ถดถอยลง สิ่งสำคัญคือ การเรียนออนไลน์ของเด็กเล็กวัยอนุบาลอาจจะไม่เหมาะสม เนื่องจากการเรียนออนไลน์จะเหมาะกับเด็กวัยประถมศึกษาเป็นต้นไป จนถึงระดับมัธยมต้น มัธยมปลาย และระดับมหาวิทยาลัย เพราะเด็กวัยอนุบาลสมาธิไม่ค่อยดีหรือไม่ค่อยนิ่ง ดังนั้นเด็กเล็กวัยนี้จำเป็นต้องเรียนผ่านการทำกิจกรรม

            ดังนั้น กิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยอนุบาลหากว่าต้องหยุดอยู่บ้าน ผู้ปกครองควรจะหากิจกรรมที่ทำให้เด็กเล็กได้ทำอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดตารางให้เด็กทำกิจกรรมคงที่ คล้ายกับการไปโรงเรียน เช่น ตอนเช้าผู้ปกครองควรจัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นต้องวิชาการแน่นมาก เช่น การทำแบบฝึกหัดง่ายๆ หรือทบทวนบทเรียน เพื่อที่จะเตรียมตัวเรียนในวันถัดไป เป็นต้น หลังจากนั้นก็จัดกิจกรรมพักเบรกให้กับเด็กๆ ด้วยการออกกำลังกายผ่านการเต้นแอโรบิก หรือวิ่งเล่นในสวนหน้าบ้าน หรือต่อตัวต่อเลโก้ที่เด็กๆ บางคนชื่นชอบ ควบคู่ไปกับการนอนพักผ่อนในช่วงบ่ายๆ

            ซึ่งจะดีกว่าการที่ผู้ปกครองปล่อยปละละเลยให้เด็กเล็กเล่นโทรศัพท์ทั้งวัน และเล่นตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้า ซึ่งนั่นจะทำให้การเรียนรู้ของเด็กวัยนี้ถดถอยลงอย่างแน่นอน โดยสรุปแล้ว เด็กเล็กวัยอนุบาลเหมาะที่จะเรียนและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ และยังไม่จำเป็นต้องเน้นวิชาการมากนัก ที่สำคัญผู้ปกครองสามารถใช้เวลาหยุดช่วงโรคระบาดสอนลูกๆ ได้เช่นกัน ทั้งนี้หากเด็กวัยอนุบาลจำเป็นต้องเรียนออนไลน์จริงๆ ควรจะเป็นการเรียนรู้ผ่านคลิปสั้น โดยให้เด็กดูไม่เกิน 10 นาที และจะต้องมีผู้ปกครองคอยกำกับเด็ก ไม่ให้เด็กดูเพียงลำพัง หรือเลือกที่จะให้เด็กเล็กดูคลิปการเรียนรู้น่ารักที่คุณครูได้จัดทำไว้ให้ และตามด้วยการทำกิจกรรมตามธรรมชาติอย่างที่เรียนไปตอนต้น”

            แม้การเรียนออนไลน์จะเหมาะกับเด็กวัยประถมศึกษาไปจนถึงมัธยมศึกษา เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่มีวุฒิภาวะในระดับหนึ่ง แต่ไม่ควรเกินครั้งละ 30-40 นาที ที่สำคัญสอดแทรกกิจกรรมการเรียนรู้อื่นเพิ่มเข้าไปก็สามารถสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็กวัยนี้ได้เช่นกัน งานนี้ “พญ.อดิศร์สุดา” บอกว่า สำหรับเด็กกลุ่มวัยประถมศึกษานั้น ไม่ควรเรียนออนไลน์เกินครั้ง 30-40 นาที ที่สำคัญเด็กวัยประถมศึกษาควรที่จะได้รับความรู้เชิงวิชาการได้บ้างแล้ว เมื่อหยุดอยู่บ้านในช่วงนี้ผู้ปกครองควรเสริมกิจกรรมที่สร้างการเรียนรู้ อย่าง การให้เด็กช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ในสิ่งที่เขาทำได้ เพื่อฝึกความรับผิดชอบและความอดทน เช่น หากเป็นเด็กผู้ชายก็ให้ช่วยล้างรถ รู้จักเก็บที่นอนของตัวเอง หรือถ้าบ้านไหนขายของก็สามารถให้เด็กๆ ไปช่วยจัดเรียงของเป็นต้น ดังนั้นในช่วงนี้จึงเป็นโอกาสดีที่ทำให้เด็กวัยประถมศึกษาได้เรียนรู้อยู่บ้าน ควบคู่ไปกับการฝึกความรับผิดชอบที่ตัวเองทำได้

            ส่วนเด็กวัยมัธยมศึกษานั้น เป็นวัยที่เหมาะกับการเรียนออนไลน์ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด เพราะดีกว่าการที่เด็กจะไม่ได้เรียนอะไรเลย แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้คือ การหาเวลาออกกำลังกายในสิ่งที่เขาชอบหรือถนัด หรือถ้าเขาไม่ชอบออกกำลังกายเนื่องจากเด็กวัยนี้ไม่ชอบการบังคับ พ่อแม่สามารถให้เด็กทำงานที่ได้รับมอบหมาย เช่น ช่วยทำงานบ้าน ช่วยทำกับข้าว ซึ่งเป็นหน้าที่ประจำ ควบคู่ไปกับการเรียนออนไลน์เป็นประจำทุกวัน นอกจากนี้ในช่วงบ่ายก็สามารถให้เด็กวัยนี้ได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ก็จะช่วยส่งเสริมการเรียนได้ในช่วงที่เด็กต้องหยุดเรียนออนไลน์อยู่บ้าน”

            ด้าน พงศ์ธร จันทรัศมี ผู้จัดการโครงการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า “สิ่งที่กังวลคงเป็นเรื่องผลกระทบในระยะยาว หากว่าเด็กต้องหยุดบ่อยๆ และต้องเรียนออนไลน์สลับการเล่นอยู่บ้าน อาจเป็นสิ่งที่จะกระตุ้นให้เด็กอยู่กับหน้าจอมือถือและคอมพิวเตอร์มากขึ้น หรือเลือกที่จะเข้าสังคมโดยผ่านการแชตพูดคุยกับเพื่อนๆ โดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่เหมือนกับการสื่อสารต่อหน้า และเป็นทักษะการสื่อสารจริงๆ ผ่านตัวบุคคลกับบุคคล ส่วนอันที่สอง การที่เด็กอยู่กับหน้าจอก็จะทำให้ออกกำลังกายน้อยลง ซึ่งตรงนี้จะส่งผลต่อพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อต่างๆ ของเด็กวัยเรียนรู้ และก็จะเสี่ยงเกิดโรคอ้วนได้

            “ดังนั้น หากเด็กต้องเรียนออนไลน์อยู่บ้าน คุณครูควรหากิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เห็นในหลายโรงเรียนที่มีโปรแกรมสอนออนไลน์วิชาดนตรีและนาฏศิลป์ ครูจะให้เด็กถ่ายคลิปท่ารำไทยที่ครูได้สอนรำไป และส่งมาให้คุณครูดูว่าเด็กเข้าใจและสนุกกับวิชาที่เรียนหรือเปล่า ตรงนี้ก็จะช่วยด้านพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้โดยเฉพาะสังคมเมืองนั้น การจะทำให้เด็กอยู่ห่างจากหน้าจอถือเป็นเรื่องยาก เพราะมีพื้นที่จำกัด และช่วงนี้มีการรณรงค์ให้อยู่บ้านมากขึ้น แนะนำว่าการเพิ่มการเรียนรู้ให้กับสมองและพัฒนาการด้านร่างกายของเด็กผ่านกิจกรรมที่ทำร่วมกับผู้ปกครอง คือ การชวนลูกเล่นเกมกระดาษ เช่น เกมเศรษฐี หรือ บอร์ดเกม กระทั่งการทำอาหารร่วมกัน ตรงนี้จะได้ทั้งความอบอุ่นในครอบครัว ได้ทั้งการปรึกษาพูดคุยกัน และได้ชวนกันขบคิดแก้ไขปัญหาจากเกมที่เล่นร่วมกัน อีกทั้งเป็นการลดการติดเชื้อโควิด-19 ได้อีกด้วย โดยสรุปแล้วเป็นห่วงเรื่องทักษะการสื่อสารกับคนจริงๆ นั้นจะหายไปหรือน้อยลง และกระตุ้นเด็กติดเกม ติดหน้าจอมากขึ้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้องควรตระหนักครับ”

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////

 

ฟังผ่านจอไม่ได้เจอเพื่อน

หนูอยากไปโรงเรียนแล้ว

 

            น้องแบงค์-ศุภกร นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ บอกว่า “ปกติเรียนออนไลน์สัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 7 คาบ คาบละ 50 นาที ก็รู้สึกเบื่อ อยากไปโรงเรียนเพราะเจอเพื่อนๆ ที่สำคัญการเรียนออนไลน์บางครั้งไม่ค่อยรู้เรื่อง เนื่องจากสัญญาณมันขาดๆ หายๆ อินเทอร์เน็ตหลุดบ่อย และช่วงที่เรียนออนไลน์ครูก็ให้ถ่ายคลิปวิดีโอการขยับร่างกายในวิชาวิทยาการคำนวณ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกายให้ครูดู แต่ส่วนตัวก็ชอบที่จะเรียนในห้องเรียนมากกว่าครับ เวลาที่เราไม่รู้อะไรก็ถามได้เลย ไม่ต้องถ่ายคลิปวิดีโอ ซึ่งมันก็ดีกว่าเรียนออนไลน์ บางครั้งตัวเราก็เสียสมาธิ หันไปดูไปทำกิจกรรมอื่น พอกลับมาเรียนอีกครั้งก็รู้เรื่องไม่รู้เรื่องบ้าง สำหรับกิจกรรมยามว่างหลังเรียนออนไลน์ ก็มีเล่นโทรศัพท์บ้าง และก็ทำงานบ้าน ช่วยแม่ตั้งร้านขายอาหารตอนเย็น และช่วยเลี้ยงน้องเล็กๆ แต่ตอนนี้ก็อยากให้โรงเรียนเปิดเร็วๆ ครับ”

            น้องกาย-ปฏิพัทธ์ ขวัญโทน นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนธนบุรีวรเทพีพลารักษ์ บอกว่า “ช่วงที่ผ่านมาต้องเรียนออนไลน์อาทิตย์ละ 2 วัน โดยใช้เวลาเรียนครึ่งวันเช้า และสลับกันเรียนวิชาหลักๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ภาษาอังกฤษ ก็ต้องบอกว่าการเรียนออนไลน์ค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ก็จำเป็นต้องเรียนครับ เพราะจริงๆ แล้วผมอยากไปโรงเรียน อยากเจอเพื่อน ได้คุยกัน และได้เรียนร่วมกับเพื่อนๆ ก็รู้สึกสนุก ที่สำคัญตอนเรียนบางครั้งก็มีแอบเล่นเฟซบุ๊กบ้าง เพราะรู้สึกเบื่อกับการเรียนติดต่อกันเป็นเวลานาน และเพื่อไม่ให้น่าเบื่อ คุณครูที่สอนออนไลน์ก็จะให้นักเรียนทำกิจกรรม โดยการจับฉลากแจกอุปกรณ์การเรียน เช่น ดินสอสี ถ้าใครจับฉลากได้รางวัล ครูจะเขียนชื่อไว้และไปรับตอนเปิดเทอม ซึ่งก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายบ้าง แต่อย่างไรก็ชอบไปเรียนที่โรงเรียนมากกว่าครับ”

            น้องข้าวเจ้า-ด.ช.พงศ์ศุลี เก่าจอหอ นักเรียนชั้น ป.3 บอกว่า “ช่วงที่ผ่านมาได้เรียนออนไลน์ โดยการที่คุณครูจะส่งการบ้านให้ทางไลน์ และเมื่อทำเสร็จแล้วก็จะถ่ายรูปส่งกลับไปให้ครูดู ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ชอบเรียนทั้งสองแบบ แต่ที่ชอบมากที่สุดคือการเรียนกับครูในห้องเรียน เพราะได้เจอกับครู เวลาที่เรียนไม่เข้าใจก็ถามครูได้เลย และครูก็จะอธิบายทำให้เข้าใจมากขึ้น ตอนนี้ก็อยากไปโรงเรียนแล้วครับ เพราะผมอยากเจอเพื่อน แต่การเรียนออนไลน์ก็มีข้อดี คือ ทำให้เราได้เริ่มต้นเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีง่ายๆ อย่างการเล่นไลน์ครับ แต่ถ้าจะให้เลือกที่ชอบมากที่สุดคือเลือกไปโรงเรียนครับ”

            น้องเค้ก-ด.ญ.กัลยา นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนวัดมงคลวราราม บอกว่า “เค้กได้เรียนออนไลน์โดยการที่คุณครูส่งการบ้านมาทางไลน์ และให้ทำแบบฝึกหัดวิชาภาษาอังกฤษและถ่ายรูปส่งให้ครู แต่เค้กชอบไปโรงเรียนมากกว่า เวลาที่ฟังครูสอนหน้าห้องเรียนแล้วเข้าใจมากกว่าทำการบ้านอยู่ที่บ้าน เวลาไม่เข้าใจครูก็จะเดินเข้ามาอธิบายให้ฟัง ก็รู้สึกว่าทำให้เข้าใจได้ดีกว่า เพราะครูจะอธิบายช้าๆ หรือเพื่อนคนไหนที่ไม่เข้าใจ ครูก็จะสอนจนเข้าใจ อยากให้โรงเรียนเปิดเทอมเร็วๆ และอยากไปโรงเรียน ไปเจอเพื่อนใหม่ค่ะ”.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"