30 พ.ค.61-นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความใน FB ถึงประเด็นการฉีกรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า

ใครฉีกรัฐธรรมนูญได้บ้าง?

อ.ธิดาได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไปแล้วเกี่ยวกับท่าทีของพรรคการเมืองต่อปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเรื่องนิรโทษกรรมโดยเฉพาะผู้ต้องคดีของประกาศและคำสั่งคสช.ซึ่งอ.ธิดาได้แสดงความเห็นชัดเจนต่อประเด็นดังกล่าวว่า พรรคการเมืองต่อไปนี้ควรจะต้องประกาศให้ชัดไปเลยว่า

1. คุณมีความเห็นต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างไร เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

2. คุณเห็นด้วยกับการที่คสช.จะอยู่ต่อ/สืบทอดการปกครองต่อของพล.อ.ประยุทธ์

3. เห็นด้วยมั้ยกับการที่จะยกเลิกประกาศคำสั่งคสช.ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน

3 ข้อนี้เป็นข้อเรียกร้องต่อพรรคการเมืองต่าง ๆ ให้ชัดเจน และอยากให้พรรคการเมืองนำสิ่งเหล่านี้มาชูเพื่อเป็นนโยบายในการหาเสียง

ซึ่งเหมือนกับแถลงการณ์นปช.ในวาระครบรอบ 4 ปี คสช. คือ

1. ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว โดยจัดให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างช้าที่สุดคือในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ตามคำมั่นสัญญาของคสช.

2. ยกเลิกประกาศ คำสั่ง ของคสช.ที่ลิดรอนสิทธิ เสรีภาพประชาชนและสื่อมวลชน 

3. ยกเลิกประกาศ คำสั่ง ที่ห้ามพรรคการเมือง นักการเมือง ทำงานการเมือง ให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ

4. ยุติการแทรกแซงครอบงำองค์กรอิสระ เพื่อมิให้มีปฏิบัติการใด ๆ ที่มีเจตนาทำลายล้างฝ่ายที่เห็นต่างทางการเมืองที่ไม่สนับสนุนการยึดอำนาจรัฐประหารหรือไม่สนับสนุนคสช.

5. เร่งปัจจัยที่จะทำให้เกิดการปรองดองอย่างแท้จริง โดยทำให้คดีความต่าง ๆ นั้นได้รับการปฏิบัติอย่างมีความเสมอภาคทางกฎหมาย ไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือและกลไกในการทำลายล้างฝ่ายเห็นต่างทางการเมือง ถ้ากฏหมายและการบังคับใช้กฏหมายไม่ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในความสุจริตยุติธรรมเท่าเทียมกัน การปรองดองไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ในประเทศนี้อย่างแน่นอน

ประเด็นวาทกรรมคำว่า “ฉีกรัฐธรรมนูญ” ของพรรคอนาคตใหม่ก็กลายเป็นหัวข้อข่าวและประเด็นในวันนี้

ประเด็นแรก ฝ่ายรัฐบาลก็อ้างว่าอันนี้หมิ่นเหม่ว่าผิดกฎหมายหรือเปล่า? รวมทั้งรูปแบบในการประชุมพรรคและเนื้อหา เป็นการตั้งข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรี 

ประเด็นที่สอง วาทกรรมคำว่า “ฉีกรัฐธรรมนูญ” จะเข้าข่ายมาตรา 116 หรือเปล่า?

ที่อ้างว่ามีการยุแหย่ให้มีความขัดแย้งกัน

ในประเทศไทย...แล้วใครบ้างล่ะที่ฉีกรัฐธรรมนูญได้!

อ.ธิดากล่าวว่า คนที่ฉีกรธน.ได้และฉีกจริงมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียงคนกลุ่มเดียว ก็คือคนที่ทำรัฐประหารแล้วได้รับชัยชนะ การทำรัฐประหารก็แปลว่าไม่เอารัฐเก่า ไม่เอากติกาเก่า นี่เป็นลักษณะพิเศษของประเทศไทยที่มีความขัดแย้งกับกติกาสูงสุด เพราะกติกาสูงสุดถูกใจคนบางส่วนและไม่ถูกใจคนบางส่วน

ทัศนะของอ.ธิดามองว่าการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจาก 10 ธันวาคม 2475 ไป รัฐธรรมนูญ 2489 ฉบับนี้เป็นการแก้รัฐธรรมนูญแบบอารยชนหรือแบบถูกต้องตามหลักการในระบอบประชาธิปไตยจริง ถือเป็นครั้งแรก

ครั้งที่สองคือช่วงที่จอมพลถนอมใช้ธรรมนูญการปกครองประเทศแล้วฉีกรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างมา 10 ปี แล้วมีธรรมนูญใหม่หรือเป็นรัฐธรรมนูญที่ใช้ แล้วเกิด 14 ตุลาคม 2516 การมีรัฐธรรมนูญฉบับปี 2517 ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่เปลี่ยนแล้วก้าวหน้าขึ้น

ครั้งที่สามคือการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญจาก 2534 ไปเป็นรัฐธรรมนูญ 2540

เมื่อถามว่าแล้วที่เหลือที่ว่ามีการฉีกรัฐธรรมนูญแล้วเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ ถามว่าใครทำ? คำตอบคือมาจากคณะรัฐประหารทั้งสิ้น ทั้งหมดถ้าไม่ใช่กองทัพ จะเป็นประชาชนหรือรัฐบาลพลเรือนล้วนไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ ถ้าจะบอกว่าคุณธนาธรฉีกรัฐธรรมนูญ อ.ธิดาได้อธิบายในความหมายนี้ก็คือคุณธนาธรไม่เอารัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยใช้กลไกทางกฎหมาย

แต่ถ้าทำรัฐประหารมันง่ายและเร็ว เพียงแอ่นแอ๊นเสร็จ ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ แล้วก็มีรัฐธรรมนูญชั่วคราวได้เลย อย่างนั้นเรียกว่า “ฉีก” ทำได้โดยฉับพลันทันด่วน เพราะฉะนั้นมีแต่ผู้ถืออาวุธและทำรัฐประหารชนะเท่านั้นจึงจะสามารถ “ฉีกรัฐธรรมนูญ” ได้โดยทันที

สำหรับพลเรือนที่ไม่ได้ถืออาวุธและประชาชน คำว่า “ฉีกรัฐธรรมนูญ” อยู่ในความรู้สึก คือการไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้แบบกองทัพทำ

เหมือนที่ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าที่คุณธนาธร หรือพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคชาติไทยพัฒนา หรือคนในพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดว่าไม่เอารัฐธรรมนูญ 60 ความหมายเหมือนกันว่าต้องใช้กลไกทางกฎหมาย

ช่วงท้ายอ.ธิดากล่าวว่าการออกมาเปิดหน้าของคสช.เพื่อดำเนินการทำงานทางการเมืองต่อไปนั้นทำให้ประชาชนเลือกได้ง่าย เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองก็ควรเปิดหน้าออกมาเลยว่ายืนอยู่ในปีกไหน ปีกข้างที่ไม่เอารัฐธรรมนูญ ปีกข้างที่ต้องการแก้ประกาศคำสั่งคสช.และนิรโทษกรรมผู้ที่ได้รับผล พูดง่ายๆ ว่าไม่เอาผลพวงการทำรัฐประหาร หรือพรรคการเมืองที่เอาผลพวงการทำรัฐประหาร เปิดออกมาให้ชัด ๆ แล้วประชาชนเป็นผู้ตัดสิน น่าจะดีที่สุด!