เด็กกำลังเล่นกับไฟ
ไม่รู้หรอกครับว่าไฟมันร้อน
โน้นแหละ....ถูกไฟลวก ถึงจะรู้สึกรู้สา
ประเด็น พรรคอนาคตใหม่ พรรคคนรุ่นใหม่ ประกาศขึงขังจะฉีกรัฐธรรมนูญ ใครห้ามเท่าไหร่ไม่ฟัง ให้ข่าวรายวัน ต้องรื้อให้ได้
ก็ฝากเตือน ก่อนจะลงมือทำอะไร สิ่งสำคัญสุด ถ้าไม่รู้ ก็ให้ศึกษาประวัติศาสตร์
อย่าหนีบตำรามาฝึกงานการเมือง เพราะถ้าพลาด....
จะเอาไม่อยู่
รู้ครับ...แค่แผนการตลาด เพราะเอาเข้าจริง ทำไม่ได้ เว้นเสียว่า ล็อกถล่มพรรคอนาคตใหม่กวาดที่นั่ง ส.ส.เกือบหมดสภา
หรือต่อให้จับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ อย่าคิดว่าเพื่อไทยจะเอาด้วย
ที่เห็นออกมาคร่ำครวญด้วยความแค้น พอถึงเวลา เงียบเป็นเป่าสาก
เพราะอะไร?
ลองไปพลิกประวัติศาสตร์ดู ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ มักจะมีวิกฤติทางการเมืองตามมาเสมอ
ถ้าแก้ไม่กี่มาตราและสังคมส่วนใหญ่ยอมรับได้ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
แต่ถ้าฉีกหรือรื้อใหญ่ ครั้งล่าสุด รัฐบาลยิ่งลักษณ์ อ้าง ๑๕ ล้านเสียง พยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ทั้งฉบับ
สุดท้ายก็จบเห่
กลายเป็นพยายามล้มล้าง!
วานนี้ (๓๐ พฤษภาคม) นายปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าที่เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ไปโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul ว่า
"พรรคอนาคตใหม่ได้แถลงข่าวในวันที่ ๒๗ พ.ค.ที่ผ่านมาว่า หากมีโอกาสเข้าสภา จะดำเนินการ ๔ เรื่องทันที ได้แก่
๑.การนำบรรดาประกาศ คสช คำสั่ง คสช คำสั่งหัวหน้า คสช ทั้งหมด มาพิจารณาทบทวน หากประกาศ คำสั่งใดที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและขัดหลักความยุติธรรมอย่างชัดแจ้ง ต้องยกเลิกทันที และต้องชดใช้เยียวยาให้ผู้เสียหาย หากประกาศ คำสั่งใดที่ออกมาตามราชการประจำวันหรือมีบุคคลที่ได้รับประโยชน์ไปโดยสุจริตจำนวนมาก ให้แปลงรูปประกาศ คำสั่งเหล่านั้นเป็นพระราชบัญญัติ กฎหมายลำดับรอง กฎ คำสั่งทางปกครอง แล้วแต่กรณี
๒.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ เพื่อยกเลิกมาตรา ๒๗๙ เปิดทางให้บุคคลได้โต้แย้งว่าบรรดาประกาศ คำสั่ง คสช คำสั่งหัวหน้า คสช และการกระทำเกี่ยวเนื่อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
๓.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ เพื่อเปิดทางให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ทำรัฐธรรมนูญใหม่
๔.ยุติการดำเนินคดีหรือนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลที่ถูกดำเนินคดี เป็นจำเลย หรือเป็น 'นักโทษ' จากการทำความผิดตาม 'กฎหมายห่อปืน' ของ คสช
ทั้งสี่เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่อง radical ไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง รุนแรง
แต่มันคือ การคืนความปกติให้กับประเทศไทย ฟื้นฟูหลักนิติรัฐ ยุติ 'รัฐธรรมนูญคู่'
หากใครที่มองว่าการดำเนินการในสี่เรื่องนี้ เป็นเรื่องรุนแรง คงเป็นเพราะว่า
๑.เขาผู้นั้นสนับสนุนเผด็จการทหาร
๒.เขาผู้นั้นเป็นพวกสุดโต่งอีกด้านหนึ่ง จึงผลักให้คนปกติที่ต้องการคืนความปกติ กลายเป็นพวกสุดโต่ง
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพวกเรา คนปกติ คนธรรมดา ที่ต้องการกำหนด 'อนาคตใหม่' ต้องออกมาช่วยกันยืนยันว่า บรรดาประกาศ คำสั่ง คสช และรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ คือ 'มรดก คสช' ที่สร้างความไม่ปกติ และทำให้เราชินว่าเป็นความปกติ
พวกเรา คือ คนปกติ พวกเขาต่างหาก การใช้อำนาจของพวกเขาต่างหากที่ไม่ปกติ"
ครับ...วันนี้ถือว่านายปิยบุตร เป็นนักการเมืองแล้ว ไม่ใช่นักวิชาการ
การที่นายปิยบุตรมองผู้เห็นต่างว่าเป็นผู้สนับสนุนเผด็จการ เป็นพวกสุดโต่ง เป็นพวกไม่ปกติ ก็ต้องถามกลับว่า คนที่พยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองด้วยการประกาศฉีกรัฐธรรมนูญนั้น....
ใช่พวกที่คิดแบบปกติอย่างนั้นหรือ
รัฐบาลยิ่งลักษณ์มีเสียงในสภาเท่าไหร่ สุดท้ายไปไม่ได้ เพราะสังคมโดยรวมยังไม่เอาด้วย
หนำซ้ำมีแนวโน้มว่าการรื้อรัฐธรรมนูญนั้น ก็เพื่อล้างความผิดให้ ทักษิณ ความขัดแย้งทางการเมืองจึงเกิดขึ้น
แล้ว พรรคอนาคตใหม่ ต้องการพาประเทศไปสู่จุดนั้นอีกครั้งหรือ?
รับผิดชอบไหวมั้ย?
ย้ำอีกครั้ง รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ แต่นั่นหมายความว่า ต้องผ่านกระบวนการบังคับใช้ไปสักระยะ จนสังคมโดยรวมตกผลึกร่วมกันแล้วว่า ประเด็นไหน มาตราไหน มีข้อเสีย ก็แก้ไขตรงนั้น
จะติเรือทั้งโกลน ติโขนยังไม่ทรงเครื่อง มันใช่เรื่อง
อย่าไปมองว่าคนที่สนับสนุนรัฐบาล คสช.เป็นพวกป่าเถื่อนล้าหลัง พวกนิยมเผด็จการ คิดแบบนั้นมันตื้นเขินเกินไป
เหมือนไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าประเทศไทยผ่านอะไรมาบ้าง
เมื่อนักการเมืองเลวบริหารประเทศ ไม่ได้เลวเฉพาะเทอม รอ ๔ ปีหนแล้วเลือกใหม่ แต่มันเลวทั้งโคตร เลือกมาใหม่ก็เลวอีก
ถามว่าประชาชนจะมีทางออกอย่างไร?
ก็ต้องหันไปหาคนที่เลวน้อยกว่า
เมื่อประชาชนมองว่าทหารเลวน้อยกว่านักการเมือง ก็ไปสนับสนุนกองทัพ สนับสนุน คสช.
วันนี้ คสช.เองก็เริ่มเสื่อม ถามว่าประชาชนจะหันไปไหน
ไปหานักการเมืองหรือเปล่า?
ในขณะที่นักการเมืองหน้าใหม่บอกว่า...เข้ามางานแรกคือ "ฉีก" รัฐธรรมนูญทันที!
มันก็แผ่นเสียงตกร่อง ฉีกเมื่อไหร่เกิดวิกฤติการเมืองเมื่อนั้น
"ปิยบุตร" นายรับผิดชอบไหวแน่นะ?
ด้วยความเคารพ...จนถึงวันนี้ไม่แน่ใจว่านายปิยบุตรมีวุฒิภาวะพอที่จะทำงานการเมืองหรือไม่?
จำได้ว่า ประมาณเดือนสิงหาคมปีก่อน นายปิยบุตร ไปรับศรีภรรยาสนามบินดอนเมือง ด้วยความไม่พอใจการให้บริการของ ตม. ซึ่งขณะนั้นมีปัญหาจริงๆ นายปิยบุตรแบ่งปันความไม่พอใจนี้สู่สาธารณะ ด้วยการโพสต์เฟซบุ๊กตัดพ้อด่าทอหลายครั้งตลอดทั้งวัน
"...มารับภริยาผมที่ดอนเมือง เธอส่งรูปมาให้ดู นี่คือการต่อแถวที่ ตม. ที่ทุเรศทุลักทุเลที่สุด นี่หรือประเทศที่มีรายได้อยู่ที่การท่องเที่ยวเป็นหลัก เธอประเมินว่าน่าจะ ๒,๐๐๐ และแถวไม่ขยับเลย
เธออยู่มา และไปๆ มาๆ ๘-๙ ปี เธอบอกผมว่า ประเทศไทยถอยลงไปเยอะจริงๆ ในทุกๆ เรื่อง ผมเห็นด้วย นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่าง
กลับมาจากฝรั่งเศสได้ไม่นาน ผมอยากกลับไปฝรั่งเศสอีกแล้ว หรือขอไปอยู่ที่อื่นก็ได้ เดนมาร์กก็ได้ สิงคโปร์ก็ได้
....ภริยาผมบอกว่า เธอไม่อยากอยู่ประเทศนี้แล้วจริงๆ....
...และถ้ามีลูก ผมไม่มีวันให้ลูกผมเรียนและเติบโตที่นี่แน่นอน....
....ประเทศไทย คงเหมาะกับการมาเที่ยวประเดี๋ยวประด๋าว หรือหากจะอยู่ ก็ไม่ควรชอบทำกิจกรรมอะไรมาก นอกจากอยู่บ้าน อยู่บ้าน อยู่บ้าน...
ในทางการเมือง ก็แย่ลงไปทุกวัน ดูทีท่าว่าคงไม่ฟื้นกลับมาแน่
ในทางเศรษฐกิจ คนรวย ก็มีแต่รวยขึ้นๆ คนชั้นกลาง ก็ดิ้นรนอยู่เป็นไปเรื่อยๆ ใช้สารพัดกลวิธีในการถีบตัวเองขึ้นไป แต่คงหาคนที่รอดถีบตัวเองได้น้อยลง คนจนก็จนลงๆ จนดักดานมากขึ้น
ต่อไป คนไทยคงจะไหลออกมากขึ้น ถ้าคนไทยได้ภาษาอังกฤษกว่านี้ คงมีคนไหลออกมากขึ้นอีก
ต่อไป พวกที่อยู่ได้ คือ พวกที่รวย สบาย แล้วก็ที่นี่ให้อภิสิทธิ์ และเป็นคอมฟอร์ท โซน ความยากลำบากที่คนส่วนใหญ่ต้องเผชิญ พวกเขาก็สามารถใช้เงินแก้ไขได้
ที่เหลือ ก็คือ พวกที่หาหนทางออกไปไม่ได้ ก็ต้องปรับตัว ทนกันไป บ้างก็ใช้วิธี 'องุ่นเปรี้ยว' หลอกตนเองไปเรื่อยๆ ว่า ประเทศไทยสุดยอดที่สุด บ้างก็ใช้วิธีอดทน หน้าชื่น อกตรม
บางครั้ง ผมก็อิจฉาคนอายุ ๖๐-๗๐ ซึ่งทนอีกแปบเดียว ก็สบายแล้ว
ผมเชื่อว่า นี่ยังไม่ใช่จุดที่เลวร้ายที่สุด มันยังต่ำดิ่งลงกว่านี้ได้อีก
เวลาผ่านไปนับตั้งแต่เครื่องบินลงจอดได้ ๔ ชั่วโมงแล้ว ภริยาของผมยังคงติดอยู่ที่ ตม และคนยังแน่นเหมือนเดิม
ต้องใช้เวลา ๔ ชม และอาจถึง ๕ ชม เพียงเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ในระยะทางไม่กี่เมตร
แบบนี้ คงต้องเรียกประเทศ 'เฮงซวย'
เส็งเคร็ง
ห่วยแตก.....
....ประเด็นเรื่องคนไม่พอใจการวิจารณ์ตำหนิประเทศชาติ จนคนเหล่านี้คิดชื่อ 'ลัทธิชังชาติ' ขึ้นมาเพื่อใช้ต่อต้านตอบโต้นั้น
น่าสังเกตว่า เมื่อก่อน ไม่เป็นกันขนาดนี้ ผมเชื่อว่า เกือบทุกคนต่างก็เคยด่าประเทศ ด่าชาติกันมาทั้งนั้น พวกที่ออกมาด่าคนวิจารณ์ประเทศเอง ต่างก็เคยด่าประเทศกันมาทั้งนั้นแหละ มากบ้าง น้อยบ้าง
แต่ทำไมในระยะหลัง ถึงมีคนกลุ่มหนึ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนเอามาก ทำไมถึงต้องด่าและไล่คนวิจารณ์ประเทศออกนอกประเทศ
ผมคิดว่า เรื่องนี้สัมพันธ์กับยุคสมัย
คนกลุ่มนี้ขาดสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ และกำลังสร้างสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจขึ้นมาใหม่เพื่อปลอบประโลมใจตนเอง เสมือนเป็น 'ปม' ของคนกำพร้าพ่อ...."
ครับ...ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในเฟซบุ๊กของนายปิยบุตร
ตม.มีปัญหาต้องแก้ไข แต่วิธีการนำเสนอปัญหาของนายปิยบุตร ไม่ได้อยู่ที่ ตม. แต่กลายเป็นสังคมที่มีปมกำพร้าพ่อ ประเทศไทยเฮงซวย ไม่น่าอยู่
จะตั้งใจเขียน หรือเพราะห่าม วันนั้นสังคมให้อภัย
แต่วันนี้นายปิยบุตรเป็นนักการเมืองเต็มตัว และพยายามจะผลักดันในประเด็นที่น่าจะรู้ว่า เสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้ง
ก็อยากถามว่า เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อแก้ปัญหาชาติ หรือมาเพื่อสร้างให้ปัญหามันมากขึ้นอีก
ปัญหาของชาติมีเยอะ และมันสาหัสกว่า ตม.สนามบินทำงานช้าเป็นล้านเท่า
ถ้าจะเอาแต่ด่าประเทศไทย เส็งเคร็ง เฮงซวย ไม่ใช่ประเทศที่เด็กจะเติบโต
รู้นะ...รัฐสภาไม่ใช่สนามเด็กเล่น.
ผักกาดหอม
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |