“ประวิตร” ตบปากเด็กภูมิใจไทย บอกให้ไปคิดเองสมควรพูดหรือไม่ “สุชาติ” ขย่มซ้ำอย่าแค่โม้เอาเสียงเชียร์ ทะแม่ง! บอกทุกวันนี้ยังไม่รู้วัคซีนมีกี่โดส จะให้วอล์กอินได้อย่างไร “ดร.แรมโบ้” ไม่พลาดหวดซ้ำ บอกตินายกฯ เท่ากับตำหนิหัวหน้าพรรคตัวเอง “ก้าวไกล” ได้ทีเสี้ยม “ปชป.-ภท.” ควรวอล์กเอาต์ออกมา เพราะถูกข้ามหน้าข้ามตาตลอด โฆษกรัฐบาลย้ำแผนกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง อภ.แจงรับซิโนแวคเพิ่มอีก 1.5 ล้านโดส
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 พ.ค. ยังคงมีความต่อเนื่องจากประเด็นการวอล์กอินฉีดวัคซีน ที่พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่เห็นด้วยกับการจัดการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า ไม่มีความคิดเห็น แต่สมควรหรือไม่ก็ไปคิดดูกันเอง เพราะเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามถึงการแสดงความเห็นว่านายกฯ ขวางการเข้าถึงวัคซีน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เป็นฝ่ายดำเนินงานและบูรณาการทำงาน ดังนั้นไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความขัดกันของพรรคร่วมรัฐบาล รองนายกฯ กล่าวว่า "ไม่มีๆ เรื่องขัดแย้ง ไม่มี เป็นเรื่องของบุคคล" ถามย้ำว่าต้องกำชับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. ให้ปรามลูกพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ไม่ต้องกำชับ เขาเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว รู้อยู่แล้วว่าอะไรควรไม่ควร"
เมื่อถามว่าสมาชิกพรรค พปชร.ก็ออกมาตอบโต้อีกฝ่ายเช่นเดียวกัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องของโฆษกฯ มีความเห็นอย่างไรก็ว่าไป
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวกรณีนี้ว่า การออกมาพูดแล้วรู้หรือยังว่าจะได้วัคซีนเท่าไหร่ จึงจะเปิดให้วอล์กอิน จะพูดเอามันไม่ได้ คนเป็น ส.ส.ต้องมีวุฒิภาวะในการพูด และไม่อยากพูดเรื่องนี้ เพราะเป็นน้องรู้จักกัน แต่การพูดอะไรต้องมีความคิด ต้องรู้ว่าการเปิดฉีดวัคซีนวอล์กอิน ตอนนี้มีวัคซีนในมือเท่าไหร่ เช่น กระทรวงแรงงานได้วัคซีนมา 1.5 แสนโดส แต่มีผู้ประกันตนใน กทม. 3.5 ล้านคน ก็ต้องบริหารจัดการ สมมุติประกาศออกไปให้วอล์กอินได้ทุกคนก็มากันหมด ดังนั้นขอให้นำความจริงมาพูดกัน และไม่ขอก้าวล่วงว่าเรื่องที่นายภราดรออกมามีผู้ใหญ่ภายในพรรครู้เห็นหรือไม่ แต่ขอเตือนว่าหากเราเป็น ส.ส. ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล การจะพูดอะไรต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง
ติงอย่าพูดเอาเสียงเชียร์
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายภราดร ออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ ถือเป็นการปกป้องนายอนุทินที่ถูกนายกฯ เบรกเรื่องวอล์กอินหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า จะปกป้องอะไรต้องมีวุฒิภาวะในการพูด และพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบคำพูด ขอพูดในฐานะพื้นฐานคนทำงาน ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่ามีวัคซีนกี่โดส แล้วจะเปิดให้วอล์กอิน ต้องคิดให้เป็น ถ้าคิดเป็นแล้วก็ต้องพูดเป็น
"คนแห่ไปหมื่นคน แต่มีวัคซีนแค่ 1,000 คน แล้วจะตอบคำถามคนอีก 9,000 คนอย่างไร คำพูดคำจาต้องมีวุฒิภาวะ ผมไม่อยากพูด ไม่อยากทะเลาะ เพราะรู้จักกันทั้งนั้น แต่ไม่พูดไม่ได้ ไม่ใช่ออกมาพูดเอาคะแนนเสียง พูดโดยให้คนเชียร์ แต่ไม่รู้จุดจบจะเป็นอย่างไร เราทำงานต้องมีแผน สามารถตอบแทนได้หมด"
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวประเด็นนี้ว่า การวอล์กอินอาจเกิดปัญหาตามมาได้ หากมีคนเป็นจำนวนมากเข้ารับการฉีดวัคซีนพร้อมกัน แต่ ณ จุดบริการฉีดวัคซีนในแต่ละวันก็อาจมีวัคซีนไม่เพียงพอได้ อาจทำให้ประชาชนที่เดินทางมาเสียเวลานัดมาใหม่ ยิ่งเกิดความไม่พึงพอใจตำหนิรัฐบาลได้ แต่หากลงทะเบียน ณ จุดบริการ หรือ On-site Registration ที่ปรับจากการวอล์กอินจะมีระบบรองรับและแจ้งประชาชนเมื่อเดินทางไปลงทะเบียนว่า มีวัคซีนเพียงพอ ณ จุดบริการในวันนั้นหรือไม่ หากพร้อมฉีด แต่หากวัคซีนไม่พอในวันนั้นก็ลงทะเบียนเพื่อนัดฉีดในวันอื่นได้
“ขอให้นายสิริพงศ์และนายภราดร ส.ส.พรรคภูมิใจไทยเข้าใจนายกฯ ด้วยว่านายกฯ ตั้งใจจริงที่อยากให้ประชาชนเข้าถึงการฉีดวัคซีนให้เร็ว และมากที่สุด และนายกฯ ยังให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาโควิดเป็นอย่างมาก โดยให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติแล้ว” นายเสกสกลกล่าว และว่า ต้องช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และร่วมมือกันมากกว่าจะออกมาตำหนิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งแผนการบริหารฉีดวัคซีนให้ประชาชนนั้น นายกฯและนายอนุทินได้วางแผนร่วมกันตลอด ถ้า ส.ส.ทั้งสองยังไม่เข้าใจในรายละเอียดแผนดำเนินการฉีดวัคซีน น่าจะไปสอบนายอนุทินจะทราบเรื่องดี จะได้ไม่ออกมาตำหนินายกฯ เพราะถ้าตำหนินายกฯ ตำหนิรัฐบาล สุดท้ายก็เหมือนตำหนิ รมว.สธ. ตำหนิพรรคตัวเองด้วย เพราะเราเป็นรัฐบาลร่วมกันอยู่ในเรือนาวาลำเดียวกัน
ส่วนนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวในเรื่องนี้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงความกลับไปกลับมาของรัฐบาลที่ทำให้ประชาชนสับสนครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งปัญหามาจากความพยายามรวบอำนาจไว้ที่ตนเองของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่เคยมีความเข้าใจถึงความจำเป็นเร่งด่วนทางสาธารณสุข เพราะมัวแต่สนใจแต่หน้าตาของตนเอง
เสี้ยม“ปชป.-ภท.”วอล์กเอาต์
“เรื่องนี้เป็นนัยที่สะท้อนถึงความไม่เป็นเอกภาพระหว่างพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนหลักของรัฐบาล กับพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสองพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือภูมิใจไทยที่ต้องทำงานแบบโดนข้ามหัวมาตลอด ในสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนต้องการเห็นเอกภาพในการวางแผนร่วมกันเพื่อพาประชาชนข้ามผ่านความเลวร้ายไปให้ได้ ผมคิดว่าการที่ให้วอล์กอินไม่ได้ ทั้งที่เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทุกองคาพยพของรัฐบาลเข้าไปสนับสนุนทำให้เป็นจริง ก็คงยากแล้วที่พรรคร่วมรัฐบาลจะทำผลงานตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วลองมองย้อนกลับไปในหลายเรื่องโดนกระทำมา ผมแนะนำให้ทั้งสองพรรควอล์กเอาต์ออกมาดีกว่า ไม่ควรไปเดินตามตัวถ่วงประเทศ เพื่อลดความน่าเชื่อถือของตัวเองลงไปทุกวัน”
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมสภากลาโหมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ไปยังหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม โดยภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พ.อ.วีรยุทธ์ น้อมศิริ ผู้ช่วยโฆษก กห. แถลงผลประชุมตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์มอบนโยบายหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงทุกเหล่าทัพสร้างการรับรู้ในการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในเรื่องการฉีดวัคซีน รวมถึงกำลังพลและครอบครัวด้วย ขณะที่ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนให้กำลังพล ตอนนี้กระจายไปยังทั่วถึงแล้ว
ขณะที่ พล.อ.ประวิตรมอบนโยบายต่อแรงงานจังหวัดและสำนักงานในแรงงานต่างประเทศผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยระบุว่า ได้เน้นย้ำในเรื่องการบริหารวัคซีน ร่วมกับคณะกรรมการกระจายวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนอย่างทั่วถึง และตรวจคัดกรองเชิงรุกให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงสูงมากที่สุด ส่วนการช่วยเหลือเยียวยายังต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวถามถึงการฉีดวัคซีนให้ผู้ประกันตนมีอุปสรรคอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี เราเตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว โดยเตรียมจุดฉีดไว้ 45 จุดใน กทม.และปริมณฑล 9 จังหวัด
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ได้สั่งการให้อธิบดีทุกคนต้องประสานหาวัคซีนเพื่อฉีดให้ทุกคนในสังกัด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ พนักงานและลูกจ้าง ต้องได้ฉีดวัคซีนทั้งหมด รวมทั้งอธิบายให้ความรู้ว่าวัคซีนไม่ได้น่ากลัว ขอให้เป็นนโยบายเร่งด่วน โดยข้าราชการ พนักงานและลูกจ้าง หากมาทำงานในกรมหรือหน่วยงาน หากยังไม่ได้รับวัคซีนจะไม่ให้เข้าพื้นที่ แต่หากได้รับเข็มแรกแล้วมีหลักฐานมาแสดงก็ให้เข้ามาทำงานได้ คำสั่งนี้เป็นคำสั่งของกระทรวงทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะไม่ต้องการทำให้สังคมเห็นว่าข้าราชการกระทรวงยุติธรรมขาดความตื่นตัวในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม เพราะหากมีคนติดเชื้อจะเดือดร้อนทั้งกรม การทำงานต่างๆ ในการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกประชาชนจะสะดุดได้
ร่ายแผนฉีดวัคซีน 3 ช่องทาง
ส่วนนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการเน้นย้ำให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยรัฐบาลมีแผนการกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง คือ 1. ระบบหมอพร้อม ซึ่งเปิดให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคลงทะเบียน และจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปอายุต่ำกว่า 60 ปี ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 31 พ.ค.นี้ ซึ่งข้อดีคือประชาชนสามารถเลือกวันเวลาและสถานที่ได้เอง
2.การลงทะเบียน ณ จุดบริการ หรือ On-site Registration ช่องทางนี้ปรับจากการเรียกว่าวอล์กอิน (Walk in) เนื่องจากหากใช้คำว่าวอล์กอินแล้ว อาจเกิดความเข้าใจผิดว่าทุกคนที่เดินทางไปจะได้ฉีดในวันนั้น จนอาจเกิดปัญหาตามมาได้
“นายกฯ ยืนยันว่าถ้าหากในแต่ละจุดที่บริการมีวัคซีนเพียงพอในแต่ละวัน และมีวัคซีนสำรอง เนื่องจากมีคนที่นัดแล้วแต่ไม่ได้มาฉีดตามนัดอยู่บ้าง รัฐบาลก็มีแผนในการเปิดการฉีดวัคซีนแบบวอล์กอินได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดและความรุนแรงนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม มีการระบาดในหลายคลัสเตอร์หลายพื้นที่ เป็นสาเหตุให้นายกฯ จำเป็นต้องตัดสินใจปรับแผนเพื่อให้ทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยส่วนบริการหลักยังเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม ส่วนการวอล์กอินจะเป็นการบริการเสริมช่วงนี้”
3.การจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเฉพาะ หรือการกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ เน้นจัดสรรวัคซีนไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มจำเป็นพิเศษ หรือมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต เช่น บุคลากรทางการแพทย์, เจ้าหน้าที่ด่านหน้า, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.), ทหาร, ตำรวจ, ข้าราชการ, พนักงานด้านการบิน, ครู-อาจารย์ และผู้ขับขี่รถยนต์และจักรยานยนต์สาธารณะ เป็นต้น โดยประชาชนกลุ่มนี้สามารถติดต่อนัดหมายผ่านสถานพยาบาล หรือ อสม.ได้โดยตรง หรือหากเป็นกลุ่มบุคคลหรือสมาคมที่มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน ก็ยื่นเรื่องต่อ สธ.เพื่อพิจารณาจัดสรรวัคซีนและจัดเตรียมสถานที่ฉีดต่อไป
“นายกฯ ยังมีนโยบายเตรียมการฉีดวัคซีนให้กลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.นี้ นอกจากนี้รัฐบาลมีเป้าหมายระดมฉีดวัคซีนแบบปูพรมใน กทม. ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน หรือ 70% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ภายใน 2 เดือนนี้ (มิ.ย.-ก.ค.64) และฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั้งประเทศให้ครบ 50 ล้านคนภายในปี 2564”
ด้านเพจหมอพร้อมเผยจำนวนประชาชนที่จองรับวัคซีน สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ณ วันที่ 20 พ.ค. เวลา 08.00 น. มีผู้ลงทะเบียน 7,405,567 คน แบ่งเป็น กทม. 810,331 ราย และต่างจังหวัด 6,595,236 คน
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า เมื่อเวลา 05.35 น. ที่เขตปลอดอากรและคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อภ.ได้รับมอบวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวคจากประเทศจีนเพิ่มอีก 1.5 ล้านโดส โดยก่อนหน้านี้ได้นำเข้าวัคซีนซิโนแวคมาแล้ว 8 ล็อต รวมวัคซีนที่ อภ.จัดหาได้เข้ามาแล้วทั้งสิ้น 6 ล้านโดส และภายในเดือน มิ.ย.นี้จะนำเข้ามาอีก 3 ล้านโดส โดยปัจจุบันวัคซีนซิโนแวคนี้ได้มีการใช้ทั่วโลกแล้ว 260 ล้านโดส ใน 45 ประเทศ เป็นอันดับ 2 ต่อจากวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |