การจับกุมพระผู้ใหญ่ในกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) พร้อมกันถึง 3 รูป ประกอบด้วย พระพรหมสิทธิ หรือ “เจ้าคุณธงชัย” เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พระพรหมดิลก หรือ “เจ้าคุณเอื้อน” เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และพระพรหมเมธี หรือ “เจ้าคุณจำนงค์” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร
รวมทั้งผู้พระผู้ใหญ่อีก 4 รูป ระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาส และเลขานุการเจ้าอาวาส ในวัดดัง ไม่น่าจะถึงจุดหมายปลายทางของการ “ปฏิรูปวงการสงฆ์” เพราะนั่นเป็นเพียงเรื่องเฉพาะตัวบุคคล
หากแต่การจับกุมครั้งนี้น่าจะเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการปฏิรูปพระพุทธศาสนา “ครั้งสำคัญ” ของประเทศเลยก็ว่าได้ หากมองภาพรวมของปฏิบัติการครั้งนี้ที่ครอบคลุมไปถึง “พุทธะอิสระ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และอดีตแกนนำ กปปส.ด้วย
เพราะหากถอดรายละเอียดจากคดีเงินทอนวัดในครั้งนี้จะพบว่า มี “ช่องโหว่” มากมายที่นำมาสู่การทุจริต โดยเฉพาะรายรับ–รายจ่ายของวัด ที่ปรากฏว่า “เจ้าคุณธงชัย” เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ มีเงินในบัญชีส่วนตัวถึง 100 กว่าล้านบาท
นอกจากนี้ จากการตรวจค้นวัดสามพระยายังพบว่า มีเอกสารมากมายที่อาจเกี่ยวกับการวิ่งเต้น “สมณศักดิ์” จนมีการมองว่า ปัญหาของสงฆ์ทุกวันนี้มีลักษณะที่ไม่ต่างกับ “ทางโลก”
แน่นอน การจับกุม “พรหม 3 รูป” การปลดพ้นกรรมการ มส. และลงเอยด้วยการมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ถอดถอนสมณศักดิ์ของทั้ง 7 รูป เป็นเพียงการสะท้อนส่วนหนึ่งของปัญหาในวงการสงฆ์เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่จะต้องดำเนินการอีกมากมายเพื่อฟื้นฟูและกอบกู้ศรัทธาพุทธศาสนิกชนกลับมา
โดยก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง มีการพูดถึงเรื่องการปฏิรูปวงการสงฆ์กันมาโดยตลอด หากแต่มีเพียงแนวความคิดที่ไม่สามารถต่อยอดนำไปสู่การปฏิบัติได้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะพระสงฆ์บางส่วนที่ไม่ขานรับ หรือทางโลกที่มองว่าฆราวาสไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง
มีหลายชุดความคิดที่มีการศึกษาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี "ไพบูลย์ นิติตะวัน" เป็นประธาน, คณะกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ที่มี "สุจินต์ บริหารวนเขตต์" เป็นประธาน และอีกหลายชุด แต่สุดท้ายไม่มีใครนำไปสู่การปฏิบัติ
ขณะที่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ภายหลังเกิดเรื่องคดีเงินทอนวัดขึ้น เรื่องการปฏิรูปสงฆ์ถูกผู้ที่เกี่ยวข้องหยิบยกขึ้นมาในฝ่ายของผู้ที่เกี่ยวข้องอีกครั้งแบบจริงจัง
โดยจำแนกปัญหา ทั้งเรื่อง “เงิน” และ “การปกครองในคณะสงฆ์” พร้อมกับเสนอแนะเสนอ รวบเป็น “พิมพ์เขียว” เรียกว่า “แนวทางการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในสังคมชาวพุทธไทย” โดยการใช้กฎหมาย กฎมหาเถรสมาคม กฎกระทรวง ระเบียบ และคำสั่งที่มีอยู่แล้วให้มากที่สุด
หลายเรื่องถูกนำไปสู่การปฏิบัติแล้ว เพียงแต่ไม่มีผู้สังเกต ขณะที่อีกเรื่องหลายมีแนวโน้มที่จะได้รับการปฏิบัติหลังจากปฏิบัติการ
“ฟ้าสางที่ลานวัด”
ที่ต้องจับตาคือ ปัญหาเรื่องเงินของวัดนั้น จะต้องฝากในนามวัดเท่านั้น ไม่ใช่บัญชีส่วนตัว โดยอ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7540/2554 ที่เคยพิพากษาเอาไว้
หรือในเรื่องการเก็บรักษาเงินของวัดในส่วนที่เกินสามพันบาทขึ้นไป รวมถึงการจัดการเงินการกุศลที่มีผู้บริจาค กฎหมายที่มีอยู่กำหนดให้เจ้าอาวาสจัดให้ไวยาวัจกร หรือผู้จัดประโยชน์ของวัดซึ่งเจ้าอาวาสแต่งตั้ง ทำบัญชีรับ-จ่ายเงินของวัดแล้ว แต่ปรากฏว่ายังขาดการควบคุมตรวจสอบและการถ่วงดุลอำนาจของผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ได้กำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาดำรงตำแหน่งของไวยาวัจกร
อีกทั้งในการแต่งตั้งไวยาวัจกรในทางปฏิบัติ เจ้าอาวาสอาจเลือกจากคฤหัสถ์ที่คุ้นเคยเพียงคนเดียว ซึ่งอาจมีคุณสมบัติเบื้องต้นตามที่กำหนดไว้ในกฎเถรสมาคม แต่อาจไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการจัดประโยชน์ของวัดก็ได้ เป็นต้น
และยังมีรายงานว่า ทางทีมงานชุดเดิมได้มีการเตรียมจะเสนอระเบียบการแก้ไขใหม่ในครั้งนี้ในหลายประเด็น โดยมี “ตุ๊กตา” คร่าวๆ เช่น การเสนอให้มีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเหมือนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ คือ ยื่นบัญชีก่อนรับตำแหน่ง เมื่อพ้นตำแหน่ง และหลังพ้นตำแหน่ง 1 ปี
นอกจากนี้ ยังเสนอให้สมเด็จพระสังฆราช สามารถมีพระบัญชาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ของพระสงฆ์ที่จะคัดเลือกเป็นกรรมการ มส.ได้
ขณะเดียวกัน บรรดาเจ้าคณะต้องมีการคัดกรองเน้นที่วัตรปฏิบัติตามแนวทางสงฆ์สาวกพระพุทธเจ้า และมีความรอบรู้ทางพระธรรมวินัย เจ้าคณะแต่ละภาคควรเป็นตัวแทนพระสงฆ์ในพื้นที่ใครพื้นที่มัน โดยมีระบบป้องกันการเล่นพวกพ้อง
รวมไปถึงหลักเกณฑ์การพิจารณาเลื่อนชั้นของพระราชาคณะในชั้นต่างๆ ที่ส่วนใหญ่ที่ทราบมีการเขียนพฤติกรรมมาด้วย เช่น สร้างเจดีย์บรรจุพระอัฐิมูลค่าร้อยล้าน หรือสร้างอนุสาวรีย์พระมูลค่าหลายล้านบาท เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของพระรูปนั้น เมื่อสร้างราคามากๆ ก็มีการเรี่ยไร รบกวนบอกบุญจากญาติโยมและส่วนราชการต่างๆ จนเป็นบ่อเกิดของการยักยอกเงินเช่นกัน
เป็นประเด็นที่ต้องจับตาต่อจากนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |